เมื่อเดือนที่แล้วผมได้มีโอกาสไปรับการอบรม
“COURSE DIRECTOR “
โดยท่าน รศ.ดร.สุพิตร สมาหิโต
รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย
ได้กรุณาคัดเลือกผมกับ ดร.ชัย
นิมมากร จากแกรนด์สปอร์ต ไปเข้ารับการฝึกอบรมโดยทุนของโอลิมปิคสากล เพื่อมาเป็นผู้อำนวยการฝึกอบรม “การจัดการกีฬาขั้นสูง” ต้องขอขอบพระคุณท่านและโอลิมปิคประเทศไทย
ที่ได้กรุณามอบโอกาสอันสำคัญยิ่งในครั้งนี้ ซึ่งผมจะกล่าวถึงการฝึกอบรมในตอนท้าย แต่ช่วงแรกนี้ขอเล่าถึงโลซานสำราญใจก่อนนะครับ
โลซาน ในภาษาฝรั่งเศสเขียนแบบนี้
Lausanne ซึ่งถ้าอ่านตามภาษาอังกฤษจะเป็นอีกคำหนึ่ง
ในเมืองนี้ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักซึ่งคงไม่แปลก
เพราะตั้งอยู่ในบริเวณทะเลสาบเจนีวาซึ่งติดกับเมืองเอวีย็อง-เล-แบ็งของประเทศฝรั่งเศส มีประชากรแค่ประมาณ 136,000 คน
น้อยกว่าจังหวัดระนองซึ่งมีประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทย ที่ประมาณ 190,000 คน เมืองนี้เรียกได้ว่าเป็นเมืองกีฬาแต่ไม่ใช่เพาะมีกิจกรรมทางการกีฬาในเมืองอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่เพราะเป็นที่ตั้งของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล (
International Olympic Committee) หรือที่เรียกย่อๆว่า IOC
นั่นเอง ซึ่งองค์กรนี้มีอำนาจสูงสุดในกระบวนการโอลิมปิก จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1894 โดยปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง
ชาวฝรั่งเศส
ผู้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจที่จะฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกในสมัยกรีกโบราณ สำหรับคณะกรรมการโอลิมปิกสากลนั้น
ประกอบด้วยคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ
(National Olympic Committee หรือ NOC) ของประเทศต่าง
ๆ ประกอบกันเป็นประเทศสมาชิก โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากลมีหน้าที่ควบคุมคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศสมาชิกทั่วโลก
ให้ดำเนินงานจัดการแข่งขันให้เป็นไปตามหลักการและอุดมการณ์ของกีฬาโอลิมปิก โดยมีรายได้หลักเพื่อนำมาบริหารงานจาก 4 ทาง คือ
การให้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดต่างๆที่โอลิมปิคเป็นผู้ดูแลคิดเป็น 47 % รองลงมาเป็นรายได้จากสปอนเซอร์
45% ที่เหลือก็เป็นค่าตั๋ว
และ ค่าลิขสิทธ์(ในการใช้ตราโอลิมปิคฯลฯ) 5 กับ 3 % ตามลำดับ
การไปฝึกอบรมในครั้งนี้เพื่อนำองค์ความรู้มาจัดคอร์สฝึกอบรมในประเทศไทยในหัวข้อ
ADVANCE SPORT MANAGEMENT COURSE เรียกย่อว่า ASMC
ซึ่งประเทศไทยเคยจัดมาแล้วสองรุ่น
ฟังชื่อคอร์สแล้วหลายคนคงนึกถึงการฝึกอบรมแบบทั่วๆไปซี่งหัวข้อนี้ก็คงมีหลายหน่วยงานจัดการฝึกอบรม
หรือการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยต่างๆอยู่แล้ว แต่.....แต่.....หลักสูตรของโอลิมปิคนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงอยู่ 3ประการหลักๆคือ 1.บุคลลากรที่จะเข้าฝึกอบรมจะต้องมีประสบการณ์
และอยู่ในฐานะที่จะปรับปรุงองค์กรกีฬาให้พัฒนาขึ้นได้ ไม่ใช่ใครก็ได้ส่งมาฝึกอบรมเสร็จแล้วก็ไม่ได้นำไปปฎิบัติจริง 2.ไม่ได้สอนทฤษฎี แต่ให้ผู้เข้าฝึกอบรมนั้นกลับไปศึกษาองค์กรของตัวเอง
ตามที่วิทยากรกำหนดพร้อมกับศึกษากรณีศึกษาที่อยู่ในบทเรียน แล้วหาข้อสรุปเพื่อการพัฒนาองค์กรของตนเอง ซึ่งมีอยู่ 6 หมวด คือ
1.องค์กรโอลิมปิคและ องค์กรกีฬา
2.กลยุทธ์การจัดการองค์กร
3.การจัดการทรัพยากรมนุษย์
4.การจัดการทางการเงิน
5.การจัดการทางการตลาด
6.การบริการจัดการมหกรรมกีฬา
ประการสุดท้าย
จะต้องนำเสนอแผนการพัฒนาองค์กรเมื่อจบหลักสูตรพร้อมทั้งแผนปฏิบัติการจึงจะได้รับประกาศนียบัตรซึ่งออกโดยโอลิมปิคสากล และในระหว่างการฝึกอบรมนั้นจะใช้วิธีการทำกรณีศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ในหมู่ผู้เข้ารับการอบรมซึ่งก็ต้องเป็นบุคลที่สามารถนำเสนอและนำแผนไปปฏิบัติได้อย่าเงเป็นรูปธรรมด้วย
นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะว่าในการฝึกอบรมในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่แล้วมาฟังบรรยาย จบแล้วก็จบกันถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว การเกิดมรรคผลน่าจะไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์ แต่ก็นับได้ว่ายังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย จิง....จิง.....
เกล็ดเล็กน้อยของเมืองโลซานหลายท่านคงทราบดีว่า
ในหลวง ร.9 ผู้ทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของเราชาวไทยทั้งหลาย ทรงเสด็จไปศึกษาเมื่อ พ.ศ.
2476 ทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์
เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา
ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์
(École
Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน
(Chailly-sur-Lausanne) นอกจากนี้แล้วในเมืองโลซานนี้ยังมี ศาลาไทย
ณ เมืองโลซานน์ (Le Pavillon Thailandais) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งพระองค์ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นที่ระลึกในการครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสวิสเซอร์แลนด์
ในการในปีพ.ศ. 2549 อีกด้วย
ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเจนีวานับว่าสวยงามอย่างยิ่ง
เมืองโลซานนี้และหลายๆเมืองในสวิสเซอร์แลนด์
(ไม่แน่ใจว่าทุกเมืองหรือไม่)
เมื่อเราเช็คอินเข้าที่พักแล้วจะได้รับบัตรมาใบหนึ่งขนาดเท่าบัตรเครดิต สามารถใช้เป็นบัตรโดยสารขนส่งสาธารณะได้ฟรี ตลอดระยะเวลาที่เราพำนักในเมืองนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน
(ซึ่งมีอยู่สองสาย) รถเมล์ เรือเมล์
(ยกเว้นเรื่องสำหรับท่องเที่ยว)
และที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆก็คือไม่ต้องแตะบัตร ไม่ต้องโชว์บัตร เพราะที่นี่ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญ รถไฟใต้ดินไม่มีประตูกั้นแบบเมืองอื่นๆทั่วโลก รถเมล์ไม่ต้องแตะบัตรใดๆทั้งสิ้น ส่วนเรือเมล์ยังไม่ได้นั่งซึ่งคงเหมือนกัน แต่สำหรับคนท้องถิ่นแล้วต้องซื้อบัตรจากตู้ขายบัตรตรงป้ายรถเมล์นั่นเอง ซึ่งผมถามว่าทำไมไม่มีการตรวจบัตรโดยสารเลย
คำตอบคือจะมีการสุ่มตรวจเป็นระยะๆหากพบว่ามีการเบี้ยวค่าโดยสารละก็ค่าปรับแพงไม่คุ้มค่าเลยครับ ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 วัน
ที่อยู่ในโลซานพบการสุ่มตรวจบัตรโดยสารเพียงแค่หนึ่งครั้งเท่านั้นเอง แสดงว่า............ความซื่อสัตย์ เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ........ครับ..@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น