วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

“เกลียดทักษิณ เบื่อยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ยักนึกถึงอภิสิทธิ์ “








เห็นหัวข้อแล้วอย่านึกว่าผมจะมาวิจารณ์การเมืองนะครับเพราะผมไม่ใช่นักวิเคราะห์วิจารณ์การเมือง เพียงแต่ว่าพยายามตั้งชื่อเรื่องให้หวือหวาน่าติดตาม แต่ก็ไม่รู้ว่าบทความนี้จะน่าติดตามหรือไม่โดยพยายามจะเปรียบเทียบให้หัวหน้าพรรคการเมืองเป็นสินค้า หรือบริการที่เราเรียกใช้ ผมพบในโพลหลายๆโพลเกี่ยวกับความนิยมในพรรคการเมือง(โดยต้องเป็นโพลที่ทำทั้งประเทศ มิใช่ทำเฉพาะภาค หรือ กทม.) ก็พบและสรุปได้ตามหัวข้อข้างต้นว่า มีคนจำนวนหนึ่งก็มากพอสมควรที่เกลียดทักษิณ อีกจำนวหนึ่งเบื่อยิ่งลักษณ์เพราะว่าขาดความเป็นตัวของตัวเอง แต่ทำไมไม่มีคนนึกถึงอภิสิทธิ์ว่าจะเป็นคนที่มาทดแทนทั้งสองคนได้ ก็เลยอยากจะนำมาเปรียบเทียบกับการบริหารการตลาด อ้อ อีกอย่างหนึ่งแถมให้ว่าทำไมชูวิทย์ ถึงได้คะแนนมากกว่าปุรชัย ที่ทำให้นักวิเคราะห์ทั้งหลานปากกาหักมามากต่อมากแล้วครับ






ในทางการตลาดแล้วมีคำสองคำคือคำว่า “POSITIONINGและ ‘EXPECTATION’ สำหรับคำแรกคือการวางตำแหน่งของสินค้า ทักษิณ เปรียบเสมือนสินค้าที่ทันสมัย คิดนอกกรอบ มีวิสัยทัศน์ (แต่เพื่อใครก็ต้องแล้วแต่ว่าจะไปถามใคร) นักบริหารมืออาชีพ ปราดเปรื่อง คล่องแคล่วว่องไว การตัดสินใจเฉียบขาด เคยใช้บริการมาแล้ว เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ พูดแล้วทำได้อย่างที่พูดจริงๆ (แต่ผลประโยชน์หลังจากที่ประชาชนได้แล้ว จะแบ่งให้ใครบ้างก็แล้วแต่พิจารณา) ยิ่งลักษณ์เปรียบเสมือนสินค้า ที่สวยงาม ดูดี (แต่ตอนใช้งานอาจไม่เป็นไปตามที่คิด) ภาชนะบรรจุสวยงาม ขาดภาวะผู้นำฝีมือการบริหาร การใช้คนให้เหมาะกับงาน(เห็นได้ชัดเจนตอนมหาอุทกภัยว่า ...เอาไม่อยู่) แต่อ่อนหวาน นอบน้อม ไม่กระแนะกระแหน โดยจะเห็นได้ว่า 4 เดือนไม่เคยว่ากระทบกระเทียบใครเลย แม้จะพูดผิดพูดถูกบ้างก็ตาม (ก็ไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นนายกนี่นา) อภิสิทธิ์ เปรียบเสมือนสินค้าสำหรับไฮโซ เหมาะกับลูกค้ากรุงเทพ และในเมืองใหญ่ พูดเก่ง(แต่ทำเก่งหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าจะไปถามใคร .....อีกแล้ว) ถามกี่คนก็ต้องบอกว่าอภิสิทธิ์ซื่อสัตย์(รวมทั้งตัวผมด้วย) ไม่ติดดิน นี่คือภาพกว้างๆของตำแหน่งในใจของคนไทยเกี่ยวกับผู้นำ 3 คน นั่นหมายความว่าถ้าถามผมว่ายุบสภาวันนี้แล้วเลือกตั้งใหม่ก็เชื่อขนมกินได้ว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังชนะพรรคประชาธิปัตย์อย่างขาดลอย (แต่จะถึงครึ่งหนึ่งหรือไม่ควรพิจารณา) เพราะว่าแม้จะเอือมระอากับ ยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ยักนึกถึง อภิสิทธิ์ ก็เพราะว่า ท่านทำได้ต่ำกว่า ความคาดหวัง ( EXPECTATION) เพราะเพิ่งลงจากตำแหน่งแค่สี่ห้าเดือน ภาพของฝีมือการบริหารงานและผลงานนั้นไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้อย่างมีนัยยะสำคัญจนสามารถตรึงหรือจดจำภาพได้เหมือนที่ ทักษิณ เคยทำมาจึงอยู่ในใจของลูกค้าตลอดมาไม่ว่าคุณทักษิณจะมีภาพของนักธุรกิจการเมือง หรือโดนคดีอย่างไรก็ยังอยู่ในใจของผู้บริโภค เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค(ส่วนตายหรือไม่...ไม่เกี่ยวเพราะบอกว่าแค่ได้รักษา..) จริงๆแล้วโครงการนี้มีคนคิดก่อนแล้วแต่รัฐบาลก่อนๆไม่กล้าทำแต่ทักษิณกล้า กองทุนหมู่บ้าน กองทุนเอสเอ็มแอล โอท๊อป ฯลฯ เพราะว่าตอนเป็นฝ่ายค้านก็กระหน่ำซ้ำเติมโครงการต่างๆข้างต้น และพอมาเป็นรัฐบาลก็แค่เปลี่ยนชื่อหรือปรับปรุงรายละเอียดเล็กน้อย เช่น ไม่ต้องจ่ายสามสิบบาท กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็มีโครงการใหม่ๆออกมาซึ่งรู้สึกว่าไม่โดนใจชาวประชาเสียเท่าไหร่ เช่น การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ไทยเข้มแข็ง เรียนฟรี 15 ปี เลยไม่อยู่ในใจของผู้บริโภค อ้อมีอีกโครงการหนึ่ง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่คุณอลงกรณ์ดำเนินการแต่ผลงานยังไม่ออกมาเป็นรูปธรรม แต่ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีซึ่งผมได้เคยเขียนชมเชยไว้ก่อนหน้านั้น จนทำให้อภิสิทธิ์ไม่สามารถตรึงลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำอีกทั้งๆที่ตอนเลือกตั้งนั้นทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจทหาร เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงในแง่ว่าแค่เอ่ยปากจะทำโครงการอะไรคนก็คิดไปล่วงหน้าแล้ว่ามีนอกมีในแน่ (ทั้งๆที่อาจจะไม่มีก็ได้ ) แต่ก็ไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ แม้จะรวมคะแนนสองพรรคก็ยังแพ้เพื่อไทยอยู่ดี






แล้วหัวหน้าพรรคอื่นๆละครับไม่ต้องพูด ไม่ว่าชูวิทย์ ที่สามารถสร้างสีสันและมีจุดขายจนได้ สส.มาถึงสี่คน มากกว่าปุระชัยที่มาคนเดียวโดดๆเพราะเงียบๆมาเรียงๆ แม้จะซื่อสัตย์สุดๆก็ไม่สามารถเป็นจุดขายที่จะดึงให้คนมาลงคะแนนให้ แม้แต่ในกทม.ก็ยังได้คะแนนไม่เท่าไหร่ ถึงสรุปว่าเราไม่มีตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยสรุปได้ว่า...............คนไทยไม่มีทางเลือกนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในประเทศไทยยังไม่เกิดหรือเกิดแล้วแต่ไม่สามารถสร้างตำแหน่งให้อยู่ในใจคนได้ครับ.......................................เฮ้อ......อีกแล้วซิจังซั่น........











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...