เทคโนโลยี่ข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างทันที ทันเวลา
และแพร่กระจายข่าวสารอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้านอยู่ในตัวมันเอง ถ้าเรานำมาใช้ในทิศทางที่เหมาะสม
ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานตีความว่าเหมาะสม
เช่น กลุ่มการเมืองมีทีวีของตนเอง
ก็คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำให้กลุ่มนั้นมันเหมาะสม
แต่มันกลับไปทำร้ายสังคมเพราะเป็น HATE SPEECH นี่เห็นว่า
คสช.อนุญาติให้กลุ่มการเมืองทั้งสามกลุ่มถ่ายทอดรายการได้แล้วแต่อยู่ในกรอบที่
คสช.ควบคุม ก็ยังไม่รู้ว่าจะ “เอาอยู่หรือไม่”
หรือเมื่อเร็วๆนี้มีข่าวอีกสองข่าวที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วคือ พระจันทร์สองดวง และ รถไฟฟ้าชนกันอะไรประมานนี้ เราเปลี่ยนจากไทยมุงมาเป็นไทยกระจาย(ข่าว)กันโดยไม่ได้ไตร่ตรองคือแค่
COPY and PASTE
มันง่ายดีไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่การแพร่กระจายนั้นอาจจะทำให้ประชาชนแตกตื่นกันเกินเหตุหรือไม่อันนี้ก็ต้องหยุดพิจารณาดู เหหตุการณ์หนึ่งที่ประเทศน่าจะอินเดียคนเหยียบกันตายบนสะพานไปหลายสิบคนเพราะว่าไม่รู้ว่ามีเหตุอะไร
เพียงแต่มีคนแตกตื่นกันก็วิ่งหนีกันอย่างขาดสติทั้งๆที่มีปัญญา ผมก็เลยอยากเขียนบทความนี้ในเรื่องที่ว่า “ข่าวสารขยะ
เศษสวะข้อมูล”
ท่านเคยนับหรือไม่ครับว่าในแต่ละวันท่านได้รับข้อมูลในไลน์กลุ่มกี่ข้อมูล ของผมลองนับดูเมื่อว่าน 3,200
ข้อมูลโดยประมาณ
บางคนอาจจะว่าโม้นับได้อย่างไรง่ายๆครับ
แค่ทุกครั้งที่กดเข้าในแอปก็ดูว่ามีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเท่าใดแล้วก็รวบรวมไว้ เมื่อวานวันอาทิตย์อาจจะน้อยหน่อยดู 10 ครั้ง
ครั้งละ 200-300 ข้อมูลรวบรวมได้ 3,200 ข้อมูล
แล้วลองประเมินดูว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สักกี่ข้อมูลก็ประมาณว่า 30 ข้อมูล
(ไม่นับสติกเกอร์ GOOD MORNING รูปวันนี้วันพระ รูปสวยๆ ฯลฯ )
ที่เหลือก็เป็นข้อมูลที่ก้อปกันไปมา
บางคนเป็นสมาชิกอยู่ 8
บอร์ดก็ส่งข้อมูลเดียวกันนี้ไปยังทุกบอร์ดซึ่งผมก็ดันเป็นสมาชิกอยู่ด้วยก็เลยต้องรับข้อมูลไปทั้งหมดเต็มๆ ทั้งที่เป็นข้อมูลในมุมหนึ่งก็อาจจะดีมีประโยชน์แต่อยากถามว่าเราได้ไตร่ตรองมาว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ มาจากสื่อหลักหรือเปล่า(เพราะสื่อหลักต้องตรวจสอบ
แต่บางครั้งก็มีพลาด) หรือก้อปมาจากกลุ่มอื่นๆ
เหมือรถไฟฟ้าชนกัน กับ
พระจันทร์สองดวง
หรือแม้แต่การกล่าวหากันทางการค้า ทำลายคู่แข่ง
หรือไม่พอใจร้านค้านั้นหรือพนักงานบริการร้าน ก็นำมาบ่นตำหนิ แต่งเติมข้อมูล หรือเต้าข้อมูลเลยเพราะความเกลียดชัง เช่น ข่าวอาหารในร้านสะดวกซื้อ ข่าวเชื้อหวัดนกในฟาร์มไก่แห่งหนึ่ง
หรือข่าวเรื่องสกุลเงิน ระเบียบเงินของโลก( อาจมีมูลอยู่บ้าง) แต่ก็ต้องไตร่ตรองให้ดี
พอผมถามไปว่าได้มาจากคนที่ลงชื่อในท้ายข่าวนั้นหรือไม่
ต่างก็ตอบกันเป็นเสียงเดียวว่ารับมาอีกต่อ
(เอ....แล้วใครเป็นคนแรกเอ่ย??) และชื่อในตอนท้ายของข่าวนั้นเป็นคนๆนั้นเขียนจริงหรือปล่าวก็ไม่มีใครรู้จริง ชิมิ
ชิมิ
ข้อมูลหลายอย่างก็มีประโยช์แต่ก็ยังงงๆอยู่กับความน่าเชื่อถือเช่น สูตรการรักษาโรคต่างๆ จนบางครั้งหมอ หรือ
สมาคมวิชาชีพต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
หรือว่าเป็นข้อคิดคติธรรม พุทธธรรม
ต่างๆอันนี้ดีมีประโยชน์แน่นอน
แต่อยากถามว่าคนส่งนั้นได้ปฏิบัติ
หรือคิดที่จะปฏิบัติหรือไม่
มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนส่งวิธีเลิกเหล้ามาให้ในไลน์ส่วนตัวของผม
ซึ่งเขาคงไม่ได้สังเกตุว่าผมนะเลิกแอลกอฮอลล์ทุกชนิดมาตั้งแต่ 2550
แล้ว
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้ส่งนั้นก็ยังดื่มเป็นกิจวัตรประจำวันจะเรียกว่ามาก็คงได้
อิอิ..........ก็คิดว่าเป็นความปรารถนาดีของผู้ส่ง
หรือเขารักเราไม่อยากให้เราเป็นแบบเขาก็สบายใจไปนินิ
แต่ในเวลาเดียวกันเทคโนโลยี่นี้ก็ช่วยทำให้ผมสามารสร้างเครือข่ายสามเสนวิทยาลัยได้ เพราะการใช้อีเมล์ และ ไลน์
เฟสบุค ในการประสานงานเครื่อข่ายสามเสนวิทยาลัย โดยแต่ละรุ่นจะมีตัวแทนรุ่นละ 5 คน
ทางสมาคมนักเรียนเก่าสามเสนวิทยาลัยก็ใช้วิธีส่งข้อมูลที่ต้องการประชาสัมพันธ์ไปยังตัวแทนทุกรุ่นให้ไปสื่อสารต่อในรุ่นของตัวเอง ก็นับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หรือว่าเพื่อนเก่าๆที่ไม่ได้เคยพบเจอกันมา 30
กว่าปี
ก็สามารถค้นพบและทักทายแม้จะอยู่กันคนละซีกโลก หรือคนละจังหวัดทำให้เราได้ใกล้ชิดขึ้น
แล้วเราจะบริหารจัดการข่าวสารอย่างไร
โดยเฉพาะที่เป็นข้อมูลขอบอกว่ายาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่เพื่อนๆก้อปปี้มากรุณาไปโพสไว้ใน สมุดโนท
ของกลุ่มได้หรือไม่ ??? เพราะว่าหากผมไม่ได้สนใจข้อมูลนี้จะได้ไม่ต้องลากลงมายาวมากกกกกกกกก เราคงต้องเลือกรับข้อมูลข่าวสารให้เหมาะสมกับตนเอง ที่สำคัญอย่าไปอินกับข่าสารมากเกินไปนอกจากมีปัญญาแล้วต้องมีสติกับมันด้วย เพราะเมื่อก่อนเคยสอนกันว่า “อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น” เดี๋ยวนี้เห็นๆก็ยังเชื่อไม่ได้จริงๆ
เพราะเทคโนโลยีการตัดต่อ การสร้าง ฯลฯ เหมือนยิ่งกว่าของจริงเสียอีก
วางมันลงบ้างครับข้อมูลข่าวสารนั้นๆอาจจะทำให้เราหมกมุ่น ลุ่มหลง
รัก เกลียดชัง และขาดสติได้ในที่สุด ก็ขอให้เราใช้เทคโนโลยี่ในทางสร้างสรรค์และเลือกที่จะไลค์ เลือกที่จะแชร์ อย่างมีสตินะครับ
แต่ยังไงใครจ้างให้ผมเลิกเล่นไลน์.......................ไม่มีทาง
อิอิ..................................................@@@@