วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

“เสก จะเสกได้หรือไม่??”



              


              เสก โลโซไอเดียบรรเจิดผุดธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้ชื่อ โลโซ 22” แข่ง เซเว่นอีเลฟเว่นประเดิมสาขาแรกที่ สุขาภิบาล 5 รามอินทรา เล็งจ่อขยายสาขาตั้งเป้าเปิดทั่วประเทศ  “เครดิต : ผู้จัดการ  24 สิงหาคม 2558  ทำให้เป็นที่ฮือฮาอยู่พอสมควรสำหรับ นักร้อคเกอร์ชื่อดังที่มีข่าวกับคู่กรณีที่เป็นภรรยาอยู่อย่างสม่ำเสมอ   และราคาล่าสุดที่เคาะราคามา   เสก โลโซ ก็ได้เปิดขายแฟรนไชส์ร้านมินิมาร์ท โลโซ 22 แล้ว สนนราคาที่ 1,490,000 บาท พร้อมเงินค้ำประกัน 5 แสนบาท โดยบอกว่าใครสนใจก็ให้คอมเม้นท์ติดต่อมาเลย..  เครดิต : “เว็บไซท์กระปุก.คอม 25 กันยายน 2558 “  ผมไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อแฟรนซ์ไชส์เซเว่นฯราคาเท่าใด  แต่เมื่อหาข้อมูลดูก็ทราบว่า    แฟรน ไชส์ 7-11 ราคาเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท ในนี้จะประกอบด้วยวงเงินค้ำประกัน 1 ล้านบาทจะได้รับคืนเมื่อสินสุดสัญญาพร้อมดอกเบี้ย ส่วนอีก 5 แสนบาทเป็นเงินลงทุน - เครดิต: http://www.bangkoktoday.net/7-11-franchise/#sthash.VOCmTMIS.dpuf    โอ้โฮ....เสก  ช่างกล้าหาญมากที่ตั้งราคาเดียวกับเซเว่นภาษาวัยรุ่นว่า “นายแน่มาก”     เท่านั้นยั้งไม่พอยังกล้าหาญออก  โทรศัพท์มือถือ  กับ  เครื่องดื่ม  แบรนด์ “โลโซ” อีกด้วย

                ใครกล้าซื้อแฟรนซ์ไชส์  “โลโซ 22”  บ้างยกมือขึ้น    “เงียบ”  เสก คงนึกเอาเองว่าการทำธุรกิจนั้นคงง่ายเหมือนการแต่งเพลง  คงลืมไปว่าการทำธุรกิจนั้นมีแบรนด์แต่เพียงอย่างเดียวคงไม่พอ  ไม่มีใครเถียงว่า”เสก” มีแฟนคลับอยู่พอสมควร   แต่แฟนเพลงกับลูกค้าที่จะมาซื้อสินค้านั้นแตกต่างกัน  ต่างกันทั้งทางด้านประชากรศาสตร์  เช่น เพศ วัย รายได้ อายุ  ถามว่าคน 50อัพจะสนใจสินค้าแบรด์ “โลโซ” หรือไม่   แล้วถ้าร้านโลโซ22มีสาขา5 หรือ 10 สาขาเราปลื้มเสกมากอยู่สะพานควายแต่สาขาอยู่หนองแขม  บางบอน  พระราม2  เราจะถ่อไปซื้อหรือไม่  คำตอบคือไม่แน่นอนไม่เหมือนมีคอนเสิรต์โลโซในที่ดังกล่าวเราจะดั้นด้นไปชมคอนเสิรต์อย่างแน่นอน  ชิมิชิมิ  เพราะลักษณะของสินค้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง     ซึ่งส่วนนี้คือในส่วนที่เราแบ่งลูกค้าตามลักษณะภูมิศาสตร์  ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับช่องทางการจัดจำหน่ายหรือการใช้บริการนั่นเอง  

             อาจจะลืมไปว่าต้นทุนสำหรับธุรกิจค้าปลีกและยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกร้านสะดวกซื้อนั้น  ยังมีอีกส่วนที่สำคัญคือ”การประหยัดจากขนาด                 ECONOMY OF SCALE   วันนี้เซเว่นมีสาขา 8000 สาขาเป็นอย่างน้อย  ดังนั้นต้นทุนในการซื้อสินค้าเพื่อนำมาขายในร้านสะดวกซื้อย่อมต่างกันอย่างสิ้นเชิง   ค่าขนส่งจากโกดังไปยังร้านค้าปลีก  ต้นทุนค่าบุคลากร  การฝึกอบรม  ฯลฯ  แค่คิดก็ไม่กล้าแล้ว    ขนาดร้านสะดวกซื้อ 108 SHOP ในเครือสหพัฒน์ยังไปไม่ถึงไหน  ขนาดมีสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่ในมือเป็นร้อยรายการยังไม่สามารถขยายสาขาได้ตามเป้าหมายเรย   ร้านแฟมิลี่มาร์ทจากญี่ปุ่นมาทีหลังยังตามอยู่ต้วมเตี้ยมเลย  เห็นอานุภาพของอีโคโนมีออฟสเกลหรือยัง   แม้จะมีค่าแรกเข้าในการนำสินค้าไปขายในเซเว่นมากพอสมควร  แต่ก็ยังมีผู้ผลิตหลายรายรอเข้าคิวไปเสี่ยงกับเซเว่น  มากกว่าแฟมิลี่มาร์ท   108ช้อป 

              มาดูโทรศัพท์”โลโซ” บ้างขนาดเอไอเอส  ดีแทค  ทรู  ยังไม่กล้าใช้ชื่อตนเองในการทำเฮาส์แบรนด์ของตนเองเลยทั้งที่อยู่ในวงการมือถือและเป็นโอเปอเรเตอร์เอง  แล้ว”เสก” มีจุดเด่นหรือจุดขายในสินค้าไอทีและสื่อสารอย่างไร    แล้วเครื่องดื่ม “โลโซ” ละจะไปถึงไหน   หากนำมาเทียบกับ  “คาราบาว”  ดูเหมือนว่าคล้ายกันคืออาศัยความเป็นแบรนด์ที่มีแฟนคลับแต่ภาพลักษณ์อาจจะต่างกันมากพอสมควร  ที่สำคัญปัจจัยความสำเร็จอีกข้อหนึ่งนอกเหนือจากมี แบรนด์ที่ดี   สินค้ารสชาติถูกใจ ฯลฯ  แล้ว    ปัจจัยอีกข้อหนึ่งคือ  “ช่องทางการจัดจำหน่าย”  เริ่มแรกทีเดียว  คาราบาว  ให้เสริมสุขเป็นผู้จัดจำหน่ายเพราะมีรถส่งสินค้าไปยังตู้แช่ทุกตู้แช่ในประเทศไทย (เพราะส่งเป็บซี่อยู่แล้วในตอนนั้น)   แต่ตอนนี้เสริมสุขเป็นของไทยเบฟแล้วก็เลยไม่ได้จัดจำหน่ายให้ คาราบาว  เพราะมีแรงเยอร์เป็นสินค้าของตนเอง       แล้ว “โลโซ” จะใช้ใครเป็นผู้จัดจำหน่าย  เป็นคำถามที่น่าคิด???  และงบประมาณในการโปรโมทสินค้าเท่าใดวงการนี้ปราบเซียนมาแยะแล้ว  แรงเยอร์ ของไทยเบฟยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ  ปัจุบันมี  M150  กระทิงแดง  และ คาราบาวแดง  ทั้งสามรายนี้มีส่วนแบ่งรวมกันเกือบ 90ในอดีตก็จะมีให้เห็นว่าดารานักแสดงออกสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วก็มีอุปสรรคต่างๆน่า  ใครเลยจะรู้ว่า “พี่เบิร์ด” ก็มีบะหมี่ “ฟอร์มี”  เรียบร้อยโรงเรียนน้าเบิร์ดไปแล้ว  เห็นได้ชัดเจนถึงความไม่ง่ายเหมือนแต่งเพลงหรือออกคอนเสิรต์ทั่วไทยแน่ๆ   เสก  คงไม่สามารถ  เสก  ธุรกิจได้เหมือนเป่ามนต์ขลังให้ขาร้อกให้  ติดตาม และมาสนับสนุนสินค้า “โลโซ”  เหมือนไปเข้าคิวซื้อบัตรคอนเสิรต์


       

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

“ FASTER & BETTER”





FASTER & BETTER

ดร.พงษ์ศักดิ์  สวัสดิเกียรติ

ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ม.เกษตรศาสตร์

กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการพิสิษฐ์กรุ๊ป

3 กันยายน 2558

                                เคยถามนักศึกษาว่าทุกคนมีเวลาเท่ากันหรือไม่ แน่นอนนักศึกษาทุกคนตอบว่า “ทุกคนมีเวลาเท่ากัน”   ผมเลยถามต่อว่าแล้วทำไมเราเจอบ่อยๆที่หลายคนบ่นว่า  “ไม่มีเวลา”   และ  บางคน “ทำอะไรได้มากกว่าอีกคนหนึ่งในเวลาเท่ากัน”    หลายคน  “ทำอะไรได้หลายๆอย่าง  อย่างมีประสิทธิภาพ”     คำถามเหล่านี้มีคำตอบเพราะว่าตามตรรกะแล้วเรามีเวลาเท่ากันทุกคนไม่ว่าจะเรียนมากเรียนน้อย   จนหรือรวย   เก่งหรือไม่เก่ง ฯลฯ   เพราะในหนึ่งวันก็มียี่สิบสี่ชั่วโมง...............แต่ทำไมบางคนถึงทำงานได้มากกว่า  มีประสิทธิภาพมากกว่า  ทำหน้าที่ได้มากกว่าเรียกได้ว่าเกือบจะเป็น .. “เจเนอรัลเบ๊”   คือรับทำไปเสียทุกอย่างแถมทำได้ดีอีกด้วย  ประมาณว่าคิดอะไรไม่ออกบอกนางไปเลย  นางจะจัดให้แบบจัดเต็ม จัดหนักไปเรยยยยย     แถมทันงาน  ทันใจ   ทันเวลา  และทันสถานการณ์อีกด้วย   ถ้าเราเป็นผู้บริหารมีพนักงานแบบนี้ก็คงปลื้มไม่น้อย   ทีนี้เรามาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้างที่เราจะสามารถพัฒนาตนเองให้มีเวลามากกว่าคนอื่น  ทำงานให้เร็วกว่าคนอื่น และทำงานให้ดีกว่าคนอื่น  ตามชื่อเรื่องที่จั่วหัวเอาไว้ซึ่งก็คงจัดเป็นเทคนิคต่างๆอาจเรียกได้ว่าเป็น บัญญัติ 10 ประการ  เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์นะครับ

                                1.ตื่นเช้า   อันนี้เอามาจากสุภาษิตฝรั่งว่า  EARLY BIRD MUST GET WORM  แปลง่ายๆว่านกที่ตื่นหากินแต่เช้าจะได้หนอน  เพราะว่าหากตื่นสายไปหากินนกตัวอื่นเอาหนอนไปหมดแว้วว   หรืออย่างดูง่ายๆว่าการออกจากบ้านเช้าขึ้นอีกนิดนึง 15 นาที จะทำให้ถึงบริษัทเร็วขึ้น 30 นาที  อันนี้เป็นประสบกาณ์ตรงเพราะผมจะออกจากบ้านก่อน 7.00 น.  ก็ทำให้มีเวลาทำงานมากขึ้น 30 นาที  เพราะไม่ต้องไปติดอยู่บนถนนโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร   นอกจากเล่นไลน์จิงมะ  นอกจากนี้แล้วการทำงานเช้าๆจะมีสมาธิดีกว่าไม่มีสิ่งเร้ามารบกวน ฯลฯ

                                2.มีการวางแผนงานว่าแต่ละวัน  แต่ละสัปดาห์  แต่ละเดือนจะทำอะไรบ้างตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย  เพราะว่าหากเราไม่วางแผนแล้วก็จะเรื่อยๆมาเรียงๆ   พอไม่บริหารจัดการงานอาจมีงานต่างๆมาสุมรุมกันในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งทำให้เราดูเหมือนว่าไม่มีเวลา  ซึ่งเป็นเพราะเราขาดการวางแผนงานที่ดีนั่นเอง

                                3.มีการบันทึกสิ่งที่ต้องทำ  ที่ฝรั่งเรียกว่า TO DO LIST  จะทำให้เราไม่ลืมงาน ภารกิจที่ต้องทำในแต่ละช่วงเวลา  เรามีสมาร์โฟนกันช่วยบันทึกแถมปลุกเตือนได้อีกต่างหาก   เรียกว่ามีตัวช่วยเยอะแยะซึ่งจะทำให้เราเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างดี  แต่เรามักไม่ค่อยได้เอามาใช้ในประโยชน์หลัก  มากกว่าความบันเทิงและโลกสังคมออนไลน์  

                                4.อันนี้สำคัญ “เรียงลำดับความสำคัญ”  อะไรควรทำก่อนหลัง   สำคัญเร่งด่วนมาลำดับแรกๆ    ไม่สำคัญไม่เร่งด่วนๆมาตอนท้ายที่เหลือก็คงประมาณการกันได้เอง  แต่ส่วนใหญ่มักไม่เรียงลำดับความสำคัญก็เลยมั่วกันไปหมดทำให้งานขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในที่สุด 

                                5.สามารถทำงานได้หลากหลายเรียกว่าเป็นสารพัดช่าง   ต้องฝึกนิสัยในการเรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะในการปฏิบัติงาน  ทักษะในการบริหาร  ทักษะในการคิด ฯลฯ  ซึ่งจะทำให้มีความสามารถหลากหลายเรียกได้ว่า  “ผู้จัดการสันดานเสมียน” คือประมานว่าถ้าสามารถทำได้ทุกอย่างก็ฝึกทำให้เป็นเสีย  (แต่อาจไม่ต้องทำเองก็ได้)   แต่ถ้าลูกน้องไม่อยู่ก็สามารถทำได้ นั่นเอง   เช่น ผจก.หลายคนทำพาวเวอร์พอยท์ไม่เป็น  เลขาป่วยงานติดนำเสนอสะดุดจบข่าว....

                                6.ติด/คิดไม่ออก   ให้ข้ามเสียอย่ามัวหมกมุ่นและติดกับดักความคิด  ฝรั่งเรียกว่า TAKE A BREAK  ออกไปจากห้องประชุมบ้าง   ออกจากสำนักงาน  ไปสวนสนุกหรือเล่นเป็นเด็กๆเลยอันนี้พวกครีเอทีฟเขาแนะนำมา  ประมาณว่าบ้าบอให้รู้แล้วรู้รอดไปสมองจะได้โปร่ง   ไม่งั้นก็ติดแหงกนั่งประชุม คิด อยู่จนหัวระเบิด ก็เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

                                8.มีวินัย  ไม่ใช่ลูกน้องชื่อ”วินัย” นะครับ  หมายถึงว่าความมีวินัยนะครับ  ซึ่งจะช่วยให้การทำงานต่างๆนั้นเป็นระเบียบแบบแผน   มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนแต่ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์อย่างมีวิจารณญาณนั่นเอง  คือไม่เถรตรงเพราะมีวินัย BY THE BOOK  คือวินัยตามตำรา  แต่เป็นวินัยตามข้อเท็จจริง

                                9.ตัดสินใจเร็ว  ข้อนี้มีทั้งดีและสียในตัวมันเองทั้งนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ข้อมูลครบถ้วนตามสมควร  ไม่ใช้ลูกน้องอ้าปากก็ทราบแล้วตัดสินใจตูมอาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้    แต่ก็ไม่ใช่ให้ลูกน้องอธิบายขยายความตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกเพื่อขออนุมัติสร้างกำแพงโรงงาน     ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นสำคัญหรือหากทำได้ให้ตัดสินใจใน 15 นาที  ก็จะมีเวลาเหลืออีก 45 นาทีเพราะ AROUND THE WORLD  พูดกันท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงแบบการประชุมในรัฐสภาเป็นต้น  แซวซะนีสนุงนะพี่น้อง

                                10.จดบันทึกต่างๆ    ข้อแนะนำคือควรบันทึกด้วยมือ  เพราะจะได้สามารถทบทวนสิ่งที่บันทึกแถมการบันทึกด้วยมือนี้จะทำให้สามารถจดจำได้ดีกว่า   แต่อาจจะใช้สัญลักษณ์ต่างๆหรืออักษรย่อในการแทนความหมายในรูปแบบที่ตนเองถนัดซึ่งสามารถนำไปจับประเด็นและขยายความได้   อันนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวซึ่งแนะนำให้เลียนแบบครับ

บอลข่าน ย่านสงคราม

  บอลข่าน   ย่านสงคราม 26 เมษายน 25678             ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาผมได้ลางานมากที่สุดในประวัติการทำงานของผม   คือลางานทั้...