สำหรับการประชุมก็จะมีการบรรยายโดยวิทยากรรวม
8 หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธีมของการประชุมในเรื่องกีฬาและสันติภาพเป็นสำคัญ
และให้เวลาในการบรรยายครึ่งชั่วโมงและให้มีการซักถามและแสดงความคิดเห็นอีกครึ่งชั่วโมง
ซึ่งคนไทยเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยเพราะแนวคิดในการประชุมไม่ใช่การมานั่งรับฟังแต่เพียงอย่างเดียว
จุดประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติและนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกันเป็นสำคัญ การบรรยายนั้นเป็นเพียงหัวข้อนำร่องเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการถแถลง ซึ่งสังเกตุเห็นได้ว่าคนที่ยกมือซักถามและแสดงความคิดเห็นนั้นส่วนใหญ่แล้วมาจาก
ยุโรป และ อัฟริกา เพราะอาจจะเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้ของคนในทวีปนั้นๆ
และมักจะอยู่ในส่วนของการแสดงความคิดเห็นมากกว่าซักถาม
เหมือนกับการแสดงองค์ความรู้ประมาณนั้นเรยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มากจากอัฟริก ส่วนพี่เอเชียเรามีซักถามแสดงความคิดเห็นเพียง 3-4 ประเทศ
และผมเป็นคนจากเอเชียนตะวันออกเฉียงใต้เพียงคนเดียวที่ได้ยกมือขึ่นซักถามและแสดงความคิดเห็น
ส่วนในการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อให้ได้มีโอกาสระดมสมองก็ได้แบ่งผู้เข้าร่วมประชุมเป็น
10 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ใช้ภาษาอังกฤษ 8
กลุ่ม และ กลุ่มที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส 2 กลุ่ม
โดยแต่ละกลุ่มก็แบ่งตามทวีปให้มีทุกทวีปในจำนวนที่เฉลี่ยกันไปทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ แนวคิด ทัศนคติ และเทคนิคต่างๆของแต่ละประเทศ
แต่ละทวีปอย่างน่าสนใจทีเดียว
ซึ่งผมได้เสนอแนวคิดและได้รับการตอบรับจนได้นำเสนอแนวคิดและข้อสรุปนี้ในที่ประชุมวันสุดท้าย
ซึ่งอักษรแรกของคำเมื่อนำมาเรียงต่อกันอ่านรวมได้ว่า
SPORT คือ
How to Use Sport for Peace?
S incerity and human spirit
P assion that drives people to create policy
O rganisation and Structure used to implement
these policy
R elationships that are needed
Timing to make right decisions at the right time
P assion that drives people to create policy
O rganisation and Structure used to implement
these policy
R elationships that are needed
Timing to make right decisions at the right time
นอกเหนือจากการประชุมแล้วยังได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโบราณสถานที่แข่งขันกีฬาโอลิมปิคโบราณ ที่จุดไฟโอลิมปิคโบราณ ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ Archaeological site / Museum of Ancient Olympic / Olympic Mueseum ซึ่งแม้ไม่อลังการณ์งานสร้างเท่ากับ Acropolis of Athens ซึ่งเป็นมหาวิหารและตำนานอันลือเลื่อง แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแห่งจุดเริ่มต้นของกีฬา ที่จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างความสามัคคีและความสงบสุข หรือ ลดความขัดแย้งลงได้ ดังตัวอย่างกีฬาเทเบิลเทนนิสที่ สหรัฐ และ จีน ใช้เป็นจุดเริ่มต้นสร้างความสัมพันธุ์และยุติสงครามเย็น แต่มาเริ่มประทุสงครามการค้าแทนโดยโดนัลล์ ทรัมป์ หรือ เนลสันแมนเดลล่า ใช้กีฬารักบี้เป็นเครื่องมือสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ถ้าใครได้ดูภาพยนต์เรื่อง "อินวิคตัส เกมนี้เพื่อชาติ"
ลองไปหาดูในยูทูปก็จะเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดียิ่ง
และสุดท้ายเมื่อเร็วๆนี้ในกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่เมืองพย็องชังในปี 2018 สองเกาหลีใช้ธงรวมชาติซึ่งเป็นธงสีขาวและมีรูปประเทศเกาหลีเป็นผืนเดียวกันสีฟ้า และเดินพาเหรดร่วมกันในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ในฐานะประเทศ “เกาหลี” โดยจะแข่งฮอกกี้น้ำแข็งเป็นทีมเดียวกันอีกด้วย
ก็หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลดข้อขัดแย้งและเปิดการเจรจาเพื่อสันติภาพหรือการรวมชาติได้ในอนาคต
สงสัยว่าเราต้องให้พรรคการเมืองไทยทั้งหลายหันมาเล่นกีฬาสร้างสันติสุขกันบ้างแล้วกระมัง
ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจจะยิ่งแตกแยกไปอีกหรือเปล่าถ้า...........กรรมการไม่ยุติธรรมและเลือกข้าง??
หุหุ ..........