เราคงได้เคยเห็นเด็กฝรั่งแบมือและเอามือตบกันเพื่อแสดงออกว่าเราเห็นพ้องต้องกัน หรือ เอาตามนี้นะ รวมทั้งแสดงความยินดีปรีดาเมื่อทำอะไรเสร็จเรียบร้อยโดยบอกว่า “GIVE ME5” ก็เลยเอาคำนี้มาผนวกกับโฆษณาทางวิทยุของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ (ผมไม่เห็นโฆษณานี้ทางโทรทัศน์) ที่กล่าวตอนหนึ่งว่า “ถ้าเป็นคนเก่ง เก่งกว่านี้ได้มั๊ย?? ......ถ้าเป็นคนดี ดีกว่านี้ได้มั๊ย.??” ซึ่งหมายถึงว่าแม้ว่าคุณจะเก่ง จะดีอยู่แล้วสามารถทำได้มากกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ ซึ่งมันคล้ายกับปรัชญาของ “โอลิมปิคสากล” ที่พูดถึง “FASTER STRONGER HIGHER” ซึ่งเราจะเห็นได้จากการแข่งขันกีฬาในระดับต่างๆว่ามีการทำลายสถิติต่างๆอยู่เสมอ นั่นอาจจะหมายถึงการดำเนินชิวิตของเรา การดำเนินธุรกิจของเรา แม้ว่าเราจะทำได้ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว เก่งแล้ว แต่จะสามารถทำได้อีกนิดหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะมีคน เร็วกว่า แกร่งกว่า สูงกว่า ดีกว่า ฯลฯ มาแซงหน้าเราไปได้ นั่นคล้ายๆกับเป็นการเตือนว่า”อย่าประมาท” และ “ ปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา” หรือ บอกเราว่า “ต้องทำอีกนิดนะ”
ถ้าใครยังจำได้โอลิมปิคครั้งหนึ่งนักยกน้ำหนักสาวไทยก่อนที่จะออกไปยกครั้งที่สามซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อตัดสินว่าจะได้เหรียญทองหรือไม่ (น่าจะชื่อน้องอร) กำหมัดและตะโกนว่า “สู้โว้ย” มันอาจจะไม่มีความหมายสำหรับหลายๆคนแต่มันมีความหมายสำหรับนักกีฬาที่จะทำให้ฮึกเฮิมและกระตุ้นว่า “อีกนิดนะ” ชัยชนะรออยู่ข้างหน้าแค่เอื้อมเท่านั้นเอง หากเราลองมาดูกับการดำเนินการทางธุรกิจว่าเราสามารถทำอะไรอีกนิดให้กับลูกค้าได้หรือไม่ ขอยกตัวอย่างสนามบินสองแห่ง (ไม่กล้ายกตัวอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ อิอิ) คือสนามบินชางฮีของสิงค์โปร พนักงานประชาสัมพันธ์ของเขาถูกฝึกมาให้บริการในเชิงรุก ไม่ใช่ว่านั่งหน้าหวานอยู่ที่เคาท์เตอร์ใครสงสัยอะไรมาถามฉันซิซึ่งฉันพร้อมจะให้ข้อมูลด้วยความเต็มใจ แต่เขาถูกฝึกมาว่าหากมีผู้โดยสารเดินงง ยืนดูอยู่แล้วทำหน้ามุ่ย หรือแสดงอาการสงสัย(อย่างแรง) ก็ให้เขาไปสอบถามเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้โดยสารท่านนั้น แล้วเมื่อตอนผมกลับจากแคนาดามาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน ชิปแล้ปก๊อกที่ฮ่องกง ปรากฏว่ามันเช้ามากๆตีห้าเศษร้านรวงหรือรถไฟ(ระหว่างเทอมินอล)ยังไม่เปิดผมเองก็เดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่สองคนที่ทั้งสองนั้นให้บริการคนจีนอยู่ถามซะยืดยาว (แล้วทำไมทั้งสองคนต้องไปตอบคำถามคนเดียวก็ไม่รู้) ผมรอจนเจ๊คนจีนนั้นเดินจากไปก็รอว่าเขาจะหันมาถามเรามั๊ยว่ามีอะไรให้เขาช่วย รอจนทนไม่ไหวก็เลยถามเขาไปว่า “ผมพอจะถามข้อสงสัยได้หรือยัง” ซึ่งผมถามถึงว่ารถไฟจะเปิดบริการกีโมง นางตอบกลับมาด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “ดูที่ป้ายซิ (วะ)” เออ.....ตรูหรือแก๊สโซฮอลล์ผิดวะนี่...............@@ เรื่องเล็กๆแค่นี้นางคงโดยสามีดุมาจากบ้านแหงๆ ...................
ถ้าเราสังเกตุคนญี่ปุ่นเวลาคุยอะไร ถามอะไร เขาจะคุยและตอบซะยาวตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกจนมากรุงธนบุรีเลย 55555 และถ้าสามารถพาเราไปส่งได้เขาคงพาเราไปส่งถึงหน้าห้องเลย หรือตอนมาส่งเราที่รถเขาจะโบกมือรอจนรถลับสายตาเหมือน ภรรยามาส่งสามีไปรบอย่างอาลัยอาวรณ์เลยทีเดียวเชียว.................................
จึงขอฝาก 5 MORE ให้เพื่อเป็นคำตอบ GIVE ME 5 คือ
LEARN MORE คือการศึกษาลูกค้าถึงความชอบ ความต้องการ ความสนใจ
SELL MORE และต้องขายของให้ได้เพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณ และรายการสินค้า
MEASURE MORE ประเมินผล วัดผล ความสัมพันธ์ และ ศึกษาลูกค้าอยู่เสมอๆ
CONNECT MORE เกาะติด ยกระดับความสัมพันธ์ ติดต่อ อยู่เสมอ ทั้งตนเองหรือ เครื่องมือสื่อสารอื่นๆ
DO MORE และสุดท้ายทำอะไรอีกนิสนุง เพื่อลูกค้าผู้มีอุปการคุณได้หรือไม่ เพื่อให้เราอยู่ในความทรงจำลูกค้าตอลดไป ....................................อาเมน...@@@@@