วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“ไอโฟน จะรุ่ง หรือ ร่วง”

                    จำได้ว่าตอนยังหนุ่มๆอยู่ (แต่ตอนนี้ก็ยังไม่แก่ แต่อายุมากขึ้น) มีห้างสรรพสินค้าชื่อว่า “พาต้า” เป็นห้างที่เป็นขวัญใจห้างหนึ่งของชาว กทม. และ ต่างจังหวัดที่เรียกได้ว่าถ้ามากทม.ต้องไปห้างพาต้า เพราะว่ามีคิงคอง และ สวนสัตว์ มีเสือขาว ฯลฯ เป็นจุดขายด้วย แต่สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไปแวะซื้อของบางอย่างก็พบกับความเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเป็นห่วง ว่าห้างพาต้าจะยืนระยะไปได้อีกนานเท่าไหร่ เพราะทั้งห้างเงียบมากๆ คนขายนั่งคุยและตบยุงกันเปาะแปะๆ แถมพนักงานขาย(ส่วนใหญ่) ก็อายุมากพอสมควร อีกทั้งยังเป็นระบบใบเสร็จเขียนด้วยมือ ส่วนซุปเปอร์มาเก็ตก็ให้ทางเทสโกโลตัสเช่าไปเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ได้สอบถามว่าสวนสัตว์พาต้า และคิงคอง ยังอยู่หรือเปล่า ที่คิงคองเป็นจุดขายเพราะว่าสมัยนั้นมีหนังเรื่องคิงคองได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงเพราะสมัยนั้นถือว่าเทคนิคสุดยอดแล้ว ก็ได้เห็นถึงสัจธรรมว่ามันเป็นการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แต่ว่ามันตั้งอยู่นานขนาดไหนนี่ซิสำคัญ ยิ่งอีกสองปีเราจะเข้าสู่ประชามคมอาเซียนแล้วกิจการที่มองการณ์ไกลและใหญ่พอ ก็คิดถึงโอกาสและความเจริญเติบโตเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะ ซีพี ปตท. เอสซีจี(ปูนซีเมนต์ไทย) ฯลฯ มีแผนในการสร้างความเจริญเติบโตทั้งสิ้น และก็มีระดับความสำเร็จอย่างสูงรออยู่เบื้องหน้า แต่สำหรับธุรกิจเล็กๆก็อาจจะกลายเป็นตรงกันข้ามก็อาจจะเป็นได้ ถ้าหากไม่ปรับตัวเองเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยในอนาคต



                       ทีผมจั่วหัวเรื่องไว้ว่า “ไอโฟนจะรุ่ง หรือ ร่วง “ เพราะไปเห็นข่าวรายงานของสถิติข้อมูลประจำไตรมาสแรกของปี 2555 ของการ์ทเนอร์ใหนหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ พบว่ายอดขายรวมทั้งหมดของโทรศัพท์โดยรวมทุกประเภท รวมถึงสมาร์ทโฟนซึ่งมันฉลาดมากแต่คนใช้งานไม่รู้ว่าฉลาดเท่าเครื่องโทรศัพท์ของตนเองหรือเปล่าเพราะที่เห็นๆใช้ไม่ค่อยคุ้มฟังชั่นการทำงานของโทรศัพท์เสียเท่าใด ตลาดของโทรศัพท์มือถือโตถึง 45% เรียกได้ว่าโตเกือบครึ่งหนึ่ง และที่สำคัญไปกว่านั้น ซัมซุง สามารถแซงหน้าโนเกียนขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง สามารถขายได้ถึง 86.6 ล้านเครื่อง ในขณะที่โนเกียขายได้เพียง 83.3 ล้านเครื่อง


                         ในขณะที่สมาร์ทโฟน ซัมซุง ก็เป็นที่ 1 ยอดขายถึง 38 ล้านเครื่อง ไอโฟน ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยยอดขาย 33 ล้านเครื่อง โนเกียถูกทิ้งเป็นที่ 3 ด้วยยอดขาย 13 ล้านเครื่องซึ่งขณะนี้โนเกียปลดคนงานไปเป็นจำนวนมากและขอ ฟันธง โนเกียตายแน่ๆๆๆ ถึงแม้ว่าจะปรับตัวด้วยการหันมาใช้ปฏิบัติการแอนดรอย์ก็ตาม แต่รู้สึกว่าจะสายไปเสียแล้ว เพราะลูกค้าหันไปใช้ซัมซุงจนติดใจในระบบแอนดรอย์เสียแล้วไม่อยากเปลี่ยนใจ และที่สำคัญไปกว่านั้นจะเห็นได้ว่าซัมซุง มีสมาร์ทโฟนในทุกระดับราคาตั้งแต่ 3 พันกว่าบาทไปจนเกือบจะสามหมื่น ในขณะที่ไอโฟนอาจจะเรียกได้ว่ามีระดับราคาเดียว แถมมีรุ่นให้เลือกทีละรุ่น(แม้จะหน่วยคำวามจำต่างกันก็ตาม 16 หรือ 32 GB) เท่านั้น หมายความว่าไอโฟนเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มเดียวแน่นอนซึ่งมีจำนวนลูกค้าน้อยกว่ามากเพราะถูกจำกัดด้วยราคาขายนั่นเอง



                          และถึงแม้ว่าในแต่ละระดับราคาของซัมซุงก็ยังมีรุ่นให้เลือกสองหรือสามรุ่นตาม พฤติกรรมการใช้งานอีกด้วย ดูอย่างรุ่นท๊อป ซัมซังมีทั้ง ซัมซุงกาแลคซี่ S3 , ซัมซุงกาแลคซี่ แทป , ซัมซุงการและซี่ โนท มีให้เลือกถึงสามรุ่น อีกอย่างหนึ่งเราจะเห็นได้ว่าไอโฟนตั้งแต่ ไอโฟน 1 ถึงไอโฟน 4 รูปลักษณ์แทบจะไม่ต่างไปเลยเรียกได้ว่าถ้าไม่รักจริงคงไม่เป็นลูกค้าประจำ แถมหน้าจอก็ยังเล็กกว่า ปุ่มกดเล็กกว่า ก็จะเป็นปัญหากับผู้สูงวัยที่เชื่อได้ว่าหากลองใช้ซัมซุงแล้วคงจะชอบมากกว่าไอโฟนเป็นแน่ นอกจากนั้นแล้ว การเสียชีวิตของ “สตีฟจ๊อบ” ผมคิดว่ามีผลต่อไอโฟนในอนาคตโดยสังเกตจากการกล่างถึง และการแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเขาว่า เป็น สาวก ไอโฟน หรือ สากวกสตีฟจ๊อบ กันแน่ แต่เราลองมาถามสาวกซัมซุงดูซิว่ารู้จักใครในซัมซุงบ้าง แม้แต่ซีอีโอยังไม่รู้จักเลย แสดงว่าที่รักซัมซุงเพราะมันเป็นซำซุงที่ตอบโจทย์ในชีวิตและพฤติกรรมของตนเองได้อย่างแท้จริง ยกเว้นเรื่องการบริการของซัมซุงในประเทศไทยที่สมควรจะต้องปรับปรุงเป็นอย่างแรงยิ่ง ในขณะที่ความคลั่งไคล้ของไอโฟนผมเชื่อว่าส่วนหนี่งมาจากความปลื้มในตัวสตีฟจ๊อบดังนั้นจึงเป็นคำถามว่า “ไอโฟนจะ รุ่ง หรือ ร่วง” ลูกค้าเท่านั้นจะเป็นคนตอบคำถามนี้ จริงหรือไม่ครับ ? แล้วท่านละครับ คิดว่า “ไอโฟน จะ รุ่ง หรือ ร่วง ? “ แต่สำหรับผมแล้ว ไอโฟนจะไปสดใสและเจิดจ้าเหมือนเมื่อก่อนคงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ยากนะครับ...

บอลข่าน ย่านสงคราม

  บอลข่าน   ย่านสงคราม 26 เมษายน 25678             ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาผมได้ลางานมากที่สุดในประวัติการทำงานของผม   คือลางานทั้...