วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

“ใหญ่ แข็ง ยาว และ ทน”





อย่างเพิ่งคิดว่าผมจะเขียนบทความนี้ในแนวเรทอาร์นะครับ แค่อยากจั่วหัวให้หวือหวาหน่อยเท่านั้นเองครับเพราะว่าหันไปดูภาวะเศรษฐกิจในยุโรป อเมริกา โดยเฉพาะใน กรีซ สเปน อิตาลี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่น่าเป็นห่วงครับ ตลาดหุ้นในบ้านเราตกจากพันเศษๆเหลือแค่เก้าร้อยต้นๆเมื่อสองสามวันก่อนตกถึง 10 % จนต้องมีการปิดตลาดชั่วคราวสามสิบนาที ให้นักลงทุนได้มีสติคิดให้รอบคอบก่อนซื้อหรือขายหุ้น แล้วอีกไม่กีวันอาจจะเห็นต่ำกว่าเก้าร้อยก็เป็นได้ ข่าวที่เรารับรู้เกี่ยวกับกรีซ สเปน อเมริกา และยูโรโซนนั้นมันช่างน่ากลัวเสียจริง แต่หากมาดูในบ้านเราแล้วคาดการณ์ว่าจีดีพีปีหน้า 2555 ถึงแม้จะคาดว่าลดลงจากที่ได้คาดการณ์ไว้แล้วจาก 4.5 เหลือ 4.0% ก็ตาม ก็ยังถือว่ายังดีอยู่มากพอสมควรทีเดียว โดยเราจะเห็นว่ารัฐพยายามปรับโครงสร้างของจีดีพีที่เดิมเราพยายามมุ่งเน้นไปที่การส่งออก (ซึ่งถ้าลูกค้าก็คืออเมริกา ยูโรโซน มีปัญหาในการซื้อสินค้าเรา เราก็จะมีปัญหากับการเติบโตของจีดีพี) มาเป็นเพิ่มสัดส่วนในการบริโภคในประเทศให้มีความสมดุลย์เพิ่มมากขึ้นโดยการเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน เช่น การปรับค่าแรง เพิ่มเงินเดือน รถยนต์คันแรก และ บ้านหลังแรก ฯลฯ ซึ่งก็เป็นทิศทางที่ถูกต้องแต่ก็ต้องระมัดระวังว่าเป็นการบริโภคที่ยั่งยืนไม่ใช่จับจ่ายกันเกินตัว หรือใช้เงินล่วงหน้าจนเกินความจำเป็นกว่าที่จะหามาได้ เรียกได้ว่าต้องฉลาดบริโภคและมองไปยังเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเพียงพอนั่นเอง และต้องสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนด้วยนั่นเอง
ผมเพิ่งกลับจากประเทศสเปนซึ่งมีปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างแรง ประชาชนตกงานถึง 20% ขณะที่อเมริกา ตกงาน 9% เศษ โชคดีที่ประเทศไทยเราตกลานไม่ถึง 4% ซึ่งโรงแรมที่ผมพักอยู่นั้นอยู่ตรงกันข้ามกับศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ตกเย็นพอมีเวลาก็ข้ามถนนไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสเปนหน่อยทุกวันก็พบว่ามีร้าน ZARA ซึ่งหลายท่านอาจจะทราบดีว่าเป็นร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ดังแห่งหนึ่ง มีสาขาอยู่ในบ้านเราที่พารากอน และอีกหลายแห่งในศูนย์การค้าชั้นนำ ก็ช่วยกันสนับสนุนตามนิสัยพี่ไทยเจ็งไม่ว่าขอให้ข้าได้ช๊อปก็ได้เสื้อผ้ามาหลายรายการ เดิมทีนึกว่าราคาจะแพงจนหยิบไม่ลงเพราะเห็นว่าอยู่ในพารากอน เอ็มโพเรียม และ เซ็นทรัลเวิล์ด และไม่เคยเดินเข้าร้านนี้เพราะเลยวัยมานานพอสมควร (เลยเดาอายุข้อยได้เลย) แต่พอไปสเปนก็ต้องเข้าไปอุดหนุนเค้าหน่อยก็พบว่าราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิด อาจพูดได้ว่าถูกเสียด้วยซ้ำไปยิ่งพวกที่ลดราคาด้วยแล้วโอ๊ยยยอดสอยมากหลายตัวไม่ได้เลยจริงๆ แต่หัน ไปพลิกดูว่าแต่ละตัวเค้าทำที่ไหนกันบ้างเพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำในสเปนหรือยุโรปแน่ๆ ก็พบว่าทำใน จีน(แน่นอนอยู่แล้ว) ศรีลังกา บังคลาเทศ ตุรกี อินโดนีเซีย (โอ้ย....เราซื้อมาตั้ง 5 ตัวเลยเหรอเนี๊ยะ) 55555



กลับมาถึงโรงแรมอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมีข่าวเกี่ยวกับ ZARA ว่าผลประกอบการเติบโตถึง.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เพราะมีสาขาถึง 5,221 ร้าน


ก็เลยลองมาทบทวนดูว่าอะไรทำให้ธุรกิจของ ZARA "ใหญ่ แข็ง ยาว และทน" ได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งมิได้หมายถึงเรทอาร์ที่ท่านคิดไว้แต่แรก แต่หมายถึงว่าธุรกิจของ ZARA

ธุรกิจใหญ่โต องค์กร เติบโตได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก โดยมีอัตราการเติบโตของจีดีพี ของโลกแค่ 4% ในขณะที่สหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเติบโตแค่ 1.5% ส่วนยูโรโซนคาดว่าจะโตแค่ 1.6% ในปี 2554 นี้ แต่ซาร่ายอดขายครึ่งปีแรกเติบโตถึง 12% ยอดขาย 6,209 ล้ายยูโร หรือประมาณ 250,000 ล้านบาท หรือประมาณ 12.5% ของงบประมาณของรัฐบาลไทยทีปีละประมาณ 2 ล้านล้านบาท โอมายก๊อดทำไมขายดีขายดีปานนั้น นี่แค่ครึ่งปีนะครับหากเป็นทั้งปีถ้าคิดตามบัญญัติไตรยางค์ก็เท่ากับ 5 แสนล้าน 25% ของงบประมาณประเทศไทยเลยทีเดียว มาดูกำไรเบื้องต้น เพิ่มถึง 11% จาก 3,279 ล้านยูโร เป็น 3,625 ล้านยูโร ในขณะที่กำไรสุทธิ เพิ่มจาก 628 ล้านยูโร เป็น 717 ล้านยูโรเพิ่มขึ้นถึง 14% ว๊าววววว
ธุรกิจแข็งแรงได้อย่างเรา เขามีวิธีการที่สร้างความแข็งแกร่งขององค์กรได้อย่างไร การรู้และนำจุดแข็งขององค์กรมาใช้อย่างเหมาะสม และการนำกลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย โดยหกเดือนแรกของปี2554 นี้มีการเปิดร้านเพิ่มถึง 177 ร้าน ทำให้ปัจจุบันมีร้านซาร่าอยู่ในประเทศต่างถึง 5,221 ร้าน แถมตุลาปีนี้ก็จะเปิดขายทางออนไลน์ในญี่ปุ่นและคงทยอยเปิดในประเทศอื่นๆอีกต่อไป เพราะช่องทางนี้เป็นต้นทุนในการจัดจำหน่ายที่ถูกที่สุดและนับวันจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นลำดับสำหรับสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ และของใช้ส่วนตัว
ธุรกิจยั่งยืนยาวได้อย่างไร สองสามปีที่ผ่านมาเราเห็นองค์กรที่มีอายุเป็นร้อยปีล้มไปในอเมริกาอยู่หลายองค์กร ใหญ่ เติบโต แต่ไม่ยืนยาวก็ไม่มีประโยชน์อะไรจริงหรือไม่ครับท่าน
ธุรกิจทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม กฎระเบียบ และเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยนแปลง (อย่างรวดเร็ว) ได้อย่างไร เปรียบเสมือนกับไดโนเสาร์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้เลยต้องสูญพันธุ์ แต่แมลงสาบปรับตัวได้แม้แต่ ดีดีที ทีแรงใช้ไปนานๆมันก็ยังปรับตัวได้จนมีแมลงสาบอยู่จนทุกวันนี้

สี่คำถามข้างต้นถ้าท่านสามารถตอบได้และคำตอบนั้นถูกต้องด้วยแล้วก็เชื่อว่าองค์กรของท่านไม่ว่าจะอีกกีปีก็สามารถอยู่ยั้งยืนยงได้อย่างแน่นอน หันกลับมาดู ZARA ก็จะพบว่าเขามองเห็นปัจจัยแห่งความสำเร็จขององค์กรได้เป็นอย่างดี รุ้ว่าอะไรเป็นจุดอ่อนจุดแข็งขององค์กรและเลือกนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม ZARA เติบโตได้เพราะการมีดีไซน์ที่เหมาะกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ในราคาที่เหมาะสม(ไม่ใช่ราคาถูกที่สุด) มีการขยายสาขาในตลาดที่มีการเติบโต และไม่ได้เป็นผุ้ผลิตสินค้าเลยเพียงแต่ออกแบบ(ให้เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย) แล้วไปจ้างและควบคุมการผลิตตลอดจนการตรวจสอบคุณภาพให้ตรงกับคุณสมบัติที่ตกลงกันไว้ในประเทศต่างๆที่มีความสามารถในการแข่งขันทางด้านการผลิตและต้นทุนการผลิตในประเทศต่างๆที่กล่าวไว้ข้างต้นเท่านั้นเอง หากวันนี้ ZARA มีโรงงานอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะขายดีหรือขายไม่ดีก็มีต้นทุนคงที่ของโรงงานอยู่ดี เลยนำเอาจุดแข็งของตัวเองมาแล้วสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรด้วยการดีไซนด์และกำหนดราคาขายที่เหมาะสมอันเป็นปัจจัยไปสู่ความสำเร็จของ ZARA นั่นเอง
มาถึงตรงนี้แล้วหันมาดูองค์กรในประเทศไทยของเราดูบ้าง ลองดู SCG (ชื่อใหม่ของปูนซีเมนต์ไทยนั่นเอง) อายุอีกสองปีก็ครบ 100 แล้ว ยังดูทันสมัย ใหญ่ แข็ง แรง และทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือว่า ซีพี แม้จะอายุน้อยกว่า 8 ปีก็มีอายุถึง 90 แล้ว ก็เป็นตัวอย่างอันดีที่มาเทียบกับ ZARA ได้ แล้วองค์กรท่านละครับหาวิธีทำให้ "ใหญ่ แข็ง ยาว และทน "ได้หรือยัง ถ้ายังก็หา "ซาร่า" แก้ปวดหัวแทนละกันครับพี่น้อง #@!!!!!!!! 5555 อีกครั้ง.....................

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...