เมื่อไม่นานมานี้ซักสามสี่ปีเห็นจะได้พวกเราคงจำได้ว่ามีขนมปังยี่ห้อหนึ่งที่เป็นที่ลือลั่นสนั่นเมือง ใครไม่ไปลองซื้อมากินรู้สึกว่าจะตกยุคตกสมัย กลายเป็นเต่าล้านปีไปเลยขนาดที่ว่าไปยืนเข้าคิวรอซื้ออย่างกับแจกของปอเต็กตึงเลยกว่าจะได้กิน ถ้ายังจำชื่อกันไม่ได้ขอเตือนความจำท่าน “รอตติบอย” จำได้หรือยังครับ สมัยนั้นเปิดสาขากันเป็นว่าเล่นแล้วไม่นานก็เสื่อมเพราะว่าสินค้าเป็นแค่สินค้าแฟชั่น มาเร็วไปเร็วซึ่งสอดคล้องกับนิสัยคนไทยเห็นช้างขี้ก็ขี้ตามช้างอยู่ร่ำไป ซึ่งผมทำนายไว้เมื่อ 20 กันยาย 2549 ว่าไม่รอดแน่นอนเพราะว่าสินค้าไม่ได้ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค เป็นเพียงแค่กระแสและอิทธิฤทธิ์ของสื่อในการนำเสนอจนคนกรุงเทพอดไม่ได้จะต้องไปเข้าคิว และเปิดสาขามากมายจนขาดความเป็นยูนีคที่หมายถึงว่าซื้อที่ไหนก็ได้เพราะว่ามีสินค้าเลียนแบบ รสชาดใกล้เคียงกันในราคาที่ถูกกว่าที่สำคัญไม่ต้องเข้าคิวสองสาชั่วโมงด้วย มาวันนี้พ.ศ.2553มีสินค้าใกล้เคียงกันเข้ามากระตุ้นต่อมความอยากเราอีกแล้วครับท่าน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “โดนัทคริสปี้ครีม” “Krispy Kreme Doughnuts” ที่ว่ากันว่าเจ้าตำนานอย่างรอตติบอยต้องชิดซ้ายไปเลย เพราะว่าสาวกต้องต่อแถวยาวออกมานอกสยามพารากอน จนถึงขนาดว่าตอนนี้มีคนรับจ้างไปยืนซื้อให้เลยครับ ก็ดีถือว่าเป็นการสร้างงานให้ชาวบ้าน
ตอนนั้นผมทำนายไว้ว่ารอตติบอยไม่น่าจะเกินหนึ่งปีแล้วก็จากไปตามคำทำนาย แต่สำหรับคริสปี้ครีมนี้นับว่ามีตำนานที่ยาวนานมากในอเมริกาเปิดมาตั้งแต่ปี 1937 อายุยาวนานประมาณคุณปู่ 73 ปีซึ่งก็นับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ผ่านการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งผิดกับรอตติบอยที่ไม่มีประวัติอะไรมากนัก และที่สำคัญถ้าหากคริสปี้ครีมไม่เปิดสาขามากจนเกินไปก็จะยังคงรักษากระแสไว้ได้เพราะกินแล้วดูดีมีระดับกว่ารอตติบอย แถมมีตำนานความอร่อยซึ่งก็อร่อยจริงๆเหมือนกัน(ได้ทดลองกินแล้วครับผม) แต่ว่าถึงกับให้ไปต่อคิวสามสี่ชั่วโมงเพื่อรอกินก็คงไม่ถึงขนาดเป็นสาวกอย่างนั้น แต่ก็เชื่อได้ว่าอายุจะยืนยาวนานกว่ารอตติบอยอย่างแน่นอน แต่กระแสจะตกลงไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะว่าคนที่ไปเข้าคิวรอซื้ออยู่นั้นแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเป็นคนที่เคยรู้รสชาติของคริสปี้ครีมมาแล้วโดยอาจจะเคยไปเรียนที่อเมริกาแล้วเป็นปลื้มกับรสชาดที่นุ่มจนเรียกได้ว่าหาใครเทียบเทียมมิได้ หรือไปท่องเที่ยวที่อเมริกาหรือเมืองอื่นในโลกมาก่อนเพราะว่าเค้าก็ขายแฟรนชายส์ไปทั่วโลก แต่ที่ผมเห็นที่กัวลาลัมเปอร์ก็ไม่เห็นต้องเข้าคิวซื้อเลยตอนไปนั้นมีคนนั่งในร้านประมาณ 10 คนได้ และมีคนซื้ออยู่ที่หน้าเค้าท์เตอร์อีกสองคนเท่านั้นเอง (ดูภาพประกอบ) ผิดกับในบ้านเรานะครับ ซึ่งก็ได้ถามลูกค้าที่เป็นคนมาเลเซียว่าช่วงเปิดตัวใหม่ๆนั้นคนมาเข้าคิวต่อแถวซื้อเหมือนบ้านเราหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าก็ขายดีแต่เป็นเห็นถึงกับขนาดว่าเข้าคิดต่อแถวเป็นสามสี่ชั่วโมงเหมือนบ้านเรา หรือว่าบ้านเรามั่นกระต่ายตื่นตูมหรือเพราะว่าแผนการตลาดที่ดีก็ไม่ทราบได้ แต่ก่อนที่จะเปิดตัวสินค้าก็เป็นข่าวมาเป็นระยะๆว่าทายาทของเนสกาแฟจะนำโดนัทคริสปี้ครีมมาเปิดที่สยามพารากอน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไฮโซทำแถมอยู่สยามพารากอนก็ไม่รู้ได้แต่ก็คิดว่าจะมีส่วน หรือที่มากไปกว่านั้นวันแรกๆจะมีหน้าม้าไปยืนต่อแถวซื้อหรือเปล่าอันนี้ก็มิทราบได้ครับผม
แต่อยากให้ดูกันยาวๆว่าสินค้าตัวใดจะอยู่ได้นานๆครองใจประชาชนได้ขนาดเรียกว่ายืนระยะได้ที่สำคัญที่สุดก็คือ “สินค้านั้นจะต้องสนองตอบต่อความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้” หากมองว่าโดนัทนี้ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงในด้านคุณค่าทางอาหาร ทางโภชนาการ และรสชาติที่อร่อยที่สุดหาที่ใดเทียบเทียมมิได้ หรือแม้แต่หาใกล้เคียงมิได้ ก็จะยืนระยะได้ยาวนานแต่อาจจะไม่หวือหวาเหมือนตอนเปิดตัวใหม่ๆ แต่หากความต้องการที่ลูกค้าปัจจุบันไปเข้าแถวรอซื้อคริสปี้ครีมนี้เป็นเพราะว่าตามแฟชั่นกลัวตกยุค กลัวคุยกะใครเค้าไม่รู้เรื่อง ก็ต้องบอกว่า”ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแน่นอน” อีกหกเดือนหรืออีกปีค่อยมาคุยกันอีกทีละกัน ..............
ตอนนั้นผมทำนายไว้ว่ารอตติบอยไม่น่าจะเกินหนึ่งปีแล้วก็จากไปตามคำทำนาย แต่สำหรับคริสปี้ครีมนี้นับว่ามีตำนานที่ยาวนานมากในอเมริกาเปิดมาตั้งแต่ปี 1937 อายุยาวนานประมาณคุณปู่ 73 ปีซึ่งก็นับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ผ่านการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปมาหลายยุคหลายสมัย ซึ่งผิดกับรอตติบอยที่ไม่มีประวัติอะไรมากนัก และที่สำคัญถ้าหากคริสปี้ครีมไม่เปิดสาขามากจนเกินไปก็จะยังคงรักษากระแสไว้ได้เพราะกินแล้วดูดีมีระดับกว่ารอตติบอย แถมมีตำนานความอร่อยซึ่งก็อร่อยจริงๆเหมือนกัน(ได้ทดลองกินแล้วครับผม) แต่ว่าถึงกับให้ไปต่อคิวสามสี่ชั่วโมงเพื่อรอกินก็คงไม่ถึงขนาดเป็นสาวกอย่างนั้น แต่ก็เชื่อได้ว่าอายุจะยืนยาวนานกว่ารอตติบอยอย่างแน่นอน แต่กระแสจะตกลงไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะว่าคนที่ไปเข้าคิวรอซื้ออยู่นั้นแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือเป็นคนที่เคยรู้รสชาติของคริสปี้ครีมมาแล้วโดยอาจจะเคยไปเรียนที่อเมริกาแล้วเป็นปลื้มกับรสชาดที่นุ่มจนเรียกได้ว่าหาใครเทียบเทียมมิได้ หรือไปท่องเที่ยวที่อเมริกาหรือเมืองอื่นในโลกมาก่อนเพราะว่าเค้าก็ขายแฟรนชายส์ไปทั่วโลก แต่ที่ผมเห็นที่กัวลาลัมเปอร์ก็ไม่เห็นต้องเข้าคิวซื้อเลยตอนไปนั้นมีคนนั่งในร้านประมาณ 10 คนได้ และมีคนซื้ออยู่ที่หน้าเค้าท์เตอร์อีกสองคนเท่านั้นเอง (ดูภาพประกอบ) ผิดกับในบ้านเรานะครับ ซึ่งก็ได้ถามลูกค้าที่เป็นคนมาเลเซียว่าช่วงเปิดตัวใหม่ๆนั้นคนมาเข้าคิวต่อแถวซื้อเหมือนบ้านเราหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าก็ขายดีแต่เป็นเห็นถึงกับขนาดว่าเข้าคิดต่อแถวเป็นสามสี่ชั่วโมงเหมือนบ้านเรา หรือว่าบ้านเรามั่นกระต่ายตื่นตูมหรือเพราะว่าแผนการตลาดที่ดีก็ไม่ทราบได้ แต่ก่อนที่จะเปิดตัวสินค้าก็เป็นข่าวมาเป็นระยะๆว่าทายาทของเนสกาแฟจะนำโดนัทคริสปี้ครีมมาเปิดที่สยามพารากอน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไฮโซทำแถมอยู่สยามพารากอนก็ไม่รู้ได้แต่ก็คิดว่าจะมีส่วน หรือที่มากไปกว่านั้นวันแรกๆจะมีหน้าม้าไปยืนต่อแถวซื้อหรือเปล่าอันนี้ก็มิทราบได้ครับผม
แต่อยากให้ดูกันยาวๆว่าสินค้าตัวใดจะอยู่ได้นานๆครองใจประชาชนได้ขนาดเรียกว่ายืนระยะได้ที่สำคัญที่สุดก็คือ “สินค้านั้นจะต้องสนองตอบต่อความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้” หากมองว่าโดนัทนี้ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงในด้านคุณค่าทางอาหาร ทางโภชนาการ และรสชาติที่อร่อยที่สุดหาที่ใดเทียบเทียมมิได้ หรือแม้แต่หาใกล้เคียงมิได้ ก็จะยืนระยะได้ยาวนานแต่อาจจะไม่หวือหวาเหมือนตอนเปิดตัวใหม่ๆ แต่หากความต้องการที่ลูกค้าปัจจุบันไปเข้าแถวรอซื้อคริสปี้ครีมนี้เป็นเพราะว่าตามแฟชั่นกลัวตกยุค กลัวคุยกะใครเค้าไม่รู้เรื่อง ก็ต้องบอกว่า”ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแน่นอน” อีกหกเดือนหรืออีกปีค่อยมาคุยกันอีกทีละกัน ..............
เห็นด้วยอย่างยิ่ง มาไว ไปไว
ตอบลบ