ก็เหมือนเช่นเคยที่เทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยที่นับว่าเป็นเทศกาลที่น่าจะมีเงินหมุนเวียนมากที่สุดเทศกาลหนึ่ง เพราะมีวันหยุดยาวและผู้คนเดินทางกลับไปเยี่ยมบุพการีและเป้นวันครอบครัว
แต่ก็อีกเช่นกันจะเป็นเทสกาลที่มีคนตายหรือประสบอุบัติเหตุจากการเดินทางทางรถยนต์มากที่สุด ทุกปีมีคนตายประมาณ 300 คนเศษซึ่งปี 2557
นี้ก็มีคนตาย 300 คนเศษเช่นเดิม
เป็นปัญหาซ้ำซากที่ไม่สามารถแก้ได้เลยหรือ ?? จากปี 2550 เป็นต้นมามีเพียง ปี 2554
เท่านั้นที่คนตายน้อยกว่า 300 คน
เดิมคาดการณ์กันว่านักท่องเที่ยวที่จะมาช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้คงจะลดน้อยลงอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ทางการเมืองในบ้านเรา นี่ดีที่เหตุการณ์ทุเลาลงบ้างเลยทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยกันอย่างคึกคัก แถมยังมากกว่าปี 2556 และมีเงินหมุนเวียนประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
และในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้อีกเช่นกันสินค้าหลายๆตัวก็จะทำการส่งเสริมการตลาด ส่งเสริมการขาย
เพราะเทศกาลเป็นช่วงแห่งความคึกคักและสร้างอารมณ์ให้ผู้คนได้จับจ่ายใช้สอย เรียกง่ายๆว่าทำให้มีอารมณ์ซื้อของว่างั้น >>>>>>> เพราะเมื่อมีการเดินทางเกิดขึ้นก็จะเกิดการจับจ่ายใช้สอย ประมาณการกันว่าจะมีคนไทยเดินทางถึง 4 ล้านคน ยิ่งเป็นการเดินทางระยะเวลาหลายๆวันแล้วการจับจ่ายใช้สอยก็ยี่งมากขึ้นตามจำนวนวันนั่นเอง ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวทั้งหลาย รวมถึงศูนย์การค้า การคมนาคมขนส่ง
ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ต้องมุ่งเน้นการแสวงหายอดขายในช่วงนี้กันอย่างสุดขั้ว เพราะเวลามันผ่านมาแล้วมันผ่านไปและต้องรอไปอีกปีหนึ่งทเศกาลนี้ถึงกลับมาอีกครั้ง
ช่วงสงกรานต์ก็จะมีสินค้าที่เป็นคู่กัดกันตลอดกาลและจะขายดีช่วงเทศกาลนี้ เพราะมันเป็นฤดูร้อนที่ทุกคนต้องหิวกระหาย ยิ่งอยู่นอกบ้านแล้วอากาสร้อนมากๆเช่นนี้ยิ่งทำให้กระหายน้ำดื่มเป็นอย่างแรง
....... “น้ำดำ”
ซึ่งแต่ก่อนมีคู่กันอภิมหาอมตนิรันดร์กาลอยู่เพียงคู่เดียว คือ
โค้ก กับ เป็บซี่ ปีนี้ได้ตัวเสริมที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นน้องใหม่ไฟแรงแซงด้วยช่องทางการจัดจำหน่าย อย่าง “เอส” มาเป็นตัวกระตุ้นตลาดด้วยแล้วทำให้ตลาดคึกคักเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นตลาดที่หอมหวลมูลค่าถึง 45,000 ล้านบาทนะจะบอกให้.....
“เอส” ที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “EST” ที่หากเอา EST ไปต่อท้ายตัวใดแล้วมันหมายถึง ที่สุด เช่น COOLEST BIGGEST BEST
TALLEST เป็นต้น
แถมออกเสียงเป็น เอส
ที่เป็นอักษรแรกของบริษัทเสริมสุขอีกเสียด้วย
ได้ทุ่มงบประมาณทุ่มเงินในช่วงเทศกาลนี้ถึง 30 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งปีที่ 300 ล้านบาท โดยสามารถแทรกตัวเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของการจัดงานสงกรานต์ที่
ถนนข้าวสาร ในกรุงเทพมหานคร โดยแย่งการเป็นผู้สนับสนุนหลักมาจากโค้ก
ถนนข้าวเหนียว ในขอนแก่น
งานสงกรานต์พัทยา
งานสกรานต์อุดรธานี
งานสงกรานต์จันทบุรี
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการแข่งขัน
ระหว่าง โค้ก กับ เป็บซี่
ไปเป็นโค้ก กับ เอส
แทนอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ถ้าหากว่าไม่มีตลาดโมเดิ้นเทรดแล้วป่านนี้เป็บซี่อาจจะต้องเก็บของกลับบ้านไปแล้ว เพราะสูญเสียตลาดในส่วนต่างจังหวัด และตลาดร้านอาหารตามสั่ง หรือร้านอาหารทั่วๆไป ซึ่งเป็นตลาดขวดแก้วให้กับทั้งโค้ก
และเอสไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา
จนเป็บซี่ ต้องออกกลยุทธเรื่องขนาดโดยมีกระป๋องสลิม ขวด PET
มาแต่ก็เอาไม่อยู่เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เป็บซี่ขาดก็คือ ขวดแก้ว
และ การกระจายสินค้าสู่ตลาดที่เรียกว่า
เทรดดิชั่นแนล (ตลาดดั้งเดิม เช่น
ร้านอาหารตามสั่ง ร้านค้าทั่วไป ตู้แช่
ร้านกาแฟข้างถนน ร้านส้มตำ
ฯลฯ) ที่เป็นตลาดส่วนใหญ่ ของน้ำดำ
แล้วสงกรานต์นี้ทำให้ผมสงสัยว่าเรามีถนนตระกูลข้าวอยู่ที่ไหนบ้าง พอไปค้นหาก็พบว่ามีมากมายดังนี้ ถนนข้าวหอมมะลิ ร้อยเอ็ด
/ ถนนข้าวเม่า มหาสารคาม / ถนนข้าสังข์หยด พัทลุง /
ถนนข้าวโพด ชัยนาท / ถนนข้าวต้ม
นครนายก / ถนนข้าวแดง ตาก /
ถนนข้าวเหนียวทุเรียน จันทบุรี
.............น่าจะมีถนนข้าว....อื่นๆอีกใครตอบได้ช่วยบอกทีเถอะ @@ อนาคตคงมีออกมาเรื่อยๆ ถนนข้าวมันไก่ ถนนข้าวหมูแดง แน่ๆ.......แต่มีสินค้าตัวหนึ่งออกแคมเปญมาช่วงสงกรานต์ ขอบอกว่าเมพมากๆ “กล้องวงจรปิด” ไว้จับ / ปราม ขโมยก็ยังมาตักตวงยอดขายจากเทศกาลสงกรานต์กะเขาเหมือนกัน เรียกว่าไม่ให้หลุดเทรนด เพราะช่วงสงกรานต์ฝากบ้านไว้กะตำรวจแถมมีวงจรปิดเป็นตัวเสริมก็ดีมิใช่น้อย