วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

“ชื่อนั้นสำคัญไฉน”





เห็นชื่อเรื่องก็คงไม่ต้องจินตนาการหรือเดาว่าบทความที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตั้งชื่อสินค้าอย่างแน่นอน ถูกต้องครับเพราะว่าในการบริหารธุรกิจปัจจุบันนั้นจะไปมุ่งเน้นแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่าสินค้าเราดี ทนทาน นานร้อยปีแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้วครับ เพราะว่าในปัจจุบันผู้บริโภคนั้นนอกจากดูคุณสมบัติ (Core Benefit) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น นาฬิกาต้องบอกเวลาได้ รถยนต์ต้องวิ่งได้ หรือ สบู่ ยาสระผม ต้องสามารถชะล้างทำความสะอาดร่างกายและศีรษะได้ ซึ่งใครที่จะทำสินค้าเหล่านี้มาขายก็จำเป็นอยู่ดีที่จะต้องมีคุณสมบัติดังกล่าว จากนั้นก็เข้าสู่ยุคที่ว่าต้องสร้างความแตกต่างในสินค้าและบริการซึ่งทำให้สินค้าของเราแตกต่างกว่าจากคู่แข่งขัน เรียกว่าฟูลออฟชั่นกันเลยเพราะทุกค่ายก็หันมาเอาอกเอาใจผู้บริโภค ปรนเปรอกันทุกทางให้สินค้าของตนเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจของผู้บริโภคกันเลย ไม่ว่าจะเป็นการผสมสารต่างๆที่มีคุณสมบัติพิเศษทำให้รากผมแข็งแรง เส้นผมนุ่มสลวย ฯลฯ เราเรียกสิ่งต่างๆเหล่านี้ว่าคุณประโยชน์ส่วนเพิ่มที่สามารถจับต้องได้ (Tangible Benefit) นั่นเอง
แต่ยังมีบางสิ่งที่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่รู้สึกได้ ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างอารมณ์และความอยากในการซื้อสินค้า ซึ่งเราเรียกว่าคุณประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้(แต่รู้สึกได้) (Intangible Benefit) สิ่งต่างๆเหล่านี้เช่นภาพลักษณ์อย่างนาฬิกาโรเล็กซ์ ผมไม่เชื่อว่าจะบอกเวลาเที่ยงตรงกว่าไซโก้ หรือถึงบอกเวลาได้เที่ยงตรงกว่ามากๆแล้วมันมีผลต่อการดำรงชีวิตของผมหรือไม่คำตอบคือไม่ แต่ทำไมเราถึงจ่ายเงินแพงกว่าหลายสิบเท่า ถึงร้อยเท่าเพื่อเป็นเจ้าของนาฬิกาโรเล็กซ์สักเรื่อนหนึ่ง คำตอบคือเพราะเราต้องการให้รางวัลแห่งชีวิต เพราะว่าภาพลักษณ์หรือตราสินค้า (Brand) ของสินค้าดีใส่แล้วดูมีระดับ ใครๆในสังคมชั้นสูง(ซึ่งแปลว่ามีเงิน)เค้าก็ใส่กันทั้งนั้น อันนี้คงจะแตกต่างกันในสินค้าบางหมวดเช่นรถยนต์ ระบบความปลอดภัย ระบบการขับเคลื่อน ระบบสิ่งอำนวยความสะดวกจะแตกต่างกันมากในรถยนต์แต่ละยี่ห้อ หรือแม้แต่ในยี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่น
องค์ประกอบหนึ่งในการทำให้แบรนต์สินค้านั้นมีภาพลักษณ์ที่ดีก็คือเรื่องชื่อสินค้านั่นเอง สินค้าหลายตัวไม่ประสบความสำเร็จทั้งๆที่แนวคิดของสินค้าตัวนั้นดีมากเช่น สบู่ยี่ห้อ MWNS ซึ่งมีคุณสมบัติและกลุ่มเป้าหมายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายที่นับวันจะมีคนออกกำลังกายที่เราเรียกว่าเป็นผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ลองสังเกตุจากจำนวนฟิตเนสเซ็นเตอร์ และ ศูนย์แอโรบิคที่รัฐและหน่วยงานต่างๆจัดขึ้น หรือตามสวนสาธารณะก็จะเห็นว่ามีผู้คนมาใช้บริการมากขึ้น สบู่ยี่ห้อนี้ล้มเหลวก็คงจะมีสาเหตุมาจากหลายๆสาเหตุเช่น ภาชนะบรรจุ ประโยชน์ใช้สอยที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง(หลังจากซื้อไปทดลองใช้แล้ว) หรือมาจากชื่อสินค้าก็ได้เพราะว่าสินค้านี้มีถึง 6 คำ จะเรียกว่ายาวไปก็ได้แต่ว่ามันไม่สื่อถึงอะไรเลย แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า MWSN ย่อมาจาก MAN AND WOMEN NEED SPORT คนตั้งชื่อไม่รู้ว่าคิดได้ยังงัยนะ แต่สินค้าบางตัวก็อาจจะตั้งชื่อยาวๆแต่ประสบความสำเร็จก็มี เช่น “โชโกบุตซึโมโนกาตาริ” กดเข้าไป 9 คำซึ่งนับว่ายาวมากๆ แต่ประสบความสำเร็จจนต้องออก “ฟอร์เมน” เข้ามาเพิ่ม เลยเป็น 11 คำเลยอาจจะเป็นสินค้าที่มีชื่อยาวที่สุดในโลกก็ได้ แต่ก็คงขายได้แค่เอเชียเพราะเราคุ้นเคยกับวัฒนธรรม ชื่อ ฯลฯ ของญี่ปุ่นทำให้เราสามารถจดจำ ปลื้ม พอใจ กับชื่อและสินค้าตัวนี้ได้ เพราะว่าผมไม่เคยเห็นสินค้าตัวนี้ในยุโรป อัฟริกา หรือแม้แต่ในเอเชียใต้ เช่นอินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกาเลย แต่ประสบความสำเร็จในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บ้างก็เอาชื่อเจ้าของ เช่น แม่กิมลั้ง น้ำพริกเผาแม่ประนอม แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนหรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยน หรือกลุ่มเป้าหมายของสินค้าเปลี่ยน ก็ต้องปรับปรุงให้เหมาะสมและทันสมัย เช่น ห้างทองแม่ทองสุก ปรับรูปแบบธุรกิจมาเป็นการซื้อขายทองในตลาดล่วงหน้าก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น MTS GOLD หรือหากเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่ชื่อเป็นจีนแต่อยากเปลี่ยนลุคก็ลองดูตึก “เล่าเป็งง้วน”ครับซึ่งดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเหล็ก และลิฟท์บันไดลื่อน ยังเปลี่ยนเป็น LPN BUILDING เลยครับ แม้แต่ปูนซีเมนต์ไทยยังต้องเปลี่ยนเป็น “SCG” เลยครับเพราะเดี๋ยวนี้บริษัทไม่ได้ผลิตปูนซีเมนต์แต่เพียงอย่างเดียว มีสินค้าและบริการครอบคลุมทั้ง วัสดุก่อสร้าง กระดาษ เคมีภัณฑ์ ตลอดจนบริการ ฯลฯ หรืออาจจะเอาภูมิศาสตร์รวมทั้งปอนเซอร์เป็นชื่อสินค้าก็ได้เช่น ทีมฟุตบอล “บุรีรัมย์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” ที่มียี้ห้อยร้อยยี่สิบ เนวิน ชิดชอบ เป็นเจ้าของสโมสรก็ได้ครับ หรือ “เมืองทองหนอจอกยูไนเต็ด” เป็นต้น หรืออาจจะตั้งชื่อสินค้าเพื่อบ่งบอกกิจการก็ได้เช่น “พิซซ่าฮัท” คงไม่ได้ขายสบู่และยาสระผมแน่นอน แต่ก็ต้องคิดและมองระยะยาวและไกลนะครับว่าสินค้าเราจะขายแต่ในประเทศหรือจะส่งออกในอนาคตด้วยเพราะชื่อที่ดีและมีความหมายในประเทศหนึ่งอาจจะไม่มีความหมาย หรือ ถึงกับความหมายตรงกันข้าม หรือเรียกยากมากๆในอีกประเทศหนึ่งก็ได้ เช่น “พิมเสนน้ำตราโป๊ยเซียน” คำว่า “โป๊ยเซียน” ถ้าส่งไปขายที่กวางเจา ซัวเถาคงไม่มีปัญหาแต่ถ้าส่งไปฟิลิปปินส์ มาเลเซียก็คงจะเรียกยากน่าดู ถ้าจำไม่ผิดมีรถมอเตอร์ไซค์รุ่น “NOVA” ส่งไปขายที่อเมริกาใต้ ชื่อรุ่นนี้กลับมีความหมายว่า “ไม่วิ่ง” ก็เลยแท้งตั้งแต่ยังไม่คลอดเลยครับผม

พร่ำบ่น ...ก่นด่า...แต่ไม่หาทางออก 23 พฤษภาคม 2568

  พร่ำบ่น ...ก่นด่า...แต่ไม่หาทางออก 23 พฤษภาคม 2568                  ปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก “โควิด19”   จากปลายปี 20...