วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564

ปรากฎการณ์ “ลิซ่า กะ ไข่เน่า”

 



                ชั่วโมงนี้คงไม่มีข่าวใดเป็นที่น่าสนใจไปกว่า  “ลิซ่า” แห่งวงแบลคพิ้งค์   ซึ่งปกติน้องเค้าก็ดังอยู่แล้วในฐานะศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบในระดับโลก   โดยดูได้จากยอดตามในไอจี  

                22 เมษายน 2564   ยอดติดตามไอจี ลิซ่า ทะลุ 32 ล้านฟอลโลว์เวอร์ ขึ้นอันดับ 1 ผู้ติดตามไอจีมากที่สุดใน ไทย และ เกาหลีใต้   แต่พออกเพลงใหม่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564  แค่ 9 วันปรากฎการณ์ “ลิซ่า” มีผู้เข้าชมแล้ว 178.85 ล้านครั้ง   และยังเพิ่มยอดผู้ติดตามในไอจีทำให้ลิซ่า ขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน ไทย และเกาหลีใต้ รวมถึงอันดับที่ 15 ของเอเชีย และอันดับที่ 18 ของโลก  ยอดติดตามของเธอ  55 ล้าน 

                แม้ใจเอ็มวีเพลงของเธอซึ่งแม้ผมจะทราบว่าลิซ่าดังมากๆๆ ในฐานะนักร้องเกิลร์กรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาหลีใต้และโลก  ในฐานะนักร้องหนึ่งในสี่ของวงแบ็ลคพิ้งค์    แต่ก็ไม่เคยเข้าไปดูเอ็มวีแม้แต่ครั้งเดียว  แต่ครั้งนี้กระแสดมันแรงมาจนต้องเข้าไปดูแบบเต็มๆและดูอย่างละเอียด ซึ่งเดิมนั้นผมคิดว่าในเอ็มวีนี้จะมีฉากที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยมากมาย  แต่ในฉากที่มีรัดเกล้าหรือสิ่งเที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยนั้น  แค่  29 วินาที คือจากนาที่ที่ 2.26-2.66  เท่านั้น  แต่สามารถสร้างผลกระทบและสร้างกระแสและผลกระทบได้อย่างมากมายต่อสังคมไทย

                ทำให้ร้านค้าและผู้ผลิตรัดเกล้าซึ่งปกติขายวันหนึ่งได้ไม่กี่ชิ้นนั้น  ขายดีขึ้นจนผลิตไม่ทันและของขาดตลาดในที่สุด  ทำให้ผู้คนสนใจแม้จะถกเถียงกันว่ามันคือ ชฎา หรือ รัดเกล้า และมันแตกต่างกันอย่างไร  ก็ได้องค์ความรู้เพิ่มเติมจากกระแสอันนี้  ยิ่งลิซ่าให้สัมภาษณ์ว่าอยากกลับไปกิน “ลูกชิ้นยืนกิน”  ที่บุรีรัมย์ โอ้ย...เท่านั้นแหละกระแสลูกชิ้นยืนกิน  ทีขายวันละไม่กี่ร้อยบาทที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ก็ขายดีเป็นพันเป็นหมื่นขึ้นมาทีเดียว    ซึ่งเดิมทีลูกชิ้นยืนกินนี้ก็เป็นวัฒธรรมย่อยของจังหวัดบุรีรัมย์อยู่แล้ว  เพราะเป็นของกินเล่นที่คนในจังหวัดกินกันเป็นประจำโดยเฉพาะ นักเรียน นักศึกษา และคนหนุ่มสาว  และขยายต่อไปถึงนักท่องเที่ยวตามลำดับ

                แต่ผมก็สงสัยว่าปกติลูกชิ้นก็ยืนกินอยู่แล้ว  แล้วมันต่างจากที่หน้าโรงเรียนตอนที่ผมเด็กๆหรือไม่อย่างไร   เพราะตอนที่ไปเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมครั้งหนึ่งที่บุรีรัมย์ทางผู้จัดก็บอกว่าอาจารย์ต้องไปกิน “ลูกชิ้นยืนกิน”ก็เลยจัดไปตามระเบียบ  ซึ่งก็พบว่ามันก็เป็นลูกชิ้นทอดธรรมดาๆที่ทุกแผงขาย(น่าจะ)มาจากโรงงานเดียวกัน (หรือไม่กี่โรงงาน)   คงแตกต่างกันที่น้ำจิ้มที่แต่ละร้านก็ปรุงในรสชาดที่แตกต่างกันออกไป 

                แต่นี่คือเสือปืนไวจังหวัดบุรีรัมย์เตรียมจัดเทศกาลลูกชิ้นยืนกิน 17-23 ก.ย. นี้ ตามรอยลิซ่า BLACKPINK  แถมยังมีคนหัวใสนำมาขายในช้อปปี้อีกด้วย  เรียกว่าเกาะกระแสกันอย่างรวดเร็ว  ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ลิซ่ามาช่วยให้คนไทยนั้นได้คลายความเครียดจากพิษโควิด  จากพิษเศรษฐกิจ  จากพิษการเมือง  รวมทั้งช่วยผู้ผลิต  พ่อค้า ทั้งรัดเกล้าและลูกชิ้นให้พอลืมตาอ้าปากได้  เหมือนช่วงที่น้องเทนนิสที่ได้เหรียญทองเทควันโดโอลิมปิคก็จุดกระแสการเล่นเทควันโด  ให้กลับมาคึกคักได้อีกและกระแสนี้  ทั้งลิซ่า และน้องเทนนิส คงจะคงอยู่ไปอีกนานพอสมควรทีเดียว  เพราะทั้งสองยังสามารถมีผลงานทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะช่วยยังประโยชน์ให้คนไทยได้อีกยาวนาน 

                แต่กระแสในหมู่ชายหนุ่มช่วงนี้คงไม่พ้น  “น้องไข่เน่า” ผู้ซึ่งมีความคิดว่าเซ็กซ์และเรือนร่างเป็นของตนเอง  และทำคลิปวีดีโอเรทอาร์ซึ่งได้รับความนิยมอย่าล้นหลาม    ลงในแพลทฟอร์มที่ชื่อว่า “ONLYFAN.COLM ”  และเปิดรับสมาชิกแบบเสียตัง คือคนลงคลิปก็ได้สตางค์หลังจากหักให้เจ้าของแพลทฟอร์มไปแล้วเรียกได้ว่ามีรายได้เป็นหลักล้านเลยทีเดียว  ซึ่งเธอและแฟนหนุ่มที่เป็นพระเอกในคลิปทั้งหลายนั้น  เป็นเสรีนิยมแบบสุดโต่งในขณะนี่ครอบครัวและสังคมไทยยังไม่ให้การยอมรับถึงขนาดนี้   ถ้าจะว่าไปแล้วในฐานะปัจเจคชนพฤติกรรมของน้องไข่เน่านั้นก็ไม่แปลก   แต่พอมีสังคม ครอบครัว และวัฒนธรรมมาเป็นองค์ประกอบแล้ว  สังคมคงต้องตั้งคำถามว่าพฤติกรรมแบบใดของน้องๆทั้งสามคน คือ  “ลิซ่า”  “เทนนิส”  และ “ไข่เน่า”  สมควรที่เยาวชนจะเอามาเป็นแบบอย่าง??  อันนี้ต้องให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้ตอบคำถาม  เพราะว่าอีกไม่กี่ปีพวก สว.ทั้งหลายก็จะจากโลกนี้ไปแล้ว.....  จบแบบห้วนๆ เพราะต้องรีบไปค้นคลิปน้องไข่เน่า  55555555

 

 

 

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...