วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

4F 4F 4F


“4F 4F 4F 4F”
ดร.พงษ์ศักดิ์ สวัสดิเกียรติ
ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ม.เกษตรศาสตร์
กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการพิสิษฐ์กรุ๊ป
29 มกราคม 2555

วิกฤตต่างที่เกิดขึ้นในโลกในประเทศของเรานี้นับวันจะทวีความรุนแรงและยากต่อการแก้ไขปัญหาขึ้นทุกวัน ทั้งนี้เป็นเพราะความสลับซับซ้อนของปัญหา ความรุนแรงของปัญหา ที่สำคัญคนที่เป็นคนแก้ปัญหานั้นๆเพราะว่าคนคือต้นตอของปัญหาและสุดท้ายก็เป็นบทสรุปของปัญหานั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยปัจจุบัน ที่ปากก็บอกว่าคนเราเห็นต่างได้แต่ต้องรักกันแต่ลองดูข้อเท็จจริงในสังคมเราทุกวันนี้ซิครับไม่ว่าใครเสนอ หรือคิดอะไรมาที่ไม่เหมือนหรือตรงกับความคิดเห็นของเราก็จะออกมาถากถาง หยามเหยียด ประณาม ตลอดจนถึงขึ้นขุดบรรพบุรุษมาเล่นกันแล้ว ทั้งๆที่เรื่องนั้นๆอาจจะตรงกับความต้องการ หรือค่อนข้างเห็นด้วยแต่พอคนในฝ่ายที่อยู่กันคนละกลุ่มตนเองคิดก็จะกลายเป็นไม่เห็นด้วยขึ้นมาในทันทีนั่นเอง แล้วสังคมเราจะก้าวต่อไปได้อย่างไร
นั่นเป็นแค่เพียงปัญหาสังคมไทยในปัจจุบัน แต่ว่าวิกฤติที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกนี้ในอนาคตทั้งอนาคตอันใกล้หรือไกลข้างหน้า เท่าที่ได้รับฟังมาจากผู้รู้หลายๆท่านประกอบกับ แนวโน้ม เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกเบี้ยวๆของเราทุกวันนี้ก็พอจะประมวลออกมาได้ประมาณว่า 4F ที่เป็นหัวเรื่องนี้ ซึ่งหมายถึงมหัตภัยวิกฤติโลกในอนาคต 4 ประการประกอบไปด้วย
FOOD วิกฤติการขาดแคลนอาหาร จำนวนประชากรของโลกเติบโตขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย และ อัฟริกา ในขณะที่ยุโรป อเมริกา และประเทศที่เจริญแล้ว(ทางวัตถุ) ทั้งหลาย หลายประเทศจำนวนประชากรลดลงด้วยซ้ำก็ตาม ซึ่งอันนี้ต่างจากอัตราการเกิดที่ลดลงเพราะอัตราการเกิดนั้นหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรเดิม พูดให้ง่ายเข้าก็คือจำนวนประชากรของโลกมีแต่เพิ่มไม่มีลดนั่นเอง แต่ในเวลาเดียวกันนั้นพื้นที่ทำการกสิกรรม เกษตรกรรม กลับมีจำนวนลดน้อยลงด้วยเหตุผล การขยายตัวของเมือง และอุตสาหกรรมต่างๆก็ไปกินพื้นที่เพาะปลูกนั่นเอง นอกจากนี้แล้วภัยธรรมชาติต่างๆก็ทำให้ผลผลิตลดน้อยลง รวมทั้งภัยจากศัตรูพืชและสภาวะอากาศ “ซีพี” ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลบอกว่า “จะเป็นครัวโลก” ซึ่งไม่ได้แต่เพียงบอก แต่ยังทำด้วยครับถ้าใครไปดูงาน “บีโอไอแฟร์2011” ที่เมืองทองจะเห็นภาพและวิสัยทัศน์ของซีพีที่ตอบโจทย์จะเป็นครัวโลก
FUEL วิกฤตพลังงาน ผู้รู้หลายท่านบอกว่าน้ำมันดิบในโลกนี้สามารถใช้ได้เพียง 50 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง ซึ่งก็ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพราะมันขึ้นอยู่กับว่าปริมาณการใช้(ที่เพิ่มขึ้นทุกๆวัน และเพิ่มในอัตราเติบโตด้วย) และการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบใหม่ๆว่าจะมีสัดส่วนอย่างไรนั่นเอง แต่ถ้าเราดูให้ดีประเทศจีนและอเมริกามีบ่อน้ำมันแต่ขุดเจาะเอามาใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ของประเทศตนเอง เพราะในขณะที่มีสตางค์ก็ซื้อของคนอื่นมาใช้ แล้วในอนาคตคนอื่นไม่มีน้ำมันจะกลายเป็นทองนั่นเอง บ้านเราเอง ปตท.ก็ต้องทำหน้าที่ในการสร้างและรักษาแหล่งพลังงานเพื่อประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์นักวิจัยไทยก็ต้องสนใจในการหาแหล่งพลังงานใหม่ รวมทั้งพลังงานทดแทนต่างๆ
FLOOD วิกฤติน้ำท่วม ซึ่งขอรวมไปถึงภัยธรรมชาติต่างๆด้วยนะครับ น้ำท่วมคงไม่ต้องอธิบายมากเพราะคนไทยเราเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปแค่สองสามเดือนเอง จากภาวะโลกร้อน และ การทำลายธรรมชาติของมนุษย์ชาติ ทำให้ขณะนี้ธรรมชาติได้กลับมาลงโทษเราแล้ว ในรอบสิบปีที่ผ่านมาเราเห็นมหันตภัยธรรมชาติมากมายแต่ละครั้งคร่าชีวิตผู้คน และทำลายทรัพย์สินเสียหายอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นซึนามิในอินโดนีเซีย(รวมไทยและประเทศใกล้เคียงไปด้วย) ในญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 แผ่นดินถล่มในหลายๆประเทศไม่ว่าจะในเฮติที่มีผู้เสียชีวิตกว่า สองแสนคน ในจีน ฯลฯ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าจะมีวันอวสานของโลกเหมือนที่เราเห็นในภาพยนตร์เพราะภาพยนตร์คือจินตนาการที่มีโอกาสเป็นจริงได้ในอนาคต เราเห็นหุ่นยนต์ในภาพยนตร์มาไม่น้อยกว่า 40 ปีแต่ช่วงสิบปีที่ผ่านมาหุ่นยนต์ก็พัฒนาการมาอย่างเห็นได้ชัดและทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดเสียอีก แต่โลกจะล่มสลายในอีกกี่ร้อยปีเท่านั้นเองผมคิดว่าไม่ถึงพันปีหรอกครับที่จะล่มสลาย ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่า???
FINANCE วิกฤติการเงิน ก่อนหน้านั้นในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีวิกฤติการเงินเกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ลองย้อนแค่สามระยะดูจาก 1997 วิกฤติต้มยำกุ้งในไทย และเอเชีย 2008 วิกฤตแฮมเบเกอร์ในสหรัฐอเมริกา และ ต่อด้วยวิกฤติการเงินในยุโรปที่แผ่กระจายไปหลายประเทศในยูโรโซน ซึ่งดูแนวโน้มแล้วเกจิหลายสำนักก็บอกว่ายากที่จะแก้ไขได้ประมาณว่า “เอาไม่อยู่” และอีกส่วนหนึ่งการออกมาประท้วงกลุ่ม OCCUPIY WALL STREET ซึ่งกำลังลามปามขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับวิกฤติการเงินโดยตรง แต่ก็อาจจะมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการได้หากประเด็นนี้จุดติดก็จะกลายเป็นวิกฤติทางสังคมได้ในอนาคต
ดูเหมือนว่าจะมีหลายวิกฤติที่จะมารุมเร้าโลก รุมเร้าประเทศไทย รุมเร้าเรา แล้วมีวิธีแก้ไข ป้องกัน หรือ บรรเทาความเดือดร้อนหรือไม่ ผมเห็นมีคำตอบเดียวครับ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้คนไทย และ โลก คือ “เศรษฐกิจพอเพียง” แต่ก็เห็นมีแต่คนท่องจำได้ขึ้นใจแต่ยังไม่ได้ลงมือทำเสียที ลงมือทำกันได้แล้วครับ พี่น้อง คนไทย และ ชาวโลกทั้งหลาย....................................

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

“เกลียดทักษิณ เบื่อยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ยักนึกถึงอภิสิทธิ์ “








เห็นหัวข้อแล้วอย่านึกว่าผมจะมาวิจารณ์การเมืองนะครับเพราะผมไม่ใช่นักวิเคราะห์วิจารณ์การเมือง เพียงแต่ว่าพยายามตั้งชื่อเรื่องให้หวือหวาน่าติดตาม แต่ก็ไม่รู้ว่าบทความนี้จะน่าติดตามหรือไม่โดยพยายามจะเปรียบเทียบให้หัวหน้าพรรคการเมืองเป็นสินค้า หรือบริการที่เราเรียกใช้ ผมพบในโพลหลายๆโพลเกี่ยวกับความนิยมในพรรคการเมือง(โดยต้องเป็นโพลที่ทำทั้งประเทศ มิใช่ทำเฉพาะภาค หรือ กทม.) ก็พบและสรุปได้ตามหัวข้อข้างต้นว่า มีคนจำนวนหนึ่งก็มากพอสมควรที่เกลียดทักษิณ อีกจำนวหนึ่งเบื่อยิ่งลักษณ์เพราะว่าขาดความเป็นตัวของตัวเอง แต่ทำไมไม่มีคนนึกถึงอภิสิทธิ์ว่าจะเป็นคนที่มาทดแทนทั้งสองคนได้ ก็เลยอยากจะนำมาเปรียบเทียบกับการบริหารการตลาด อ้อ อีกอย่างหนึ่งแถมให้ว่าทำไมชูวิทย์ ถึงได้คะแนนมากกว่าปุรชัย ที่ทำให้นักวิเคราะห์ทั้งหลานปากกาหักมามากต่อมากแล้วครับ






ในทางการตลาดแล้วมีคำสองคำคือคำว่า “POSITIONINGและ ‘EXPECTATION’ สำหรับคำแรกคือการวางตำแหน่งของสินค้า ทักษิณ เปรียบเสมือนสินค้าที่ทันสมัย คิดนอกกรอบ มีวิสัยทัศน์ (แต่เพื่อใครก็ต้องแล้วแต่ว่าจะไปถามใคร) นักบริหารมืออาชีพ ปราดเปรื่อง คล่องแคล่วว่องไว การตัดสินใจเฉียบขาด เคยใช้บริการมาแล้ว เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ พูดแล้วทำได้อย่างที่พูดจริงๆ (แต่ผลประโยชน์หลังจากที่ประชาชนได้แล้ว จะแบ่งให้ใครบ้างก็แล้วแต่พิจารณา) ยิ่งลักษณ์เปรียบเสมือนสินค้า ที่สวยงาม ดูดี (แต่ตอนใช้งานอาจไม่เป็นไปตามที่คิด) ภาชนะบรรจุสวยงาม ขาดภาวะผู้นำฝีมือการบริหาร การใช้คนให้เหมาะกับงาน(เห็นได้ชัดเจนตอนมหาอุทกภัยว่า ...เอาไม่อยู่) แต่อ่อนหวาน นอบน้อม ไม่กระแนะกระแหน โดยจะเห็นได้ว่า 4 เดือนไม่เคยว่ากระทบกระเทียบใครเลย แม้จะพูดผิดพูดถูกบ้างก็ตาม (ก็ไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นนายกนี่นา) อภิสิทธิ์ เปรียบเสมือนสินค้าสำหรับไฮโซ เหมาะกับลูกค้ากรุงเทพ และในเมืองใหญ่ พูดเก่ง(แต่ทำเก่งหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าจะไปถามใคร .....อีกแล้ว) ถามกี่คนก็ต้องบอกว่าอภิสิทธิ์ซื่อสัตย์(รวมทั้งตัวผมด้วย) ไม่ติดดิน นี่คือภาพกว้างๆของตำแหน่งในใจของคนไทยเกี่ยวกับผู้นำ 3 คน นั่นหมายความว่าถ้าถามผมว่ายุบสภาวันนี้แล้วเลือกตั้งใหม่ก็เชื่อขนมกินได้ว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังชนะพรรคประชาธิปัตย์อย่างขาดลอย (แต่จะถึงครึ่งหนึ่งหรือไม่ควรพิจารณา) เพราะว่าแม้จะเอือมระอากับ ยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ยักนึกถึง อภิสิทธิ์ ก็เพราะว่า ท่านทำได้ต่ำกว่า ความคาดหวัง ( EXPECTATION) เพราะเพิ่งลงจากตำแหน่งแค่สี่ห้าเดือน ภาพของฝีมือการบริหารงานและผลงานนั้นไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้อย่างมีนัยยะสำคัญจนสามารถตรึงหรือจดจำภาพได้เหมือนที่ ทักษิณ เคยทำมาจึงอยู่ในใจของลูกค้าตลอดมาไม่ว่าคุณทักษิณจะมีภาพของนักธุรกิจการเมือง หรือโดนคดีอย่างไรก็ยังอยู่ในใจของผู้บริโภค เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค(ส่วนตายหรือไม่...ไม่เกี่ยวเพราะบอกว่าแค่ได้รักษา..) จริงๆแล้วโครงการนี้มีคนคิดก่อนแล้วแต่รัฐบาลก่อนๆไม่กล้าทำแต่ทักษิณกล้า กองทุนหมู่บ้าน กองทุนเอสเอ็มแอล โอท๊อป ฯลฯ เพราะว่าตอนเป็นฝ่ายค้านก็กระหน่ำซ้ำเติมโครงการต่างๆข้างต้น และพอมาเป็นรัฐบาลก็แค่เปลี่ยนชื่อหรือปรับปรุงรายละเอียดเล็กน้อย เช่น ไม่ต้องจ่ายสามสิบบาท กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็มีโครงการใหม่ๆออกมาซึ่งรู้สึกว่าไม่โดนใจชาวประชาเสียเท่าไหร่ เช่น การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ไทยเข้มแข็ง เรียนฟรี 15 ปี เลยไม่อยู่ในใจของผู้บริโภค อ้อมีอีกโครงการหนึ่ง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่คุณอลงกรณ์ดำเนินการแต่ผลงานยังไม่ออกมาเป็นรูปธรรม แต่ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีซึ่งผมได้เคยเขียนชมเชยไว้ก่อนหน้านั้น จนทำให้อภิสิทธิ์ไม่สามารถตรึงลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำอีกทั้งๆที่ตอนเลือกตั้งนั้นทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจทหาร เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงในแง่ว่าแค่เอ่ยปากจะทำโครงการอะไรคนก็คิดไปล่วงหน้าแล้ว่ามีนอกมีในแน่ (ทั้งๆที่อาจจะไม่มีก็ได้ ) แต่ก็ไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ แม้จะรวมคะแนนสองพรรคก็ยังแพ้เพื่อไทยอยู่ดี






แล้วหัวหน้าพรรคอื่นๆละครับไม่ต้องพูด ไม่ว่าชูวิทย์ ที่สามารถสร้างสีสันและมีจุดขายจนได้ สส.มาถึงสี่คน มากกว่าปุระชัยที่มาคนเดียวโดดๆเพราะเงียบๆมาเรียงๆ แม้จะซื่อสัตย์สุดๆก็ไม่สามารถเป็นจุดขายที่จะดึงให้คนมาลงคะแนนให้ แม้แต่ในกทม.ก็ยังได้คะแนนไม่เท่าไหร่ ถึงสรุปว่าเราไม่มีตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยสรุปได้ว่า...............คนไทยไม่มีทางเลือกนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในประเทศไทยยังไม่เกิดหรือเกิดแล้วแต่ไม่สามารถสร้างตำแหน่งให้อยู่ในใจคนได้ครับ.......................................เฮ้อ......อีกแล้วซิจังซั่น........











ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...