วิวหลักล้าน...บริหารหลักร้อย ! แคชเมียร์ละเหี่ยใจ
17 เมษายน 2566
ชื่อบทความนี้เป็นชื่อบทความของผม “ที่ยาวที่สุด” ตั้งแต่เขียนบทความมาเมื่อปี 2540 เพราะเลือกไม่ถูกจริงๆว่าจะใช้ชื่อใดเป็นชื่อเรื่องตอนนี้ดี เพราะชอบทั้งสองชื่อเลยขอเอาทั้งสองชื่อมารวมกันเรย ทำให้ชื่อเรื่องนั้นบ่งบอกถึงแนวทางและเนื้อหาว่าน่าจะไปในแนวทางใดได้ย่างค่อนข้างชัดเจน
ต้นเรื่องของเรี่องนี้คือ ภรรยาและเพื่อนๆเซนตน์ฟรังจะไปเที่ยวแคชเมียร์กันช่วงต้นเดือนเมษายน เพราะได้รับทราบเสียงร่ำลือกันว่า “วิวสวยหลักหล้าน ในราคาหลักร้อย” ต้องจัดสักครั้งก่อนตายประมาณนั้น แถมเพื่อนพลศึกษา ม.เกษตรศาสตร์ที่ได้ไปเที่ยวมาก่อนหน้านั้นก็บอกว่าต้องไปให้ได้ ก็ตามนั้นเรยครับเชื่อเพื่อนกับเมียแต่เมื่ออ่านโปรแกรมการท่องเที่ยวแล้วมีแต่ “การเดินทาง และ ชมวิว “ ตลอดระยะเวลา 5 วัน (ไม่นับวันเดินทาง) ซึ่งไม่ใช่แนวทางของผมอย่างยิ่งเพราะจะชมอะไรกันนักหนา วิว สวนทิวลิป หิมะ ขี่ม้าแคระ แถมนอนบ้านเรืออีกสองคืน สรุป 5 วัน 4 คืน จะเป็นแนวทางนี้ตลอด ก็เลยตั้งอลับัมในเฟสไว้ก่อนว่า แคชเมียร์ละเหี่ยใจ 5555
แต่พอมาถึงได้เห็นทัศนียภาพวิววันแรกสวยมากๆ เรียกได้ว่า “วิวหลักล้าน” เฉพาะวิวที่เห็นไกลๆนะครับก็หลานๆสวิสเซอร์แลนด์ แบบว่าเซอร์แมทได้เรยนะแต่พอมองใกล้ๆและการบริหารจัดการตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายแล้วต้องเขียนชื่อเรื่องใหม่เป็น “วิวหลักล้าน บริหารจัดการหลักร้อย” เพราะว่าจัดการได้ห่วยแตกมากๆเรย ซึ่งจะขอเล่าเป็นเรื่องๆไป ซึ่งขอแจ้งก่อนนะครับว่าเราเข้าใจว่าประเทศเค้ายากจน ผู้คนอดอยาก แต่ก็มันมากไปด้วยประการทั้งปวงแบบกระสือรุมแทะหรือแร้งรุมทึ้งศพเรยประมาณนั้น
**ที่สนามบิน ไกด์เตือนแล้วเตือนอีกว่าจะมีพวกมาขอช่วยยกกระเป๋า ถ้าเราให้เขาช่วยก็ต้องจ่ายทิปและไม่ใช่คนเดียวเพราะจะมาเป็นแบบกระสือ กระหังเรย แตะนิดโหน่ยก็ทิปๆๆ เราก็เชื่อฟังลากกระเป๋าใบเดียวที่เบาหวิวมาถึงรถที่รอรับอยู่ที่ลานจอด ที่ไหนได้ **** รัว ๆๆๆๆ.....พอมาถึงท้ายรถเปิดออกมาปรากฏว่า จะเก็บกระเป๋าอย่างไรดีหว่า เพราะที่นั่งชิดประตูเรย ก็ทำหน้างงๆๆๆ มองหน้ากันเลิกลักแล้วก็คิดว่าทางคนขับรถกับไกด์ท้องถิ่นสองคนคงจัดการได้ ก็เลยขึ้นรถไปรอปรากฏว่ากระสือทั้งหลายช่วยกันยกใหญ่เลย (ไม่รู้ว่า รู้กันกับคนชับรถหรือไม่?? ) ป๊าดดด....ทิปๆๆๆๆๆ ระงมเรย ทางไกด์เราก็ให้ไป 100 -200 รูปี ประมาณ 50-100 บาท บอกไม่พอมีหลายคนและมีคนแก่ด้วย ก็เลยกัดฟันไม่เอาก็ไม่ให้ ว๊ะ ทำให้อารมณ์เสียตั้งแต่ก่อนสตาร์ทรถไปเรย
**ดอกที่สองเมื่อมาถึงโรงแรมที่พักคืนแรก ระดับ รร. 3-4 ดาว ใช้ได้ดีทีเดียว แต่กระสือมาอีกแล้วครับท่าน มีพนักงานยกกระเป๋าซึ่งเราก็เตรียมทิปให้เค้าแล้ว เพราะได้ทำงานบริการจริงๆ แต่ขอบอกว่า....เมื่อได้คีย์การ์ด เราก็ตรงไปที่ห้องก็จะมีพนักงานเดินตามมา เข้ามาในห้องพร้อมแนะนำสารพัดเหมือ (ตรู) ไม่เคยมานอนโรงแรมปานนั้น อันนี้ โทรศัพท์ อันนี้ก้อกน้ำ สวิทช์ไฟ แม้กระทั่งการเปิดผ้าม่าน (ตรูไม่มีนกเอี้ยงเกาะอยู่บนหลังนะ) เราก็แจ้งว่าทราบ / ขอบคุณ ช่วยไปยกกระเป๋ามาให้เราที (เตรียมทิปเรียบร้อย) นางก็ออกไป...ทันใดนั้นเองพนักงานก็ยกกระเป๋าเข้ามา แต่เป็นคนละคนกับคนแรกเราก็ทิปไปตามระเบียบ พอปิดประตูปั๊บยังไม่ทันถอดเสื้อเพื่อล้างหน้าล้างตาเรย พนักงานคนแรกเคาะประตูเข้ามานางมาบอกว่า ....บลาๆๆๆๆๆๆ แนะนำ บลาๆๆๆๆๆ จนรำคาญต้องให้ทิปไปอีกคน อารมณ์บ่จอยกับกระสือพวกนี้แล้ว อ้อทริปนี้ไปนอนโรงแรมสองคืน ปรากฎว่านิสัยถาวรเหมือนกันทั้งสองแห่งต่างกันแค่ดีกรีของความกระเหี้ยนกระหือรือเท่านั้น (อีกสองคืนนอนบ้านเรือ)
**กระเช้ากอนโดล่า ที่จะพาขึ้นเขาไปชมวิวระดับสูงบนยอดเขา ปรากฏว่า ***ปิด เพราะ ทหารมีแขก วีไอพี” อ้าวววว ไหงงั้นหว่า ไม่บอกล่วองหน้า แล้วดันปิดทั้งวันจริงเท็จก็ไม่รู้ทางไกด์ก็แก้ไขปัญหาด้วยการใช้รถพาพวกเราขึ้นไปชมวิวแทน แน่นอนว่าเป็นวิวคนละมุมกับยอดเขาแน่แท้และไม่ใช่ยอดเขาแน่ๆๆๆ แต่.....ต้องรอเพื่อไปขออนุญาติทหารในการผ่านด่าน... OMG กว่าจะได้ใบอนุญาติก็ใช้เวลารอประมาณ 1 ชม (ทำไมไม่เตรียมขอใบอนุญาติไว้ตั้งแต่รู้แล้ว่า กอนโดล่าซึ่งคือเคเบิลคาร์ ปิดให้บริการ) แถมพอผ่านด่านต้องเสียค่าบริการอีก ประทับตรา โน่น นั่น นี่ จน.....ปวดกบาล
**เมื่อไปถึงจุดที่มีหิมะที่น่าจะสวยงาม ปรากฏว่าการบริหารจัดการแบบหลักสิบเรย มีชาวบ้านไปกางเต้นท์แบบเพิงเพื่อขาย ชา ขนม ฯลฯ รวมทั้งบริการลากเลื่อน โอ้ย จะบ้าตายไม่มีแบ่งโซนเรียกว่าอยากจะตั้งตรงไหนอาบังก็ตั้งเสรีไปเลย แถมมากวนใจตื้อให้ซื้อชา บริการลากเลื่อน เราบอกเป็นสิบครั้งกว่านางจะถอยทัพไป เดินไปข้างหน้าอีกก็จะเจอกระสีอีกกลุ่ม สนุกมั๊ยละโยม .....
***วันต่อไปก็ไปอักเขาหนึ่ง อีกเมืองหนึ่งจำชื่อเมืองทั้งหลายไม่ได้เรย ขี้เกียจจำเพราะอยากลืม......555555 ก็แบบเดียวกันเป๊ะเรย ตั้งขายชา บริการเช่ารองเท้าบู๊ต บริการเลื่อนลาก ฯลฯ เรียกว่าลอกแบบกันมาโลด
***อ้อ ... ทางทัวร์เตือนแล้วเตือนอีกว่า โรมมิ่งและไวไฟห่วยแตกใช้ไม่ได้ เราก็เข้าใจได้ แต่ต้องไปพักเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิลเดลลี 6 ชม ก็เลยคิดว่าในเมืองหลวงคงไม่เป็นไร 399 ใช้ 12 ชม.คุ้มแน่ๆ (เปลี่ยเครื่องทั้งขาไป ขากลับ รวมแล้วประมาณ 12 ชม.) แต่ปรากฏว่าเน็ตติดบ้างไม่ติดบ้าง ติดก็อืดเป็นเรื่อเกลือ แต่ส่วนใหญ่ไม่ติด 5555 สมน้ำหน้าไม่เชื่อบริษัทัวร์
***สุดท้าย พักบ้านเรื่อสองคืน อุ้ยนึกว่าดีกว่าทัวร์กรุ๊ปอื่นๆ สภาพปรากฏว่านอนคืนเดียวพอ แต่การต้อนรับและบริการและไม่มีพฤติกรรมแบบกระสือ ของเจ้าของเรื่อ และ พนักงาน ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นพอประมาณ อ่า .....แต่ก็แจ้งบริษัททัวร์ไปว่าพักบ้านเรือสักคืนเดียวก็พอกระมัง 5555