วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมพจริง ๆ


                      วันที่ผมเขียนบทความนี้คือวันที่ 4 กรกฏาคม 2556 ซึ่งตรงกับวันชาติอเมริกา สหรัฐอเมริกามีพื้นที่ขนาด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 313 ล้านคน ทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดั
บที่ 3 หรือ 4 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากจีน และ อินเดีย เป็นประเทศซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายในเชื้อชาติและวัฒนธรรม อันเป็นผลมาจากการอพยพจากหลายประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นเศรษฐกิจระดับชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในไม่ช้านี้คาดกันว่าอีก 10 ปีจากนี้ไปประเทศจีนน่าจะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก อันเป็นผลมาจากการที่จำนวนประชากรจีนที่มีถึง 1.3 พันล้านคนในปัจจุบัน และจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนรุ่นใหม่ ซึ่งเติบโตมาในยุคสังคมนิยมแบบทุนนิยม ตามความเห็นผมคือว่าจีนปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบสังคมนิยมแบบทุนนิยม เราจะเห็นได้จากการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศจีนเติบโตขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ซึ่งคงจะหาโอกาสอื่นมาคุยกันถึงความเติบโตทางเศรษฐกิจและขนาดเศรษฐกิจ ของประเทศทางเอเชียไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย และ อินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสามประเทศรวมกันจะมีประชากร ถึง 2.83 พันล้านคน คิดเป็น 40 % ของประชากรทั้งโลก




                   เข้าเรื่องที่จั่วหัวไว้ดีกว่าว่า “เมพจริงๆ” ซึ่งเป็นภาษาวัยรุ่นแปลได้ว่า “เข้าขั้นเทพจริงๆ” หรือเอาให้ง่ายเข้าก็ “สุดยอด” ซึ่งผมมีโอกาสไปทำบุญทอดผ้าป่าเพื่อสร้างห้องเรียน ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสกลนคร หลังจากนั้นก็เดินทางไปเที่ยวที่หนองคายก่อนกลับกรุงเทพ แน่นอนไปหนองคายต้องไปทานอาหารที่ ร้านแดงแหนมเนือง ซึ่งข้างโต๊ะที่ผมรับประทานอาหารอยู่นั้นก็มีรูปภาพพระอยู่ในกรอบทองประดับเพชร มีพญานาคเป็นลวดลายประดับ รูปนี้ใส่ในกรอบหลุยส์สวยงามมาก (เมพ 1 ) มุมเล็กเขียนในกรอบว่า “กวงทอง” ดูแล้วสวยงามมากทั้งองค์พระกรอบพระ และกรอบรูปหลุยส์มันเข้ากันไปหมด


              ก็เลยถามพนักงานเสิรฟ์ว่าทางร้านมีให้เช่าเหรอ ได้รับคำตอบว่าไปเช่าได้ที่ร้านกวงทองอยู่ฝั่งตรงข้ามเอง เท่านั้นแหละครับทานข้าวเสร็จก็ข้ามไปยล เดินเข้าไปการจัดวางและตกแต่งร้านประกอบกับกรอบพระทั้งหลายที่โชว์อยู่ในตู้ มันช่างชวนให้หลงไหลและปลื้มไปกับศิลปและฝีมือของเจ้าของร้าน เยี่ยมชมได้ที่ www.kuangthong.com (เมพ 2) สอบถามราคาก็ทำให้ชงักไปนิดนึง เพราะแบบกรอบเงิน ราคา 29,999 บาทครับ กรอบทอง 65,999 บาท ผมก็ตัดสินใจว่าเอาแบบเงินแต่ภรรยาผมสนใจแบบทองก็เลยถามว่า “บัตรเครดิต คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มหรือเปล่า” (แสดงว่ามีสัญญาณการซื้อแบบเต็มๆ) ทางร้านแจ้งว่าคิด 3 เปอร์เซนต์ (ซึ่งเป็นปกติของร้านทอง) ไม่อยากเสียเงินเพิ่มก็เลยสรุปว่าเอาแบบกรอบเงินก็แล้วกัน เดินไปกดเงินเอทีเอ็มกลับมาเจ้าของร้านพูดว่า “ถ้าพี่ชอบแบบกรอบทอง พี่เอาไปก่อนแล้วค่อยโอนเงินมาให้ผมก็ได้” (เมพ 3) นายกล้ามากที่เสนอเงื่อนไขที่จะสามารถปิดการขายที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ ผมก็ถามว่า “แล้วน้องไว้ใจพี่เหรอ” ซึ่งได้รับคำตอบกลับมายืดยาว สรุปใจความได้ว่า “เชื่อใจ / เชื่อเกียรติ และ เชื่อ กรรม”

                จะเหลือเหรอครับควักบัตรเครดิตออกมารูดปื๊ด ๆ เรียบร้อยโรงเรียน “กวงทอง” ก่อนรูดก็เอาบัตรประจำตัวผู้พิพากษาสมทยื่นไปพร้อมกัน เพราะเราคิดว่าเขาคงจะสบายใจขึ้นหากเห็นและทำสำเนาบัตรประจำตัวเราไว้ คำตอบคือ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมเชื่อใจพี่” (เมพ 4) ระหว่างแพคกิ้งก็สอบถามพูดคุยไปเรื่อย นึกว่าน้องเค้าคงเรียนจบทางศิลปะ หรือ การตลาดมาซักอย่าง ฟังแล้วอย่าตกใจนะครับ “จบ ป.6” แต่พ่อเป็นช่างทองก็เลยเรียนฝีมือจากคุณพ่อ ส่วนการตลาดนั้นไม่เคยรู้ว่าคืออะไรแต่มันอยู่ในสายเลือดเองกระมัง

                  กลับมาถึงกรุงเทพต้องรีบโอนเงินสี่หมี่นกว่าให้ทันที่เพราะต้องขอบคุณน้องเค้าที่ให้เกียรติ และเชื่อในความซื่อสัตย์ของเรา โอนเสร็จก็ต้องรีบไลน์ไปบอก โทรไปคุยอีกรอบเพราะน้องเค้า “เมพจริงๆ “.................คุณกฤษณ์ ไกรเหมกร ...............อ้อ..ลืมเล่าไปว่า กรอบรูปหลุยส์สวยที่ผมกล่าวถึงในตอนต้นนั้นนะเค้าทำและนำไปมอบให้ร้านอาหารต่างๆในหนองคาย ประมาณ 30 ร้าน เปรียบเสมือนโฆษณษาชั้นดีที่ใช้งบลงทุนน้อยมากแค่กรอบละ พันกว่าบาทเองครับท่าน (เมพ 4 สุดท้านจริงๆ) อีดนิดนึง ทำไมคุณกฤษณ์ ถึงไม่ให้เรารูดบัตรเครดิตแล้วไม่คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มจากเรา ซึ่งก็จะทำให้เขาแค่ขาดทุนกำไรไปประมาณ 1,300 บาท แต่กลับต้องมาแบกรับความเสี่ยง ในกรณีที่ผมโกงถึง 4 หมื่นกว่าบาท ใครตอบได้ข่วยผมหน่อยเถอะพี่น้อง แต่นี่คือ เมพสุดท้ายจริงๆ (อีกครั้ง) เพราะผมจะได้เล่าเรื่องดีๆที่พบเห็นที่ “กวงทอง ณ. หนองคาย “ งัยครับท่าน #######

บอลข่าน ย่านสงคราม

  บอลข่าน   ย่านสงคราม 26 เมษายน 25678             ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาผมได้ลางานมากที่สุดในประวัติการทำงานของผม   คือลางานทั้...