ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีไม่กี่ประเทศในโลกที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เอื้อต่อการเพาะปลูก เอื้อต่อการคมนาคมขนส่ง ภูมิอากาศที่สบาย มีมรดกทางวัฒนธรรมและอารยธรรมที่สามารถเป็นจุดขายการท่องเที่ยวได้ ฯลฯ เรียกว่าดีไปหมดแต่ว่าประเทศเรายังไม่สามารถพัฒนาได้อย่างทัดเทียบอารยะประเทศทั้งหลายได้ก็เนื่องด้วยคนไทยเรากันเอง มากกกว่า พอดีผมไปสัมมนาและได้เห็นตัวเลขชุดหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเอามาขยายความเพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ว่าประเทศเรามีแต่อุปสรรค เพราะถ้าท่านเห็นตัวเลขเหล่านี้แล้วจะพบว่าประเทศไทยของเรามีแต่โอกาสทั้งสิ้น
อัตราส่วน จีดีพี ไทย ต่อโลก 0.45%
อัตราส่วนการส่งออก ไทย ต่อโลก 1.1 %
อัตราส่วนประชากรไทย ต่อโลก ประมาณ 1.%
ถ้าคิดแบบบัญญัติไตรยางศ์ก็แสดงว่าจีดีพีไทยจะโตได้อีก 0.55 % แต่ถ้าคนไทยบริโภคเหมือนกับสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วนประชากร 4.5 % ของโลก แต่บริโภค ถึง 25% ของ จีดีพีโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องให้บริโภคแบบไม่ลืมหูลืมตา จนลืม “เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงเรานะครับ เป็นแต่เพียงตัวเลขต่างๆเหล่านี้มันจะช่วยบอกถึง “โอกาส” ของประเทศไทย หรือ ญี่ปุ่น ประชากร 1.9 % ของโลก แต่บริโภคถึง 8.47% ของจีดีพี ไม่ต้องพูดถึงประเทศจีน ที่ตอนนี้จีดีพีเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น จีนมีประชากรถึง 20 % ของโลกแต่บริโภคเพียง 8.17 % ลองดูตารางข้างล่างก็จะเห็นว่าอนาคตเราควรค้าขายกับประเทศใดครับพี่น้อง
สหรัฐอเมริกา ประชากร 603 ล้านคน คิดเป็น 4.5% จีดีพี 14.40 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น25%
ญี่ปุ่น ประชากร127 ล้านคน คิดเป็น 1.9% จีดีพี 5.08 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น8.47%
จีน ประชากร 1,350 ล้านคน คิดเห็น 20% จีดีพี 4.90 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น 8.17%
อินเดีย ประชากร 1,150 ล้านคน คิดเป็น 17% จีดีพี 1.60 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น2.67%
อาเซียน ประชากร 580 ล้านคน คิดเป็น 9% จีดีพี 1.60 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น 2.67%
แสดงว่า จีน อินเดีย และ อาเซียน มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจในอัตราก้าวหน้า หากมองเฉพาะประเด็นสัดส่วนประชากรของโลก เมื่อเทียบกับจีดีพีโลก
ถ้าหากมาดูเฉพาะอาเซียนเจาะเป็นรายประเทศแล้วตามตารางนี้ ก็จะเห็นโอกาสว่าอยู่ที่ประเทศ อินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม เพราะว่า อินโดนีเซียมีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลกแต่จีดีพีน้อยมากแถมยังมีทรัพยากรธรรมชาติมากมายที่ยังไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มอย่างเพียงพอ พม่าก็เช่นกันแม้ประชากรไม่มากแต่ว่าทรัพยากรล้นเหลือแถมไม่นานมานี้เปิดประเทศมากขึ้นจนหลายคนกลัวว่าแรงงานพม่าจะขาดแคลนในประเทศไทยเพราะถ้าหากพม่าพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีคนก็ไม่ต้องดิ้นรนไปทำงานนอกประเทศ และหากดำเนินการทางการเมืองในเรื่องชนกลุ่มน้อยได้อย่างเรียบร้อยแล้วรับรองว่าพม่าติดจรวดแน่นอน แล้วเวียดนามมีอุปนิสัยที่ขยันขันแข่งหนักเอาเบาสู้ และแนวทางค้าขายคล้ายคนจีนทำให้บ้านเมืองเขาจะพัฒนาเร็วเช่นเดียวกันครับถ้าไม่มีสงครามเมื่อสามสิบปีก่อนป่านนี้นำไทยไปหลายช่วงตัวเลยครับ
Brunei ประชากร 0.396 ล้านคน จีดีพี 12,317 ล้านเหรียญ
Cambodia ประชากร 14.47 ล้านคน จีดีพี 8,662 ล้านเหรียญ
Indonesia ประชากร 224.90ล้านคน จีดีพี 431,717 ล้านเหรียญ
Lao ประชากร 5.60ล้านคน จีดีพี 4,128 ล้านเหรียญ
Malaysia ประชากร 27.17 ล้านคน จีดีพี 186,960 ล้านเหรียญ
Myanmar ประชากร 58.60 ล้านคน จีดีพี 12,632 ล้านเหรียญ
Philippines ประชากร 88.87 ล้านคน จีดีพี 146,894 ล้านเหรียญ
Singapore ประชากร 4.58 ล้านคน จีดีพี 161,546 ล้านเหรียญ
Thailand ประชากร 65.69 ล้านคน จีดีพี 245,701 ล้านเหรียญ
Viet Nam ประชากร 85.20 ล้านคน จีดีพี 71,292 ล้านเหรียญ
อัตราส่วน จีดีพี ไทย ต่อโลก 0.45%
อัตราส่วนการส่งออก ไทย ต่อโลก 1.1 %
อัตราส่วนประชากรไทย ต่อโลก ประมาณ 1.%
ถ้าคิดแบบบัญญัติไตรยางศ์ก็แสดงว่าจีดีพีไทยจะโตได้อีก 0.55 % แต่ถ้าคนไทยบริโภคเหมือนกับสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วนประชากร 4.5 % ของโลก แต่บริโภค ถึง 25% ของ จีดีพีโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องให้บริโภคแบบไม่ลืมหูลืมตา จนลืม “เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงเรานะครับ เป็นแต่เพียงตัวเลขต่างๆเหล่านี้มันจะช่วยบอกถึง “โอกาส” ของประเทศไทย หรือ ญี่ปุ่น ประชากร 1.9 % ของโลก แต่บริโภคถึง 8.47% ของจีดีพี ไม่ต้องพูดถึงประเทศจีน ที่ตอนนี้จีดีพีเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น จีนมีประชากรถึง 20 % ของโลกแต่บริโภคเพียง 8.17 % ลองดูตารางข้างล่างก็จะเห็นว่าอนาคตเราควรค้าขายกับประเทศใดครับพี่น้อง
สหรัฐอเมริกา ประชากร 603 ล้านคน คิดเป็น 4.5% จีดีพี 14.40 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น25%
ญี่ปุ่น ประชากร127 ล้านคน คิดเป็น 1.9% จีดีพี 5.08 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น8.47%
จีน ประชากร 1,350 ล้านคน คิดเห็น 20% จีดีพี 4.90 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น 8.17%
อินเดีย ประชากร 1,150 ล้านคน คิดเป็น 17% จีดีพี 1.60 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น2.67%
อาเซียน ประชากร 580 ล้านคน คิดเป็น 9% จีดีพี 1.60 ล้านๆเหรียญ คิดเป็น 2.67%
แสดงว่า จีน อินเดีย และ อาเซียน มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจในอัตราก้าวหน้า หากมองเฉพาะประเด็นสัดส่วนประชากรของโลก เมื่อเทียบกับจีดีพีโลก
ถ้าหากมาดูเฉพาะอาเซียนเจาะเป็นรายประเทศแล้วตามตารางนี้ ก็จะเห็นโอกาสว่าอยู่ที่ประเทศ อินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม เพราะว่า อินโดนีเซียมีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลกแต่จีดีพีน้อยมากแถมยังมีทรัพยากรธรรมชาติมากมายที่ยังไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มอย่างเพียงพอ พม่าก็เช่นกันแม้ประชากรไม่มากแต่ว่าทรัพยากรล้นเหลือแถมไม่นานมานี้เปิดประเทศมากขึ้นจนหลายคนกลัวว่าแรงงานพม่าจะขาดแคลนในประเทศไทยเพราะถ้าหากพม่าพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีคนก็ไม่ต้องดิ้นรนไปทำงานนอกประเทศ และหากดำเนินการทางการเมืองในเรื่องชนกลุ่มน้อยได้อย่างเรียบร้อยแล้วรับรองว่าพม่าติดจรวดแน่นอน แล้วเวียดนามมีอุปนิสัยที่ขยันขันแข่งหนักเอาเบาสู้ และแนวทางค้าขายคล้ายคนจีนทำให้บ้านเมืองเขาจะพัฒนาเร็วเช่นเดียวกันครับถ้าไม่มีสงครามเมื่อสามสิบปีก่อนป่านนี้นำไทยไปหลายช่วงตัวเลยครับ
Brunei ประชากร 0.396 ล้านคน จีดีพี 12,317 ล้านเหรียญ
Cambodia ประชากร 14.47 ล้านคน จีดีพี 8,662 ล้านเหรียญ
Indonesia ประชากร 224.90ล้านคน จีดีพี 431,717 ล้านเหรียญ
Lao ประชากร 5.60ล้านคน จีดีพี 4,128 ล้านเหรียญ
Malaysia ประชากร 27.17 ล้านคน จีดีพี 186,960 ล้านเหรียญ
Myanmar ประชากร 58.60 ล้านคน จีดีพี 12,632 ล้านเหรียญ
Philippines ประชากร 88.87 ล้านคน จีดีพี 146,894 ล้านเหรียญ
Singapore ประชากร 4.58 ล้านคน จีดีพี 161,546 ล้านเหรียญ
Thailand ประชากร 65.69 ล้านคน จีดีพี 245,701 ล้านเหรียญ
Viet Nam ประชากร 85.20 ล้านคน จีดีพี 71,292 ล้านเหรียญ