เอเชียนเกมส์ 2018

                         

ช่วงนี้ชาวเอเชียมีงานกีฬาใหญ่ประจำทวีปของเรานั่นคือ  การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 18 ซึ่งจัดขึ้นที่จาร์กาต้า และ  ปาเล็มบัง  การแข่งขันครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 18     ในประวัติศาสตร์ของเอเชียนเกมส์ มีชาติเจ้าภาพจัดการแข่งขันแล้ว 9 ประเทศ โดยมี 46 ประเทศเข้าร่วม ยกเว้นอิสราเอลซึ่งถูกกีดกันออกจากเอเชียนเกมส์ การแข่งขันครั้งต่อไป จะจัดขึ้นที่หางโจวของประเทศจีนในปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022)   หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าประเทศไทยของเราเป็นแชม์ปในการเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์  โดยจัดถึง 4 ครั้ง จาก 18 ครั้งในปี  2505 / 2513 / 2521 / 2541  เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อและคนรุ่นใหม่คงไม่ทราบว่า   จริงๆแล้วในการจัดการแข่งขันครั้งที่ 6 ประเทศเกาหลี จะต้องเป็นเจ้าภาพใครเลยจะเชื่อว่าเกาหลีไม่สามารถจัดงานได้ด้วยเรื่องสาเหตุจากงบประมาณ  ทำให้ประเทศไทยต้องรับเหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพแทนในครั้งที่ 6  พศ. 2513    ทำให้ไทยเป็นแชมป์จัดถึง 4 ครั้ง  รองแชมป์ เป็น เกาหลีไต้จัดสองครั้ง ในปี 2529 / 2545 / 2557  และแถมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค และ ฟุตบอลโลกไปเรียบร้อยแล้ว  ปล่อยให้ไทยเราเป็นแชมป์เอเชียนเกมส์ และซีเกมส์ต่อไป    นอกจากนี้แล้วประเทศเจ้าภาพอื่นๆก็มี  จีน / ญี่ปุ่น / อินเดีย / อินโดนีเซีย /  ประเทศละ 2 ครั้ง  และ มีฟิลิปปินส์  / อิหร่าน  / การ์ต้า ประเทศละ 1 ครั้ง    ผมเองเป็นเรื่องที่โชคดีที่มีโอกาสเข้าร่วมชมพิธีเปิดเอเชียนเกมส์ในประเทศไทยครบทั้ง 4 ครั้ง  แถมครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซียนี้ก็มีโอกาสไปชมพิธีเปิดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคหม 2561  ที่ผ่านมา 

                ต้องยอมรับว่าจัดได้กระชับและน่าสนใจมากหลายท่านในวงการกีฬาก็คงเห็นท่านประธานธิบดีอินโดนีเซีย   ขับบิ๊กไบค์มาร่วมงานซึ่งแน่นอนไม่ใช่เรื่องจริงแต่เป็นเทคนิคการนำเสนอที่สามารถตรึงคนดูแลให้สนใจและติดตามได้อย่างดียิ่ง   คล้ายกับพิธีเปิดโอลิมปิคที่ลอนดอนที่สมเด็จพระราชินีอังกฤษเป็นดาราในภาพยนต์เจมส์บอนด์   แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ทราบว่ามีใครสังเกตุหรือไม่เพราะไม่แน่ใจว่าในการถ่ายทอดนั้นได้ถ่ายบรรยากาศตอนที่ประชาชนตะโกนเรียกชื่อประธานาธิบดี  “วิดโจโย ๆๆๆ”  เป็นระยะๆ  แสดงถึงความชื่นชมในความเป็นตัวตนของท่านเอง   เลยหวังลึกๆว่าในอนาคตประเทศไทยเราเวลาผู้นำประเทศเดินทางไปไหนหจะมีประชาชนให้การต้อนรับและชื่นชม (ด้วยความจริงใจ)     อีกอย่างหนึ่งจะเห็นได้ว่าทางอินโดนีเซียจัดเวทีแสดงแบบอลังการงานสร้างมาก  จัดเป็นป่าเขาลำเนาไพรน้ำตกภูเขาไฟอย่างจัดเต็มทีเดียวทำให้ปริมาณคนดูน่าจะลดไปถึง 20-30 เปอร์เซนต์ได้   แม้ยอดคนดูในสนามและค่าบัตรเข้าชมจะได้น้อยลงไปแต่สามารถสร้างภาพจำของมวลประชาชาวเอเชียได้ว่า  อินโดนีเซียมีความหลากหลายทางชีวภาพ  และทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันถึง 300 ชนเผ่า  ภาษาพูดถึง 260 ภาษา มีเกาะแก่งถึง  6,000 และ  และสรุปธีมงานว่า  “ ENERGY OF ASIA”

               

ควันหลงฟุตบอลโลก 2018

ควันหลงฟุตบอลโลก 2018

23 กรกฎาคม 2561

                งานจบเรื่องไม่จบเพราะว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้มีอะไรที่น่าจดจำหลายเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นอถรรพ์ที่ทีมแชมป์ครั้งก่อนหน้านั้นจะตกรอบแรกในฟุตบอลโลกครั้งต่อไป   ใครเลยจะเชื่อว่าทีมเยรมันอดีตแชมป์จะตกรอบแรกแถมแพ้เกาหลีไต้ไป 2 ต่อ 0    และในการแข่งขันครั้งนี้มีเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ  “กรรมการยังเป่านกหวีด”  ทุกทีมก็ยังมีความหวัง  ซึ่งมีเรื่องที่ผลแพ้ชนะเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาอยู่หลายคู่  เช่น บราซิล / คอสตาริก้า   สเปน/โมรอคโค  อังกฤษ/ตูนิเซีย  อิหร่าน/โมรอคโค  เยรมัน/สวีเดน   ญี่ปุ่น/เบลเยี่ยม   ที่ผมจดจำได้มี 6 คู่  ดังนั้นจิตวิทยาการกีฬาจึงมีความสำคัญไม่น้อย   แม้ว่าจะเป็นกีฬาประเภททีมที่อาจจะไม่เห็นผลเด่นชัดนัก  ไม่เหมือนกีฬาประเภทเดี่ยวๆที่นับวันจะมีความสำคัญเป็นลำดับ  เช่น กอล์ฟ  แบดมินตัน  เทนนิส  ที่ความมุ่งมั่นและกำลังใจตลอดจนสมาธิมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสามารถ   เพราะเราจะเห็นอยู่บ่อยๆว่านักกีฬาที่มีสมาธิไม่ดีนั้น   สามารถที่จะพลาดพลั้งและทำให้พ่ายแพ้ได้ในที่สุด   แต่สำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้สถิติที่ผลการแพ้ชนะเกิดขึ้นในระหว่างทดเวลาคงเป็นคำตอบว่า   “เวลายังไม่หมด  ให้วิ่งสู้ฟัดจนกว่ากรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลา” 

                ใน 32 ทีมที่เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ใส่ชุดแข่งอะไรบ้าง   สามารถแบ่งได้เป็น 9 แบรนด์  คือเป็นไนกี้ 10 ทีม  อาดีแดส 12 ทีม  ซึ่งเป็นทีมใหญ่ทีมดังทั้งสิ้น  แต่ยังมีอีก 7 แบรนด์  คือ พูม่าทีมอุรุกกวัย และ สวิสเซอร์แลนด์   นิวบาลานซ์ทีมคอสตาริก้าและทีมปานามา    อัมโบรทีมเปรูและเซอร์เบีย   อีก 4 ยี่ห้อคนไทยและเอเชียไม่ค่อยคุ้นเคย   คือ  Errea แบรนด์จากอิตาลีแต่เป็นชุดแข่งของไอซ์แลนด์    Romaiแบรนด์จาก สหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ชุดแข่ง ทีมเซเนกัล   Uhlsportแบรนด์จากเยรมันชุดแข่ง ทีมตูนิเซีย  สุดท้าย Hummel ฮัมเมล  แบรนด์ของเดนมาร์คซึ่งทีมชาติเดนมาร์คใช้บริการอยู่  

                สำหรับเสื้อผ้ากีฬาแล้วใครเลยจะเชื่อว่าขาใหญ่อยู่ในประเทศไทยนี่เอง  ประมาณกันว่าขนาดของตลาดเสื้อผ้ากีฬา (ระดับบน) มูลค่า 8,000-10,000 ล้านบาท  และช่วงฟุตบอลโลกนี้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 10-15 %  ประมาณ 3 ล้านตัวสำหรับฟุตบอลโลก  ทั้งนี้โดยมีเหตุผล  4 ประการ คือ   1.ประเทศไทยของเรานั้น   สามารถผลิตผ้าสำหรับนักกีฬาที่มีคุณภาพพร้อมด้วยนวตกรรมต่างๆได้ตามมาตราฐานโลก  โดยเฉพาะไนกี้ กับ อาดีแดสและพูม่า   2.ฝีมีตัดเย็บของคนไทยนั้นมีความสามารถในระดับโลก  3.การปฏิบัติตามสัญญาสั่งซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำหนดการส่งมอบสินค้า  4.กระบวนการในการประสานงาน ติดต่อธุรกิจ และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ   โดยเฉพาะสองอย่างหลังนี้เป็นสิ่งที่เป็นความแข็งแกร่งของธุรกิจสิ่งทอไทย   ส่วนสองข้อแรกนั้นหลายๆชาติก็พยายามตามเรามาอย่างกระชั้นชิด   ไม่แน่ว่าฟุตบอลโลกครั้งต่อไป  ถ้ามี 48 ทีมขึ้นมาแล้วทีมชาติไทยได้ไปบอลโลก  แบรนด์วาริก หรือ แกรนด์สปอร์ต(ตอนนั้นไม่ทราบว่าใครจะเป็นสปอนเซอร์)  จะได้ไปประกาศเกียรติคุณของเสื้อผ้ากีฬาไทยในเวทีโลกก็เป็นได้