วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ACADEMY OF HOPE & TRUST



  • ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปีจะเป็นเดือนที่พวกเรามีความสุขเพราะเป็นเดือนที่พวกเราชาวไทยทั้งหลายจะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองเนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นที่รักและเทิดทูนของพวกเราทุกคน ปีนี้เป็นปีพิเศษที่ทรงพระชนม์มายุ 82 พรรษา ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงพระพลานามัยไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็ทรงเสด็จมหาสมาคมและทรงพระราชทานกระแสพระราชดำรัส ฟังแล้วก็ให้รู้สึกมีความสุขที่พ่อหลวงของเราทรงเตือนพวกเราทั้งหลาย ทุกฝ่าย ให้นึกถึงประเทศชาติเป็นสำคัญไม่ว่าจะอยู่ทีมเสื้อสีใดก็ตาม ก็หวังว่านักการเมืองทั้งหลายไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลได้นำไปปฏิบัติจริงๆด้วยเพราะเห็นมีแต่น้อมกระแสพระราชดำรัส แต่ไม่ได้ปฏิบัติจริงๆซักปีซึ่งหากไม่ปฏิบัติแล้วอนาคตของชาติเห็นอยู่ไรๆว่าคงต้องจบลงแบบไหน
    สองเดือนที่แล้วผมพานักศึกษาเอ็มบีเอมหาวิทยาลัยราชมงคลสุวรรณภูมิไปดูงานกวางเจาเทรดแฟร์ซึ่งจัดเป็นปีที่ 50 กว่าแล้ว และจัดปีละสองครั้งก็เป็นการโปรโมทและจัดงานให้ผู้ซื้อพบผู้ขายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกขอยืนยันเพราะจัดกัน 3 ช่วงเวลาตามแต่ละอุตสาหกรรมและจัดปีละสองครั้ง งานยิ่งใหญ่อลังการจริงทั้งจำนวนผู้คนที่เข้าร่วมและจำนวนบริษัทที่มาเปิดบูทแนะนำสินค้า เรียกได้ว่าอยากหาสินค้าใดที่ผลิตในจีนสามารถหาได้หมด แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คือตอนที่อยู่ที่ฮ่องกง หลังจากออกจากสนามบินก็ขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางต่อไปยังเซินเจิ้นระหว่างนั้นก็มีการแนะนำไกด์คนไทยชื่อ “คุณเมย์” ซึ่งอยู่ที่ฮ่องกงมานานแล้วหลังจากแนะนำตัวเสร็จเธอก็บรรยายเกี่ยวกับวันนี้เป็นวันพระใหญ่ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับโชคลาภต่างๆ ซึ่งช่วงนั้นเป็นเทศกาลกินเจด้วย เราก็คิดในใจแล้วเดี๋ยวตอนขากลับเข้าฮ่องกงอีกครั้งมันต้องขายอะไรเราแน่เลย หลังจากนั้นก็แนะนำว่าโปรแกรมเรามีอะไรบ้างก็มีการแถมว่าจะพาไปโน่นนั่นนี่ แต่ละที่ก็เหมือนจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮ่องกงทั้งนั้น แล้วก็จริงดังว่าตอนขากลับออกจากไปดูงานต้องกลับมาฮ่องกงอีกหนึ่งวันเต็มเธอก็พาไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายสองสามแห่ง แล้วก็เข้าสู่บรรยากาศโน้มน้าวตีเข่าบรรยายถึงเรื่องปี๋เซีย และ ใบพัดของวัดแชกง ซึ่งเป็นที่สักการะของชาวฮ่องกง เราก็ตั้งมั่นแล้วว่าเราเคยไปมาหลายทริปแล้วไม่เสียเงินเรื่องเหล่านี้ซะทีนึ่งคราวนี้ก็คงไม่เสียตัง ที่ไหนได้เธอเล่าต่อไปว่าที่ร้านจะมีคนไทยคนหนึ่งชื่อคุณโคโค ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการดูชะตาราศีของบุคคลได้ เคยดูให้คนดังๆมาแล้วนับไม่ถ้วนทั้งดารานักร้องไทย ไฮโซไทย ดารานักร้องฮ่องกง (มีรูปถ่ายคู่ประกอบติดอยู่ที่ร้านด้วย เพื่อสร้างศรัทธา ) งานเข้าเลยครั้งเธอจับให้ผมและอาจารย์อีกสองท่านนั่งหน้าแล้วให้คุณโคโคดูชะตาราศีให้แน่นอนที่สุดเธอต้องพูดแต่เรื่องดีๆของอาจารย์ทั้งหลาย (ซึ่งในทางการตลาดแล้วเราเรียกว่าเป็น INFLUENCER ผู้มีอิทธิพลทางความคิด) สุดท้ายทั้งๆที่เราตั้งใจเด็ดเดี่ยวแล้วว่าจะไม่ซื้อทีไหนได้เคลิ้มไปหมดปี๋เซียไป 12,000 และแหวนพัดลมแชกงอีก 28,000 งานนี้หมดไปทั้งสิ้น 40,000 บาทถ้วยครับผม เราซื้อของเพราอะไรลองทบทวนดูนะครับถ้ามองแต่เฉพาะวัตถุดิบที่ใช้ทำของทั้งสองชิ้นนั้นไม่น่ากิน 20% ของราคาขาย แต่ที่ขายของได้ราคาขนาดนั้นได้เพราะเราใส่ความเชื่อ ความหวัง และความศรัทธาลงไปด้วยเลยยอมจ่ายสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของสินค้า เพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจที่เรียกว่าความหวังและศรัทธาลงไปด้วย อาจาร์อีกสองท่านก็หมดไปพอๆกัน แล้วลูกศิษย์ผมจะเหลือเหรอครับก็หมดตังกันไปถ้วนหน้าซิครับ
    นักการตลาดทั้งหลายก็จะต้องใส่สิ่งต่างๆเหล่านี้ลงไปในผลิตภัฑณ์ดูได้ชัดเจนก็พวกประมาณ “ผม ผิว สิว ขาว” ล้วนแล้วแต่ใส่ความเชื่อและความหวังลงไปว่าถ้าใจแล้วจะสวย จะขาว จะไม่แก่ จะมีคนหลงรัก มีหนุ่มมาจีบอะไรปานนั้น สุดท้ายแล้วเราก็ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นเพราะเราใส่คุณค่าของสินค้าที่เรียกว่าความหวังลงไปด้วยนั่นเองครับ ลองมองมาที่สินค้าของท่านเองซิครับว่าท่านใส่คุณค่าอะไรลงไปในสินค้าของท่านแล้วหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพของสินค้าทีดีกว่าที่เดี๋ยวนี้ก็ทัดเทียมกันหมด ความแตกต่างของสินค้า รูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน เช่น โทรศัพท์มือถือของซัมซุง มีรูปลักษณ์ ดีไซน์ที่แตกต่างกันโดนใจคนรุ่นใหม่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และคุณค่าของการบริการทีเหนือกว่า หรือสามารถใส่ความหวัง ความศรัทธาลงไปในสินค้า ลงไปในองค์กร ลงไปในพนักงาน และผู้บริหารของท่าได้หรือไม่ เพื่อที่ท่านจะได้ขายของได้ราคาดีกว่าและไม่ต้องไปแข่งขันกันลดราคาละเลง ในน่านน้ำสีเลือด RED OCEAN นั่นเองครับ..................

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...