วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

สามลูก ที่ "ปลูก " ยอดขาย

 

สามลูก  ที่ปลูกยอดขาย

10 พฤษภาคม 2566


 

            หลักพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจทั้งที่หวังผลกำไรและไม่หวังผลกำไรก็ตาม  หากต้องการบรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์กรแล้ว   นั่นก็คือลูกค้าหรือผู้เข้ามารับบริการที่องค์กรจะต้องให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ   ซึ่งการสร้างยอดขายอย่างยั่งยืนให้สอดรับกับชื่อเรื่อง  “ปลูก” ยอดขาย  ไม่ใช่การสร้างยอดขาย   เพราะสร้างยอดขายแค่ลดราคา โปรโมชั่นแรงๆ   ฯลฯ ก็สร้างยอดขายได้แต่ความยั่งยืนของธุรกิจหรือองค์กร   จะต้องใช้การ “ปลูก” ซึ่งต้องมีเมล็ดพันธ์   วัสดุอุปกรณ์  สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม  ตลอดจนที่สำคัญคือการฟูมฟักดูแลเอาใจใส่ทนุถนอมเพื่อให้ต้นกล้านั้น   เติบโตอย่างยั่งยืนและขยายพันธ์ได้ต่อไปในอนาคตนั่นเอง

ในการตลาดนั้นใครๆก็คงเคยได้ยินว่า  ลูกค้าคือพระเจ้า  ซึ่งก็อาจจะไม่ถูกทั้งหมด หรือไม่??   โดยทั่วไปแล้วเรามักจะนึกถึงลูกค้าที่เป็นคนที่ซื้อสินค้าเราอยู่ในปัจจุบัน  และดูแลเขาอย่างดีที่สุด  ก็อาจจะเป็นมุมมองที่เป็นมุมเดียว  เพราะลูกค้าอาจจะมีในหลายมิติและคุณลักษณะเฉพาะของลูกค้านั้นสามารถแยกได้เป็นสามกลุ่ม  หรือ “สามลูก “ดังชื่อเรื่องนั่นเอง  ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้

             1. ลูกค้าปัจจุบัน  ซึ่งเป็นผุ้ที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการอยู่แล้ว  ทั้งจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่  ซึ่งองค์กรจะต้องดูแลอย่างดี   ซึ่งโดยหลักแล้วเราคงไม่ใช่ว่าจะดูแลลูกค้าทุกคนอย่างดีที่สุด  แต่ทั้งนี้ก็ต้องแยกแยกลูกค้าออกเป็นกลุ่มๆ  ตามลำดับความสำคัญหรือยอดขาย  หรือ Customer Life time value  (CLV ) คือมูลค่าของลูกค้ารายนั้นๆตลอดชีพ    เพราะว่า ณ. ขณะนี้อาจจะยอดขายไม่มากแต่มีศักยภาพในการเจริญเติบโต  โดยดูจากประมารการยอดขายตลอดช่วงอายุ     ส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นๆก็ดูแลตามลำดับความสำคัญโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า    ซีอาร์เอ็ม  Consumer Relationship  Management  ที่แบ่งลูกค้าเป็นกลุ่มๆและดูแลตามลำดับความสำคัญ  เพราะหากเราดูแลทุกคนเท่าเทียมเหมือนกันหมดลูกค้ากลุ่มเปย์หนักก็ไม่รู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ   และก็อาจปันใจไปใช้สินค้าของคู่แข่งได้ในอนาคต   หรือ    ซีอีเอ็ม   Consumer Experience Management   ที่จะคอยสร้างประสบการณ์หรือความประทับใจในสินค้า  องค์กร  การบริการ ฯลฯ  ซึ่งจะคอยเป็นกระบอกเสียงในการบอกต่อที่ทรงพลังต่อไปในอนาคต

            เมื่ออาทิตย์ก่อนผมไปออกกำลังกายที่สวนรถไฟ  ปรากฏว่ามีตุ๊กตาสุนัขตัวใหญ่มากๆ  และมีเครื่องเล่นต่างๆแบบง่ายๆ   รวมทั้งมีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนเพื่อไม่ให้ปะปนกับส่วนที่ประชาชนทั่วไปมาใช้บริการ   เข้าไปดูก็พบว่าเจ้าสุนัขตัวนี้มีชื่อด้วย   “เจอร์ไฮม์ “  ซึ่งแน่นอนอนว่าเป็นสปอนเซอร์ในการสร้างสวนสำหรับสุนัขนี้  ก็จะช่วยสร้างการจดจำ  ในตราสินค้าที่ลงทุนน้อยมากเพราะลงแค่อุปกรณ์และตุ๊กตาสุนัขเท่านั้น   ผมประเมินดูแล้วไม่น่าถึงแสนบาทก็อยู่ยงคงกระพันไม่รู้กี่สิปปี  และเชื่อว่าจะขยายไปยังสวนสาธารณะอื่นๆ   ก็เป็นการวินๆเพราะทางกทม.ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแค่กันพื้นที่ประมาณ  200-300 ตารางวาเท่านั้น


หรือค่ายรถยนต์ต่างๆก็มีบริการตรวจรถยนต์ฟรี  16 รายการบ้าง ตรวจหน้าฝนบ้าง  ซึ่งแน่นอนตรวจแล้วก็คงต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนบ้าง  แต่แม้ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเรยทางค่ายรถยนต์ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะว่า   ค่าแรง ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ช่างๆต่างๆนั้นก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว  แค่หาช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีรถมาใช้บริการมาก    ก็จะได้เงินและถ้าไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ก็ได้ใจลูกค้า  สร้างความรู้จัก รัก และภักดี ได้   

             2. ลูกค้าในอดีต  ซึ่งผู้บริหารหลายรายมองข้ามความสำคัญของลูกค้ากลุ่มนี้ไป   ต้องมีตัวเลขข้อมูลลูกค้าที่หายไป  ว่ามีจำนวนเท่าใด  แต่ละรายใช้บริการมูลค่าเท่าใด  และที่สำคัญ ทำไมถึงหายไป  แลพะยายามหาทางดึงกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการอีกครั้งเพราะเป็นลูกค้าที่รู้จัก  และ ยินดีในสินค้าและบริการของเราอยู่แล้ว  แต่อาจจะมีปัญหาที่เราจะต้องเข้าไปหาสาเหตุและแก้ไข  เพื่อให้กลับมาเป็นลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้อาจจะอยู่ในรูปการส่งบัตรกำนัลให้ที่ต้องจูงใจ   เช่นบัตรกำนัล ลด 500-600  บาท เมื่อซื้อสินค้า  2,000 บาทขึ้นไป  เพราะปกติ ลด 10-20 เปอร์เซนต์อยู่แล้ว   แต่บัตรกำนัลนี้ดูเหมือนว่าลดถึง 25-30 เปอร์เซนต์   แต่ปรากฏว่าในร้านคงไม่มีสินค้าราคา 2,000 บาทเป๊ะๆ หรือถึงมีก็อาจจะไม่ใช้รายการสินค้าที่ลูกค้าจะซื้อ   เปอร์เซนต์การลดก็ลดลงไปตัวอย่างเช่น  บัตร 600 บาท แต่ไปซื้อสินค้า 2,300 บาท  ก็เท่ากับลดแค่ 26 เปอร์เซนต์เท่านั้น   แต่ถ้าสินค้าราคา 2,500 บาท ก็เท่ากับลดแค่  24 เปอร์เซนต์เท่านั้นเอง เมื่อหารเฉลี่ยกับกิจกรรมถึงลูกค้ากลับมาแล้วก็อาจจะอยู่แค่กี่เปอร์เซนต์ก็ขึ้นอยู่กับว่า   ลูกค้าซื้อสินค้าระดับราคาใดๆนั่นเอง  อีกทั้งหากเข้ามาในร้านแล้วต่อมอยากไปเจอสินค้าอื่นๆก็เพิ่มการซื้ออีกรวมแล้วอาจจะไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์ก็ได้  อิอิ

           3.ลูกค้าในอนาคต  สำหรับลูกค้าอนาคตนี้แบ่งได้สองช่วงระยะเวลาคือ

                        ระยะเวลาสั้นๆ  ซึ่งก็เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสินค้านั้น  หรือลูกค้าที่ซื้อสินค้านั้นอยู่แล้ว  ก็ต้องเลือกช่องทางการสื่อสารที่ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมายนั้นๆ   เช่นการใช้ สื่อสังคม   สื่อเฉพาะกลุ่ม    รวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆที่จะดังให้มาใช้สินค้าเรา 

                        ระยะเวลาอีกนานข้างหน้า  Next Target Customer   คือลูกค้าที่อาจจะไม่ซื้อสินค้าในอนาคตอันใกล้   แต่การได้ทดลองใช้ หรือ เห็น หรือสัมผัส  กับสินค้า และการบริการก่อน  ก็เชื่อได้ว่าในอนคตก็มีโอกาสในการเป็นลูกค้าจริงๆ  ได้   เช่น  ไนกี้  อาดีแดส  หรือแม้แต่สโมสรในพรีเมียลีก   มี  สินค้าสำหรับเด็ก  สำหรัญผู้หญิง   เป็น

                        หรือธนาคารให้บริการทำบัตรนักศึกษาแก่มหาวิทยาลัยต่างๆ    หรือออมสินมีบริการสำหรับเด็ก  แจกกระปุกออมสินเป็นต้น      หรือการที่สินค้าสำหรับเด็กจัดกิจกรรมอบรมสำหรับผู้ตั้งครรภ์ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นลูกค้าสำหรับสินค้าสำหรับเด็กอ่อนในอีก  ไม่เกิน 9 เดือนข้างหน้า  ก็เป็นการดึงลูกค้ามาก่อนที่จะถึงวันที่ใช้สินค้านั้นจริงๆที่อาจจะสายเกินไป                     


    

                        มีสินค้าสุขภาพค่าย MEGA  จัดกิจกรรมเหมือค่ายสำหรับผู้สูงวัยซึ่งเข้าค่ายเพื่อเรียนรู้     เช็คสุขภาพ  กิจกรรมเสริมทักษะ  และการดำรงชีวิตสำหรับผู้สูงวัย  ในราคาที่จูงใจมากๆสามวันสองคืนแค่  9,500 บาทเอง รวมที่พักอาหารและกิจกรรมทุกอย่าง   ซึ่งราคาก็บรรยายว่า 13,500 บาท  ก็เป็นราคาที่ตั้งไว้เพื่อกำหนดส่วนลดให้จูงใจนั่นเอง  เพราะว่าก็สร้างการรับรู้ในตราสินค้าและเป็นลูกค้าในอนาคต    และเชื่อว่าหากมีคนเข้าร่วมมากพอก็จะสร้างกำไรจากกิจกรรมนี้ได้เพิ่มเติมอีกด้วย

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...