วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“ข่าวสารขยะ เศษสวะข้อมูล”



                        เทคโนโลยี่ข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว   ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างทันที  ทันเวลา  และแพร่กระจายข่าวสารอย่างรวดเร็ว   ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้านอยู่ในตัวมันเอง   ถ้าเรานำมาใช้ในทิศทางที่เหมาะสม ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานตีความว่าเหมาะสม  เช่น กลุ่มการเมืองมีทีวีของตนเอง ก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำให้กลุ่มนั้นมันเหมาะสม  แต่มันกลับไปทำร้ายสังคมเพราะเป็น HATE SPEECH    นี่เห็นว่า คสช.อนุญาติให้กลุ่มการเมืองทั้งสามกลุ่มถ่ายทอดรายการได้แล้วแต่อยู่ในกรอบที่ คสช.ควบคุม   ก็ยังไม่รู้ว่าจะ เอาอยู่หรือไม่ 
                        หรือเมื่อเร็วๆนี้มีข่าวอีกสองข่าวที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วคือ  พระจันทร์สองดวง  และ รถไฟฟ้าชนกันอะไรประมานนี้   เราเปลี่ยนจากไทยมุงมาเป็นไทยกระจาย(ข่าว)กันโดยไม่ได้ไตร่ตรองคือแค่ COPY  and PASTE  มันง่ายดีไม่ต้องคิดอะไรมาก  แต่การแพร่กระจายนั้นอาจจะทำให้ประชาชนแตกตื่นกันเกินเหตุหรือไม่อันนี้ก็ต้องหยุดพิจารณาดู   เหหตุการณ์หนึ่งที่ประเทศน่าจะอินเดียคนเหยียบกันตายบนสะพานไปหลายสิบคนเพราะว่าไม่รู้ว่ามีเหตุอะไร   เพียงแต่มีคนแตกตื่นกันก็วิ่งหนีกันอย่างขาดสติทั้งๆที่มีปัญญา    ผมก็เลยอยากเขียนบทความนี้ในเรื่องที่ว่า  ข่าวสารขยะ  เศษสวะข้อมูล 
                        ท่านเคยนับหรือไม่ครับว่าในแต่ละวันท่านได้รับข้อมูลในไลน์กลุ่มกี่ข้อมูล   ของผมลองนับดูเมื่อว่าน  3,200 ข้อมูลโดยประมาณ   บางคนอาจจะว่าโม้นับได้อย่างไรง่ายๆครับ  แค่ทุกครั้งที่กดเข้าในแอปก็ดูว่ามีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเท่าใดแล้วก็รวบรวมไว้  เมื่อวานวันอาทิตย์อาจจะน้อยหน่อยดู 10 ครั้ง ครั้งละ 200-300 ข้อมูลรวบรวมได้ 3,200 ข้อมูล    แล้วลองประเมินดูว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สักกี่ข้อมูลก็ประมาณว่า  30 ข้อมูล  (ไม่นับสติกเกอร์ GOOD MORNING   รูปวันนี้วันพระ  รูปสวยๆ ฯลฯ )  ที่เหลือก็เป็นข้อมูลที่ก้อปกันไปมา   บางคนเป็นสมาชิกอยู่ 8 บอร์ดก็ส่งข้อมูลเดียวกันนี้ไปยังทุกบอร์ดซึ่งผมก็ดันเป็นสมาชิกอยู่ด้วยก็เลยต้องรับข้อมูลไปทั้งหมดเต็มๆ   ทั้งที่เป็นข้อมูลในมุมหนึ่งก็อาจจะดีมีประโยชน์แต่อยากถามว่าเราได้ไตร่ตรองมาว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่   มาจากสื่อหลักหรือเปล่า(เพราะสื่อหลักต้องตรวจสอบ แต่บางครั้งก็มีพลาด) หรือก้อปมาจากกลุ่มอื่นๆ   เหมือรถไฟฟ้าชนกัน  กับ พระจันทร์สองดวง
                หรือแม้แต่การกล่าวหากันทางการค้า   ทำลายคู่แข่ง  หรือไม่พอใจร้านค้านั้นหรือพนักงานบริการร้าน   ก็นำมาบ่นตำหนิ  แต่งเติมข้อมูล  หรือเต้าข้อมูลเลยเพราะความเกลียดชัง  เช่น ข่าวอาหารในร้านสะดวกซื้อ   ข่าวเชื้อหวัดนกในฟาร์มไก่แห่งหนึ่ง 
หรือข่าวเรื่องสกุลเงิน  ระเบียบเงินของโลก( อาจมีมูลอยู่บ้าง)  แต่ก็ต้องไตร่ตรองให้ดี  พอผมถามไปว่าได้มาจากคนที่ลงชื่อในท้ายข่าวนั้นหรือไม่    ต่างก็ตอบกันเป็นเสียงเดียวว่ารับมาอีกต่อ  (เอ....แล้วใครเป็นคนแรกเอ่ย??)    และชื่อในตอนท้ายของข่าวนั้นเป็นคนๆนั้นเขียนจริงหรือปล่าวก็ไม่มีใครรู้จริง  ชิมิ  ชิมิ
                        ข้อมูลหลายอย่างก็มีประโยช์แต่ก็ยังงงๆอยู่กับความน่าเชื่อถือเช่น  สูตรการรักษาโรคต่างๆ   จนบางครั้งหมอ หรือ สมาคมวิชาชีพต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง  หรือว่าเป็นข้อคิดคติธรรม  พุทธธรรม ต่างๆอันนี้ดีมีประโยชน์แน่นอน  แต่อยากถามว่าคนส่งนั้นได้ปฏิบัติ  หรือคิดที่จะปฏิบัติหรือไม่   มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนส่งวิธีเลิกเหล้ามาให้ในไลน์ส่วนตัวของผม   ซึ่งเขาคงไม่ได้สังเกตุว่าผมนะเลิกแอลกอฮอลล์ทุกชนิดมาตั้งแต่ 2550 แล้ว   ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้ส่งนั้นก็ยังดื่มเป็นกิจวัตรประจำวันจะเรียกว่ามาก็คงได้  อิอิ..........ก็คิดว่าเป็นความปรารถนาดีของผู้ส่ง  หรือเขารักเราไม่อยากให้เราเป็นแบบเขาก็สบายใจไปนินิ   
                        แต่ในเวลาเดียวกันเทคโนโลยี่นี้ก็ช่วยทำให้ผมสามารสร้างเครือข่ายสามเสนวิทยาลัยได้   เพราะการใช้อีเมล์  และ ไลน์  เฟสบุค ในการประสานงานเครื่อข่ายสามเสนวิทยาลัย  โดยแต่ละรุ่นจะมีตัวแทนรุ่นละ 5 คน  ทางสมาคมนักเรียนเก่าสามเสนวิทยาลัยก็ใช้วิธีส่งข้อมูลที่ต้องการประชาสัมพันธ์ไปยังตัวแทนทุกรุ่นให้ไปสื่อสารต่อในรุ่นของตัวเอง   ก็นับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง   หรือว่าเพื่อนเก่าๆที่ไม่ได้เคยพบเจอกันมา 30 กว่าปี  ก็สามารถค้นพบและทักทายแม้จะอยู่กันคนละซีกโลก  หรือคนละจังหวัดทำให้เราได้ใกล้ชิดขึ้น 
                        แล้วเราจะบริหารจัดการข่าวสารอย่างไร   โดยเฉพาะที่เป็นข้อมูลขอบอกว่ายาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ   ที่เพื่อนๆก้อปปี้มากรุณาไปโพสไว้ใน สมุดโนท ของกลุ่มได้หรือไม่ ???   เพราะว่าหากผมไม่ได้สนใจข้อมูลนี้จะได้ไม่ต้องลากลงมายาวมากกกกกกกกก     เราคงต้องเลือกรับข้อมูลข่าวสารให้เหมาะสมกับตนเอง  ที่สำคัญอย่าไปอินกับข่าสารมากเกินไปนอกจากมีปัญญาแล้วต้องมีสติกับมันด้วย  เพราะเมื่อก่อนเคยสอนกันว่า   อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น  เดี๋ยวนี้เห็นๆก็ยังเชื่อไม่ได้จริงๆ เพราะเทคโนโลยีการตัดต่อ  การสร้าง  ฯลฯ เหมือนยิ่งกว่าของจริงเสียอีก    วางมันลงบ้างครับข้อมูลข่าวสารนั้นๆอาจจะทำให้เราหมกมุ่น  ลุ่มหลง  รัก  เกลียดชัง  และขาดสติได้ในที่สุด  ก็ขอให้เราใช้เทคโนโลยี่ในทางสร้างสรรค์และเลือกที่จะไลค์  เลือกที่จะแชร์  อย่างมีสตินะครับ
                        แต่ยังไงใครจ้างให้ผมเลิกเล่นไลน์.......................ไม่มีทาง  
  อิอิ..................................................@@@@

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...