นที่เขียนบทความนี้ คือวันที่ 11 เดือน 11 ปี 11 ก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีอาถรรพ์อะไรหรือไม่ เพราะว่าเวลามีเลขเรียงๆแบบนี้บางคนก็เชื่อว่จะมีเหตุเภทภัย่บางประการ (ทำไมไม่คิดว่าจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นก็ไม่รู้) ปีหน้าเป็นปี 2012บางคนอาจจะเชื่อว่าโลกแต ถ้าอย่างนั้นวันที่ 12 เดือน 12 ปี 12 ปีหน้าก็เตรียมตัวหายนะกันได้กระมัง แต่อย่างไรเสียชีตต้องก้าวเดินต่อไปหลังภาวะน้ำท่วมบ้างก็ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่โต บ้างก็ว่าจะติดลบอีกต่างหาก แต่คุณธนินทร์ เจียรวนน์เจ้าสัวซีพีกลับออกมาสวนกระแสว่าเศรษฐกิจไทยจะโตถึง 7% ก็ทำให้เป็นที่กล่าวขานอันอย่างอื้อึงอันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละท่าน และขึ้นอยู่กับท่านว่าท่านอยู่ในธุรกิจใดแน่นอนถ้าอยู่ใน๔รกิจอาหารก็ย่อมโตอย่าว่าแต 7 เลยอาจถึง 10% ก็ได้ ทางซีพีเอฟเพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสสามปี 2554 ว่าสามารถทำยอดขายได้ถึง 54,446 ล้านบาท กำไรถึง 5,086 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามการคาดการร์ยอดขายทั้งปี 2554 จะทำยอดได้ถึง 2 แสนล้านบาท (ประมาณ 10% ของงบประมาณประเทศไทย) เติบโตถึง 8% และกำไรจะทำสถิติถึง 13,343 ล้านบาท เติบโตถึง 17%
แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าทั้งปียอดขาและกำไรของซีพีเอฟจะเติบโตกว่าที่ประมาณการเอาไว้ เพราะว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศเราทำให้ความต้องการด้านอาหารเพิ่มสูงขึ้น และคู่แข่งขันเสียหายจากน้ำท่าวม อีกทั้งทางซีพีเอฟยังได้รุกตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในประเทศบังคลาเทศซึ่งผมเพิ่งเดินทางไปมาเมื่อเดือนตุลาคม2554 มีร้านขายไก่ย่างติดยี่ห้อ CP อยู่เป็นร้านเล็กๆขนาดคูหาเดียว รวมทั้อยู่ในฟู้ดฮอลล์ในศูนย์การค้าด้วย ตลาดปัจจุบันอาจจะไม่ใหญ่มากนักแต่อย่าลืมว่าประชากรของบังคลาเทศมีถึง 140 ล้านคน เกือบสามเท่าของประเทศไทยแน่นอนว่ากำลังซื้อต่อคนยังไม่มากเท่าประเทศไทย อาจจะครึ่งหนึ่งของคนไทยแต่จากจำนวนประชากรที่มากกว่าถึงสองเท่ากว่าๆก็อาจจะทำให้ยอดขายได้ไม่น้อยทีเดียว แต่คงไม่ใช่ในเร็ววันนี้อย่างแนนอนคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของชาวบังคลาเทศ รวมทั้งประเทศอื่นๆในเอเชีย ไม่วาจะใน จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย เวียดนาม ฯลฯ ซึ่งซีพีเอหไปมาหมาดแล้วครั้งทุกประเทส นี่ไม่นับว่าในประเทศไทย ไก่ย่างห้าดาว ข้าวมันไก่ซีพี เกี๊ยวน้ำซีพี บะหมี่ซีพี แบบรถเข็นกำลังขยายตลาด รับรองได้ว่า "ชายสี่หมี่เกี๊ยว" มีหนาว มีลูกชิ้นปิ้งเป็นไม้ๆของซีพี อนาคตอาจจะมีไอศครีซีพี เฉาก๊วยซีพี ...........รวมทั้งตลาดขายสินค้าอาหารสดสแตนอโลนในชื่อ "ซีพีซุปเปอร์มาร์เก็ต" ซึ่งมีต้นแบบแล้วอยู่แถวสีลม ไม่นับ"ซีพี เฟรชมาร์ท" ร้านขนาดชุมชนที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นหรือยังครับว่าวิสัยทัศน์ของท่าเจ้าสัวและทีมงานของซีพีนั้นไปไกลขนาดไหน
เรามักจะบอกว่า "เหรียญมีสองด้าน" "มันไม่ออกหัวก็ออกก้อย" ฯลฯ ประมาณนี้ก็เพราะว่าเหรียญมันสามารถออกได้ครั้งละหนึ่งด้านเท่านั้น มันขี้นอยู่ว่าเราปรารถนา มุ่งมัน พยายาม มีฝีมือ ฯลฯ ว่าจะให้ออกด้านใด "กลุ่มซีพี" เลือกหน้าที่จะให้เหรียญออกตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของตนเองเสมอ เพราะใครๆก็บอกว่า ไห้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส" คนพูดมีเยอะแต่ว่าคนทำได้มีน้อยครับท่าน เราะองก็เห็นอยู่ว่าในภาวะ "น้ำท่วม" ครั้งนี้มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นในสังคมไทยและความเสียหายคร้งใหญ่หลวง แต่ในอีกมุมหนึ่งคำว่า "จิตอาสา" ก็เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ "จิตริษยา" ลดลงเพราะเรามี"จิตอาสา"นั่นเอง ก็บอกแล้วงัยครับว่าเหรียญมันออกทีละด้านเท่านั้น แล้วเราเคยถามตัวเราเองบ้างหรือไม่วา "เราได้อะไรจากน้ำท่วมครั้งนี้บ้าง(นอกจากถุงยังชีพ) ?? " เราเลือกจะเป็นเหรียญด้านไหนครับ.........