วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

“ดอกเบี้ยของเงิน 10,800 ล้านบาท”



              


         เงียบๆเรียบๆแต่เรียบร้อยโรงเรียนกรุงเทพดุสิตเวชการ  และ”หมอเสริ

ฐ” บุรุษผู้เป็นตำนาน  อายุ 84 ปิด แต่ปิดดีลมหาศาล   ด้วยการที่กรุงเทพ
ดุสิตเวชการเข้าซื้อกิจการ  โรงแรมสวิสโฮเต็ลปาร์คนายเลิศ และอาคารพรอมเมอนาด  และที่ดิน15ไร่ ด้วยเม็ดเงินถึง 10,800 ล้านบาท .......อุแม่เจ้า .... คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการซื้อกิจการเพราะเป็นข่าวที่รับรู้โดยทั่วไปแล้ว   แต่ผมอยากถามว่า  “ดอกเบี้ยของเงิน 10,800 ล้านบาท ตกปีละเท่าใด  วันละเท่าใด ? …!!!!! 

                คำตอบคือ  ปีละ 756 ล้านบาท  ******วันละ  2,271,232 ******   อุต๊ะ  วันละ 2 ล้าน  ธุรกิจอะไรที่จะทำกำไรได้มากกว่า วันละ 2 ล้านบาท  (คิดอัตราดอกเบี้ยที่  7 %  แต่ กลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการคงมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า น่าจะประมาณ 4-5 % ต่อปี  เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และเมื่อดูข้อมูลก็ได้เคยมีอการออกหุ้นกู้อยูประมาณ 9 พันล้านบาท)

                แต่...........หมอเสริฐก็เฉลยออกมาแล้วจะทำเป็น  “เวลเนสเซ็นเตอร์”   ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายก็เป็นการขยายและต่อยอดจากความชำนาญในเรื่องการรักษาพยาบาล  ของกลุ่มดุสิตเวชการที่มีโรงพยาบาลกรุงเทพเป็นหัวหอกนั่นเอง  ก็เป็นการ  ป้องกัน  รักษา  และยืนยาว (อายุ)  กลุ่มเป้าหมายต้องระดับ A ขึ้นไป  รากหญ้าอย่างเราก็ใช้บัตรสามสิบบาท  หรือ ประกันสังคมต่อไป  55555   

              แต่ตรงนี้ซิไม่เบานั่นก็คือผมไม่รู้ว่าที่ดินแถวนั้นวาละเท่าไหร่ก็เลยไปค้นหาเอา  คำตอบ  1.9 ล้านบาทครับพี่น้อง   15 ไร่ ก็ 6,000 ตารางวาคูณด้วย 1.9 ล้าน     11,400 ล้านบาท ครับ  แต่ “หมอเสริฐ”ซื้อมาในราคา  10,800 ล้านบาท  ราคาถูกไปถึง  600 ล้านบาท

                ยัง.....ยังไม่พอ.....ได้อาคารพรอมเมอนาด  ที่เป็นสำนักงานให้เช่า สูง 12 ชั้น พื้นที่ประมาณ 31,000 ตารางเมตร ซึ่งข่าวแจ้งว่า  กรุงเทพดุสิตเวชการจะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ก็ทำให้ค่าเช่าสำนักงานขององค์กรลดลง  หรือหากมีพื้นที่เหลือคงเปิดให้เช่าต่อ  หรืออาจจะให้ผู้เช่าเดิมเช่าต่อก็ได้   คิดเล่นๆว่าถ้าค่าเช่าตกตารางเมตรละ 1,500 บาท 31,000 ตารางเมตร  ก็จะได้รายได้ทั้งสิ้น เดือนละ 46.5 ล้าน ปีละ  558 ล้าน ...... ย้อนกลับไปดูย่อหน้าที่สองดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายปีละ  756 ล้านบาทเมื่อคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 7%  ซึ่งหมอเสริฐมีอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่านี้    บวกลบคูณหารแบบมั่วๆรายได้ค่าเช่าก็พอดอกเบี้ยแล้วครับพี่น้อง.......จิงอะป่าว?????

                ทีนี้มาดูกันต่อว่าปกติการจัดทำโครงการต่างๆเมื่อซื้อที่ดินมีต้องดำเนิรการ   เตรียมการ  ออกแบบ  จ้างผู้รับเหมา  ขออนุญาติ  เริ่มลงมือก่อสร้าง  กว่าจะเสร็จ  อย่างน้อยต้อง 2  ปี หนืออาจจะมากกว่า  ดอกเบี้ยค่าซื้อที่ดินกินไปเท่าใดแล้ว  ดังนั้นการซื้อโครงการเดิมและสามารถเริ่มปรับปรุงและเปิดกิจการใหม่ได้ภายใน 6 เดือนนับเป็นการลงทุนที่สร้างรายได้ที่รวดเร็วมาก....... สมมุติว่าปกติ ใช้เวลาสร้างสองปีแต่นี่สามารถเปิดกิจการได้ภายใน 6 เดือนประหยัดเวลาไป 1.5 ปี ดอกเบี้ยก็พันกว่าล้าน  แถม 1.5 ปีที่เปิดกิจการก็สามารถทำกำไรได้ หรือหากโครงการต้องใช้เวลา 3-4 ปี ก็เป็นการเพิ่มต้นทุนค่าดอกเบี้ยไปไม่รู้เท่าใด   ซึ่งในกรณีนี้เชื่อว่าทำได้เพราะมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้วจาก รพ.กรุงเทพและ รพ.ในเครือข่ายทั้งหลาย  ซึ่งมีลูกค้าอยู่ทั้งในและนอกประเทศเป็นจำนวนมากมายนั่นเอง   1.5-3.5 ปีที่เปิดกิจการนั่นทำกำไรได้เท่าไหร่  ไม่มีใครรู้  แต่แน่ๆ ....ทำได้แน่นอน

                สุดท้ายไหนจะบรรยากาศที่ร่มรื่นของโรงแรมปาร์คนายเลิศ  ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางกรุงเป็นสวนสวยที่ต้นไม้แต่ละต้นมีอายุ  และเรื่องราวที่จะคอยบอกผู้คนที่มา  ป้องกัน  รักษา  และยืนยาว (อายุ)  กับกลุ่มดุสิตกรุงเทพเวชการ   อันเป็นมูลค่าที่มิสามารถประเมินได้   จริงอยู่มีตังก็ไปขุดต้นไม้ใหญ่มาปลูกในโครงการได้  แต่......ราคา  และ เรื่องราวคงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง    คน สว.วัย 84 คิดข้ามช้อตแบบที่คนอีกเจเนอเรชั่นต้องหลบไปยืนอยู่ข้างๆแล้วอุทานว่า  “ อุต๊ะหมอเสริฐ  4.0.”

“ดอกเบี้ยของเงิน 10,800 ล้านบาท”



              


         เงียบๆเรียบๆแต่เรียบร้อยโรงเรียนกรุงเทพดุสิตเวชการ  และ”หมอเสริ

ฐ” บุรุษผู้เป็นตำนาน  อายุ 84 ปิด แต่ปิดดีลมหาศาล   ด้วยการที่กรุงเทพ
ดุสิตเวชการเข้าซื้อกิจการ  โรงแรมสวิสโฮเต็ลปาร์คนายเลิศ และอาคารพรอมเมอนาด  และที่ดิน15ไร่ ด้วยเม็ดเงินถึง 10,800 ล้านบาท .......อุแม่เจ้า .... คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องการซื้อกิจการเพราะเป็นข่าวที่รับรู้โดยทั่วไปแล้ว   แต่ผมอยากถามว่า  “ดอกเบี้ยของเงิน 10,800 ล้านบาท ตกปีละเท่าใด  วันละเท่าใด ? …!!!!! 

                คำตอบคือ  ปีละ 756 ล้านบาท  ******วันละ  2,271,232 ******   อุต๊ะ  วันละ 2 ล้าน  ธุรกิจอะไรที่จะทำกำไรได้มากกว่า วันละ 2 ล้านบาท  (คิดอัตราดอกเบี้ยที่  7 %  แต่ กลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการคงมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า น่าจะประมาณ 4-5 % ต่อปี  เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และเมื่อดูข้อมูลก็ได้เคยมีอการออกหุ้นกู้อยูประมาณ 9 พันล้านบาท)

                แต่...........หมอเสริฐก็เฉลยออกมาแล้วจะทำเป็น  “เวลเนสเซ็นเตอร์”   ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายก็เป็นการขยายและต่อยอดจากความชำนาญในเรื่องการรักษาพยาบาล  ของกลุ่มดุสิตเวชการที่มีโรงพยาบาลกรุงเทพเป็นหัวหอกนั่นเอง  ก็เป็นการ  ป้องกัน  รักษา  และยืนยาว (อายุ)  กลุ่มเป้าหมายต้องระดับ A ขึ้นไป  รากหญ้าอย่างเราก็ใช้บัตรสามสิบบาท  หรือ ประกันสังคมต่อไป  55555   

              แต่ตรงนี้ซิไม่เบานั่นก็คือผมไม่รู้ว่าที่ดินแถวนั้นวาละเท่าไหร่ก็เลยไปค้นหาเอา  คำตอบ  1.9 ล้านบาทครับพี่น้อง   15 ไร่ ก็ 6,000 ตารางวาคูณด้วย 1.9 ล้าน     11,400 ล้านบาท ครับ  แต่ “หมอเสริฐ”ซื้อมาในราคา  10,800 ล้านบาท  ราคาถูกไปถึง  600 ล้านบาท

                ยัง.....ยังไม่พอ.....ได้อาคารพรอมเมอนาด  ที่เป็นสำนักงานให้เช่า สูง 12 ชั้น พื้นที่ประมาณ 31,000 ตารางเมตร ซึ่งข่าวแจ้งว่า  กรุงเทพดุสิตเวชการจะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ก็ทำให้ค่าเช่าสำนักงานขององค์กรลดลง  หรือหากมีพื้นที่เหลือคงเปิดให้เช่าต่อ  หรืออาจจะให้ผู้เช่าเดิมเช่าต่อก็ได้   คิดเล่นๆว่าถ้าค่าเช่าตกตารางเมตรละ 1,500 บาท 31,000 ตารางเมตร  ก็จะได้รายได้ทั้งสิ้น เดือนละ 46.5 ล้าน ปีละ  558 ล้าน ...... ย้อนกลับไปดูย่อหน้าที่สองดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายปีละ  756 ล้านบาทเมื่อคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 7%  ซึ่งหมอเสริฐมีอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่านี้    บวกลบคูณหารแบบมั่วๆรายได้ค่าเช่าก็พอดอกเบี้ยแล้วครับพี่น้อง.......จิงอะป่าว?????

                ทีนี้มาดูกันต่อว่าปกติการจัดทำโครงการต่างๆเมื่อซื้อที่ดินมีต้องดำเนิรการ   เตรียมการ  ออกแบบ  จ้างผู้รับเหมา  ขออนุญาติ  เริ่มลงมือก่อสร้าง  กว่าจะเสร็จ  อย่างน้อยต้อง 2  ปี หนืออาจจะมากกว่า  ดอกเบี้ยค่าซื้อที่ดินกินไปเท่าใดแล้ว  ดังนั้นการซื้อโครงการเดิมและสามารถเริ่มปรับปรุงและเปิดกิจการใหม่ได้ภายใน 6 เดือนนับเป็นการลงทุนที่สร้างรายได้ที่รวดเร็วมาก....... สมมุติว่าปกติ ใช้เวลาสร้างสองปีแต่นี่สามารถเปิดกิจการได้ภายใน 6 เดือนประหยัดเวลาไป 1.5 ปี ดอกเบี้ยก็พันกว่าล้าน  แถม 1.5 ปีที่เปิดกิจการก็สามารถทำกำไรได้ หรือหากโครงการต้องใช้เวลา 3-4 ปี ก็เป็นการเพิ่มต้นทุนค่าดอกเบี้ยไปไม่รู้เท่าใด   ซึ่งในกรณีนี้เชื่อว่าทำได้เพราะมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้วจาก รพ.กรุงเทพและ รพ.ในเครือข่ายทั้งหลาย  ซึ่งมีลูกค้าอยู่ทั้งในและนอกประเทศเป็นจำนวนมากมายนั่นเอง   1.5-3.5 ปีที่เปิดกิจการนั่นทำกำไรได้เท่าไหร่  ไม่มีใครรู้  แต่แน่ๆ ....ทำได้แน่นอน

                สุดท้ายไหนจะบรรยากาศที่ร่มรื่นของโรงแรมปาร์คนายเลิศ  ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางกรุงเป็นสวนสวยที่ต้นไม้แต่ละต้นมีอายุ  และเรื่องราวที่จะคอยบอกผู้คนที่มา  ป้องกัน  รักษา  และยืนยาว (อายุ)  กับกลุ่มดุสิตกรุงเทพเวชการ   อันเป็นมูลค่าที่มิสามารถประเมินได้   จริงอยู่มีตังก็ไปขุดต้นไม้ใหญ่มาปลูกในโครงการได้  แต่......ราคา  และ เรื่องราวคงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง    คน สว.วัย 84 คิดข้ามช้อตแบบที่คนอีกเจเนอเรชั่นต้องหลบไปยืนอยู่ข้างๆแล้วอุทานว่า  “ อุต๊ะหมอเสริฐ  4.0.”

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...