วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

“ไอเดียสร้างสรรค์ แบ่งปันเงินในกระเป๋าคุณ”





                       


เดือนนี้ขยันเป็นพิเศษเพราะเขียนบทความตั้งแต่วันเริ่มต้นของเดือน 1 กรกฏาคม 2557  วันนี้เป็นหยุดของธนาคารครึ่งปี  (ไม่รู้หยุดทำไมนิ)  นั่นเท่ากับว่าเหลืออีกครึ่งปีในการปรับกลยุทธ์หากผลการประเมินในครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์   180 วันไม่ใช่เวลาที่ยาวนานเลยเผลอนีสเดียวนี่ก็ผ่านมาครึ่งปีและเหลืออีกแค่ครึ่งเท่านั้นเองก็จะได้เข้าสู่  AEC  อย่างเป็นทางการ  แม้จะปรับเปลี่ยนจากวันที่ 1 มกราคม 2558  เป็น 31 ธันวันคม 2558  ทำไมไม่เปลี่ยนให้เป็น 1 มกราคม 2559 ให้สิ้นเรื่องก็ไม่รู้เพราะการเริ่มต้นศักราชใหม่เริ่มต้นสังคม  ชุมชนเออีเซีใหม่น่าจะเป็นฤกษ์ดีกว่า     ซึ่งผมขออนุมานเอาว่าเพื่อไม่ให้เสียหน้าคนกำหนดครั้งแรก คือยังอยู่ในปี 2015 กระมัง     ไปบรรยายให้เอสเอ็มอีทั้งหลายฟังหลายครั้งมักจะเจอคำถามประมานว่าจะบุกตลาดเออีซีอย่างไรดีจากพวกที่เห็นว่าเออีซีคือโอกาส    ส่วนพวกที่เห็นเป็นอุปสรรคก็มักจะตั้งคำถามว่าจะรับมืออย่างไรดี  เป็นคำถามที่คลาสสิคมากๆ  ตอบง่ายๆแต่ทำยาก  คือ    แตกต่างอย่างสร้างสรรค์และว้าวววววว    สร้างแบรนด์(คำตอบสุดฮิต แต่เอสเอ็มมักคิดว่าตนเองทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน    สุดท้ายก็กลยุทธการตลาดที่ตอบโจทย์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ว้าววววว   มาอีกแระไอ้ ว้าวววว  นี่มันคนสัตว์หรือสิ่งของกันแน่ !!!!!!!

                   ลองเริ่มที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ก่อนก็แล้วกันเพราะเป็นเรื่องที่เอสเอ็มอีทำได้ง่ายที่สุด   ก็คงต้องให้คำจำกัดความว่า  แตกต่าง  สร้างสรรค์  หรือ นวตกรรม อะไรกันก่อนเพื่อให้เข้าใจตรงกันว่า   แตกต่างในที่นี้คงชัดเจนในตัวของมันเองซึ่งทำง่ายม๊วกๆ  แค่ปกติท้อฟฟี่มะพร้าวใส่ถุงพลาสติกเราเอามาใส่กระป๋องแบบน้ำอัดลมก็ต่างแล้ว แต่โดนป่าวนี่อีกเรื่องนึงเพราะมันต้องตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายได้ด้วย  ถ้าซื้อไปกินเองคงแพงไปเพราะต้องจ่ายค่ากระป๋องด้วย  แต่ถ้าตำแหน่งของสินค้าเป็นของฝากละก็อีกเรื่องหนึ่ง...........
                                สร้างสรรค์  กับ นวตกรรม หลายท่านอาจจะคิดว่ามันเหมือนกันกันหรือเป็นอันเดียวกัน  ก็ขอขยายความสักนีสนุงนะครับว่า   สร้างสรรค์  คือคิดต่าง มีประโยชน์   แต่ว่านวตกรรม  คือทำสิ่งต่างๆด้วยวิธีใหม่  เปลี่ยนแปลงความคิด  ทั้งการผลิต  การบริการ กระบวนการ ตัวสินค้าเอง  รูปลักษณ์  ประโยชน์ใช้สอย  ซึ่งมีเงื่อนไขอยู่   4  ประการ  คือ  1.ต้องใหม่  อาจจะใหม่ในโลกไม่มีคนทำมากก่อน  ชัดๆก็เฟสบุคที่เราติดกันงอมแงมนี่งัย   หรืออาจจะเก่าที่อื่นแต่มาใหม่ในอุตสาหกรรมของเรา / สินค้าของเรา   เช่นธนาคารหรือร้านอาหารฟาสฟู้ดแบบที่ DRIVE TRUE  ซึ่งมันมีมาก่อนในอุตสาหกรรมภาพยนต์    2.ต้องสร้างสรรค์  ไม่ลอกเลียน  แต่พัฒนาต่อยอดต่อจิ๊กซอว์ได้  พัฒนาจาก  CC….CD…..DVD  ซะงั้น  โดยพัฒนาจาก  COPY & COPY  เป็น  COPY & DEVELOPMENT    ไปเป็น  DESIGN VIA DEVELOPMENT  นั่นเอง   3. มีประโยชน์  ทั้งนี้ขอเพิ่มเติมว่าต้องไม่ผิดศีลธรรม  จริยธรรม  วัฒนธรรม ประเพณี  และ ฎหมาย  ด้วยนะครับ  (เพิ่มเติมเอง อุต๊ะ)   4.พัฒนาการ  คือก่อให้เกิดพัฒนาการ   ทั้งการผลิต การบริการ การบริหารจัดการ ตลอดจนกระบวนยุทธ์ 
                                ตัวอย่างเช่น   วันนี้มือถือซัมซุงแซงหน้าแอปเปิ้ลไปแล้วด้วยส่วนแบ่ง  30 %  ในขณะนี่แอปเปิ้ลครองตลาดแค่ 19 %   ในตลาดสมาร์โฟนแต่สติวพิดยูสเซอร์หรือเปล่าก็ไม่รู้ซื้อมา 23,000 บาท ฟูลออฟชั่น  แต่ใช้แค่ประมาณ 7,000 บาท เปรียบเทียบประมาณว่าเครื่อง  7-8 พันก็ทำงานที่เราใช้ประจำได้เหมือนกันนะ  ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ทราบเบื้องหลังความสำเร็จก็คือการสร้างสรรค์นวตกรรม   แล้วซัมซุงรู้ได้อย่างไรเพราะสินค้านี้ขายไปทั่วโลก  ทุกชาติ  ศาสนา ฯลฯ    เขาลงทุนครับส่งคน 4,700 คนไปอยู่ใน 80 ประเทศทั่วโลกเป็นเวลา 1 ปี  ไม่ได้ไปชิวๆนะไปอยู่แบบวิถีของคนในชาตินั้น ๆ  ชุมชนนั้นๆ  กลุ่มสังคมนั้นๆ  เพื่อเรียนรู้พฤติกรรม  ความเชื่อ  ความชอบ ทัศนคติ  วิธีคิด  ฯลฯ  โดยใช้เงินทั้งสิ้น 470 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยแค่ 15,260 ล้านบาท ว้าวววว   ซึ่งก็เป็นขั้นตอนที่หนึ่งของกระบวนการสร้างนวตกรรม  คือ  INVENT  คิดค้น สำรวจ วิจัย  เอสเอ็มอีไม่มีกะตังแต่เจ้าของลุยเอง  ก็ต้องอาศัย  การสังเกตุ  จดจำ  ใส่ใจ  เรียนรู้ จากรอบตัวไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ  จากสารคดีทีวีหนังสือ ฯลฯ
                                ขั้นตอนต่อมาคือ DEVELOPMENT  ก็คือการนำข้อมูลนั้นมาพัฒนา  ทดสอบ ปรับปรุง ทำต้นแบบ   ซึ่งเรามักจะเห็นช่าวบ่อยๆว่าคนจบประถมคิดประดิษฐ์โน่นนั่นนี่ได้แม้ไม่ได้จบวิศวกรรมมา  เพราะเขามีความคิดสร้างสรรค์และไม่ยอมแค่หยุดคิดแต่นำมาพัฒนา  ประดิษฐ์  ปฎิบัตินั่นเอง
                                แล้วนำสิ่งที่พัฒนานั้นมา  IMPLEMENT  คือการทดสอบ  ทดลองใช้งานจริง  ถ้าทำได้ทดลองใช้งานจริงๆกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย  เพื่อจะได้ทราบว่าชอบไม่ชอบ  อยากให้ปรับปรุงอะไร  หรือเพิ่มเติมหรือปรับปรุงวิธีใช้งานให้เหมาะสม  อย่าพลาดเหมือนซัลซิลหลายปีก่อนมากๆ  ออกซัลซิลที่ทำให้ผมดำอุแม่จ้ามันดำจริงๆนอกจากผมดำแล้ว ทั้งมือ เล็บ  ตัว และมองลงไปที่พื้นน้ำดำมาก  เรียกว่าดำไปหมดเลย  ไม่น่าพลาดจริงๆๆ
                                และสุดท้ายนี่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เป็นที่ลือเลื่องกระเดื่องแดนดินหรือไม่   PROMOTION  คือการเผยแพร่  จำหน่าย  หรืออาจจะแจกจ่ายก็ได้  อย่าทำให้เหมือนกับสินค้าดีแต่ไม่มียอดขายก็จะเป็นการเสียของไปในที่สุด.................แล้วจะบ่นกะตัวเองว่า  อุ๊ตะ  อุ๊ตะ........................######
                  

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...