วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ลอนดอน 2012” EPS1

                        ในที่สุดความฝันว่าจะไปดูมหกรรมกีฬาระดับโลกคือ “โอลิมปิค” ก็เป็นความจริง มนุษย์ทุกคนต้องมีความฝันเพราะว่าความฝันทำให้คนเรามีความหวัง หลายคนก็ฝันแต่ไม่ได้ลงมือทำก็เลยเป็นความฝันแบบลมๆแล้งๆเพราะ ไม่มีเป้าหมายซึ่งมีเส้นบางๆระหว่างความฝันกับเป้าหมายคือ “เป้าหมายคือความฝันที่มีกรอบกำหนดเวลา” นั่นเอง ว่าจะทำเมื่อไรได้หรือไม่ได้อย่างน้อยก็ได้พยายามที่จะทำความฝันนั้นให้บรรลุเป้าหมาย ผมเคยตั้งความฝันไว้ว่าในชีวิตจะไปดู ฟุตบอลโลก และ โอลิมปิค ให้ได้ ซึ่งก็บรรลุทั้งสองความฝันนั้นแล้วในปี 2012 นี้ที่ลอนดอน เมือไปแล้วก็เลยอยากจะนำสิ่งที่ได้พบเจอทั้งในส่วนของการจัดการแข่งขัน และ การจัดการลอนดอน เพื่อโอลิมปิคในครั้งนี้มาเล่าสู่กันฟัง ในฐานะของผู้ชมคนหนึ่งหรือนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง




                            สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าลอนดอน2012จัดการได้ดีเลิศก็คือระบบการจราจร ซึ่งผมคงให้มุมมองในส่วนทีได้พบเห็นมาด้วยตนเองเพราะว่าได้เดินทางไปสู่สนามแข่งขัน 2 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนาม EXCEL ซึ่งเป็นสนามแข่งขันที่ผมไปดูการแข่งขันยกน้ำหนักถึงสามวันติดต่อกัน ซึ่งสนามแห่งนี้เดิมก็เป็นสถานที่จัดแสดงสินค้า เปรียบไปก็คล้ายกับศูนย์แสดงสินค้าอิมแพคเมืองทองนี่แหละครับ โดยมีการจัดการแข่งขันแบ่งออกเป็นฮอลต่าง 6 ฮอล แข่งกีฬา 6 ประเภทในแต่ละช่วงเวลาของวัน แต่ระบบการจราจรซึ่งลอนดอนเองมีการการจัดการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน ที่ต้องบอกว่าดีมากๆ (มีอยู่เดิม) สามารถขนคนได้ในปริมาณมากๆและรวดเร็ว ซึ่งทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วในประเด็นนี้ แต่ต่างกันแค่นิดเดียวครับ เพราะว่าที่สนามนี้มีสถานีรถไฟฟ้า 2 สถานีซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดให้สถานีแรกขาออกจากลอนดอนที่ถึงก่อน เป็นสถานีที่ให้ผู้โดยสารลงรถเพื่อเดินเข้าสู่สนาม เมื่อกีฬาแข่งขันจบก็เดินออกอีกด้านหนึ่งเพื่อไปยังสถานีที่สองเพื่อเดินทางเข้ากลางเมืองลอนดอน และกีฬาทั้ง 6 ประเภทที่แข่งขันกันนั้นก็กำหนดเวลาในการเริ่มและเลิกให้เหลื่อมเวลากันเพื่อกระจายผู้ชมไม่ให้ไปแออัดยัดเยียดกันในสนามนั่นเอง นี่เป็นมุมเล็กๆที่หลายคนอาจจะมองข้ามในการจัดงานใหญ่ก็เป็นได้ และแถมแต่ละประเภทกีฬายังแบ่งซอยย่อยรอบการแข่งขันให้มากขึ้น ซึ่งก็คือรายได้จากการขายตั๋วที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง แน่นอนเมื่อไปดูยกน้ำหนักถึงสามวันก็ย่อมได้ซึมซับและร่วมแสดงความยินดีกับคนไทยที่น้องแต้วได้เหรียญเงินมา ความรู้สึกตอนนั้นมันปลื้มปิติและยินดีนี่ถ้าได้เหรียญทองแล้วมีโอกาสร้องเพลงชาติไทยคงน้ำตาไหลนองแน่เลย ขนาดตอนยืนเพื่อเคารพธงชาติจีนแต่มีธงชาติไทยเคียงคู่ก็ยังปลื้มไม่หายเลยครับท่าน



                          ส่วนสนามที่สองคือสนามเวมบลีย์ที่จุผู้ชมได้ถึง 9 หมื่นคน แต่ในวันนั้นมีผู้เข้าขม 7 หมื่นคนเศษ (ประกาศบนวีดีโอวอล) ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่าง เกาหลีใต้กับกาบอง สามารถหาซื้อตั๋วคู่นี้ได้นับว่าเป็นโชคเพราะว่าตั๋วยกน้ำหนัก 3 วันนั้นผมซื้อก่อนล่วงหน้าประมาณสามเดือนทางอินเตอร์เน็ตโดยให้ลูกสาวที่เรียนอยู่ที่อังกฤษซื้อไว้ล่วงหน้า แต่เมื่อไปถึงลอนดอนก็พยายามหาซื้อตั๋วดูกีฬาอื่นๆปรากฏว่าเต็มหมด เลยได้ดูกีฬาอีกวันคือฟุตบอลแต่การจ่ายเงินจะต้องทำผ่านบัตรวีซ่าไม่ว่าจะเป็นเครดิตการ์ดหรือเดบิตการ์ดก็ได้ เพราะวีซ่าเป็นสปอนเซอร์หลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันครั้งนี้ อันนี้เรียกว่าได้ทั้งเงินและกล่อง ไม่ใช่จ่ายเงินเป็นสปอนเซอร์ได้ภาพลักษณ์และการจดจำเท่านั้น ซึ่งก็ไม่แน่ว่าเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปจะได้ผลตามคาดหรือไม่ เพราะงานวิจัยที่ออกมาปรากฏว่า คนเข้าใจว่าเป็บซี่ กับ ไนกี้ เป็นสปอนเซอร์ลอนดอนเกมส์ครั้งนี้ โดยมีตัวเลขอย่างมีนัยสำคัญที่สปอนเซอร์จะต้องคำนึงว่าคุ้มหรือไม่ อย่าสักแต่ว่าจ่ายเงินแต่ก่อน ระหว่าง และ หลังเกมส์การแข่งขัน คุณไม่ได้มีสิ่งเชื่อมโยงกับกีฬา หรือ โอลิมปิค ก็จะไมคุ้มค่าเงิน ยิ่งเมื่อมาได้สอบถาม นิสิตปริญญาเอกการจัดการกีฬาว่าใครเป็นสปอนเซอร์ปรากฎว่าทั้งคลาสมีตอบว่า “ไนกี้” ทำให้คิดว่าแม้แต่คนในวงการกีฬาเองยังคิดว่า “ไนกี้” เป็นสปอนเซอร์ครั้งนี้เลย อาดีดาสคงน้ำตาซึมเป็นแน่ถ้าได้ทราบอย่างนี้ ส่วนบรรยากาศในการแข่งขันได้อารมณ์มากเพราะคน 7 หมื่นกว่าคนที่ไปดู เกาหลี เตะกับกาบองในวันนั้นก่อนแข่งการจราจรคลื่นมนุษย์ก็ติดขัดตลอดทางที่เดินจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังสนามแข่งขัน แต่เมื่อผ่านการตรวจบัตรไปแล้วทุกอย่างเยี่ยมมาก ระบบการจัดการที่นั่ง ป้ายบอกทาง ฯลฯ ดีไปไม่มีที่ติ ตอนจบการแข่งขันเดินออกจากสนามไปยังสถานีรถไฟติดขัดมากๆ แต่เมื่อเดินถึงสถานีแล้วระบบการจัดการเขาดีมากมีเจ้าหน้าที และ อาสาสมัคร คอยบอกเป็นระยะๆ และการขนถ่ายรวดเร็วมากถ้าเป็นบ้านเรา 4-5 ชั่วโมงแน่นอน แต่ที่สนามเวมบลีย์แค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเรียบร้อยโรงเรียนลอนดอนครับ



                            ที่ลอนดอนไม่มีของที่ระลึกที่ทำเลียนแบบขายเพราะว่าระบบกฎหมายและการบังคับใช้เข้มงวดมากๆ เราเลยเห็นแต่ของที่ระลึกในการแข่งขันที่ราคาสูงมากๆตั้งใจว่าจะซื้อมาฝากพี่น้องเพื่อนฝูงก็เลยไม่ไหวซื้อไม่ลงเพราะของลิขสิทธิ์แพงมากๆ แถมแต่ละร้านยังขายราคาตามใจฉันอีกด้วยและที่ผมเห็นว่าเป็นจุดอ่อนก็คือ มีให้เลือกมากเกินไปมากจนไม่รู้ว่าจะซื้ออันไหนดีซึ่งเป็นเรื่องประหลาดมากเพราะสังเกตดูว่าคนไปเลือกซื้อสินค้ากัน แต่ปริมาณซื้อกับไม่มากเท่าที่คิดซึ่งผมคาดว่าอาจจะเป็นเพราะราคาต่างจากโอลิมปิคที่ปักกิ่ง ราคาของที่ระลึกเป็นราคาที่พอจะหาซื้อฝากกันได้อย่างไม่ต้องพะวงกระเป๋า และที่ผมแปลกใจก็คือลอนดอนไม่คึกคักเท่าที่คาดคิดไว้ ซึ่งผมตั้งสมมุติฐานไว้สองประการดังนี้ ข้อแรกคือว่าการเข้มงวดเรื่องที่ปกป้องสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการของลอนดอนเกมส์ว่า สินค้าที่ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการตลาดใดๆในอันที่จะสุ่มเสี่ยงกับกฎหมายลิขสิทธิ์ ทำให้สินค้าที่ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ไม่มีการจัดกิจกรรมใดๆเลย และรวมทั้งสินค้าสปอนเซอร์ผมก็ไม่เห็นมีการจัดกิจกรรมใดๆที่ดูแล้วยิ่งใหญ่เลยซึ่งตลอดเวลา 6 วันที่อยู่ในลอนดอนนั้นก็เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านการค้า สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ และ พิพิทธภัณฑ์ต่างๆ (เลือกที่ดูฟรี) ก็ไม่เห็นมีการจัดกิจกรรมใดๆเลย มันเลยหงอยๆไปอย่างไรก็ไม่รู้ อีกประการหนึ่งก็คือคาดว่าอาจจะเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป ทำให้คนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอยเท่าที่ควรและทางการยังประกาศให้คนออกนอกเมืองอีกต่างหาก เรียกได้ว่าทำให้เมืองเงียบไปไม่เหมือนกับการมีมหกรรมโอลิมปิคเลย แต่ที่น่าชื่นชมอีกประการคือว่ามีอาสามสมัครมากมายเรียกว่าหลับตาลง ลืมตาขึ้นมาจะเจอเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอยู่ทุกหัวระแหงที่เป็นย่านชุมชนต่างๆ ที่มีอัธยาศัยไมตรีอย่างดียิ่งอันนี้ขอชมอย่างแรง แต่อยากขอเตือนว่าลอนดอนไม่ปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อน ขโมยมันเยอะมากๆเพราะในยุโรปการเดินทางของผู้คนไม่มีพรมแดนและในยามเศรษฐกิจตกสะเก็ดแบบนี้ แถมคนต่างถิ่นมารวมกันจำนวนมากก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแต่ที่น่าเจ็บใจ มันขมายซัมซุงแท๊ปของผมซึ่งเพิ่งถอยมา 2 เดือน รวมข้อมูลในโทรศัพท์เลยทำให้รู้ว่าเวลาไม่มีโทรศัพท์มือถือแล้วเป็นยังไง เหงายิ่งกว่าเมียไม่อยู่บ้านอีก 55555



ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...