วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

“ดิจิตอบอีโคโนมี ดีมั๊ยเอ่ย??”




                           



          และแล้วกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  หรือกระทรวงไอซีทีก็ได้รับการอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรีให้เปลี่ยนชื่อเป็น  “กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม”  นับเป็นก้าวที่ตอบโจทย์ดิจิตอลอีโคโนมีที่ทางรัฐบาลลุงตู่ได้ประกาศไว้เมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว  ซึ่งถ้าเปลี่ยนแต่ชื่อแต่วิธีคิดไม่เปลี่ยนการปฎิบัติไม่เปลี่ยนก็คงไม่มีความหมายอะไร   ก่อนอื่นเรามาดูคำจำกัดความว่ามันหมายถึงอะไรหากสรุปง่ายๆสั้นๆก็คือ  “เศรษฐกิจที่ใช้เครื่องมือทางดิจิตอลเพื่อเพิ่ม  ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล  และสร้างมูลค่าเพิ่ม”   ง่ายๆสั้นๆ แต่ขยายความได้เป็นกิโลเพราะเราคงไม่สามารถเป็นผู้ส่งออกข้าว  ยางพารา  สินค้าเกษตร(ไม่แปรรูป)  และครองแชมป์ได้อย่างแต่ก่อนเพราะว่าโครงสร้างต้นทุนเราสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้  ไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร เมียนมาร์ เวียดนาม  รวมทั้ง ประเทศในเอเชียใต้ในเรื่องของสิ่งทอ รองเท้า ฯลฯ 

                                มีทางเดียวที่เราจะอยู่รอดได้คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไม่ว่าจะเป็น  เกษตรแปรรูป  ซึ่งหมายถึงเอาผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า  ไม่ใช่ขายแต่ไข่  ขายเนื้อไก่ เนื้อกุ้งแช่แข็ง  อย่างนี้อีกไม่เกิน 10 ปีจอดไม่ต้องแจว   หรือการสร้างสินค้าทีมีนวตกรรม  ซึ่งผมได้เคยเขียนไว้ในเรื่อง   3IN WIN  ทุกสนามแล้วนะครับว่าเราจะทำอย่างไรให้ชนะในการแข่งขันในโลกการค้านี้    หลังจากนั้นก็ทราบข่าวดีมาว่ารัฐได้มีข้อสรุปกับหน่วยงานที่มีไฟเบอร์ออพติค  คือ  กสท  ทศท  เอไอเอส ทรู ดีแทค  ทั้ง 5 ยอมร่วมมือกันในการรวมโครงข่ายเข้าด้วยกัน  ด้วยการแปลงทรัพย์สินเป็นหุ้น  คือเป็นผู้ถือหุ้นในโครงข่ายอินเตอร์เน็ต  แล้วหน่วยงานใดมาใช้ก็จ่ายเงินค่าใช้ตามปริมาณอะไรประมาณนี้   นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ฮาร์ดแวร์  (ไม่รู้ว่าราชบัณฑิตจะให้ผมแก้เป็น  หนักภัณฑ์ เหมือนโรฮิงจา หรือเปล่า 555 )  ได้มารวมศูนย์กันเป็นการช่วยชาติประหยัดเงินตราในการที่แต่ละค่ายต้องใช้เงินขยายเครือข่ายกันเอง   เรื่องเสาโทรศัพท์มือถือก็เหมือนกันผมเคยพูดในหลายเวทีว่าทำไม่ไม่รวมกัน  ประหยัดเงินตราต่างประเทศ (เพราะเราต้องนำเข้าทั้งหมด)  ซึ่งอย่างแรกเรยจะทำให้ต้นทุนในการใช้อินเตอร์เน็ตลดลงเป็นอย่างมากนั่นเอง  โดยสอดรับกับแนวคิด “ถูก  ดี  มีทั่วถึง”

                                ต่อจากนี้ก็เหลือซอฟแวร์แล้วหละครับว่าเราจะมีวิธีการดำเนินกิจกรรม  กันอย่างไรให้เกิดมรรคผลจากฮาร์ดแวร์ที่มี   มันเหมือนกับมีเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แล้วเราเอามาใช้งานแค่  เล่นเฟสบุค  ดูหนัง ฟังเพลง  เข้ายูทูป  มันก็ไม่เกิดมรรคผลเท่าที่ควร ชิมิ .................สิ่งที่ต้องสานต่อคือซอฟแวร์ต่างๆ  หรือ ทิศทางการดำเนินงานให้เกิดมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าไทย  หรือนำเอาสิ่งที่มีอยู่มาเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการบริหารกิจการ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต  การตลาด  การจัดการ  การแสวงหาลุกค้า  การบริหารข้อมูล  ฯลฯ  จนสามารถเป็น E-GOVERNMENT

E-FINANCE     E-MARKETING    หรือการส่งเสริมให้มีการศึกษาทางด้านดิจิตอล  และความคิดสร้างสรรค์กันอย่างกว้างขวาง  ทราบมาว่าทางกันตนามีการสอนเรื่องอานิเมชั่น  รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆก็มีการเรียนการสอน   ในเรื่องของคอมพิวเตอร์กราฟฟิคกันอยู่ไม่น้อย   แต่สุดท้ายที่ต้องฝากไว้คือทำอย่างไรงานที่ออกมามันมีความคิดสร้างสรรค์และสร้างมูลค่าเพิ่มได้นั่นเอง     คล้ายกับเรามีนักคอมพิวเตอร์ที่เก่งกาจสามารถเขียนโปรแกรมได้ทุกอย่างแต่สิ่งที่เขียนมาไม่สอดรับกับความต้องการของลูกค้า  หรือเรียกว่ามันไม่โดน  ก็ไลฟ์บอย  ชิมิ....

                                ก็เรยอยากจะฝาก  3D  และ  5 ช.  ไว้ให้เป็นแนวคิดสำหรับ  “เศรษฐกิจดิจิตอล”ดังนี้

1.DIGITAL COMMERCE     เรื่องนี้เราเริ่มกันมาพอสมควรแล้วสำหรับการนำอินเตอร์เน็ตมาใฃ้ในธุรกิจ  ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล  ขายสินค้า  สื่อสารกับคู่ค่า ฯลฯ

2.DIGITAL  CREATIVE    สิ่งที่จะนำเสนอต้องสร้างสรรค์  และโดยใจคู่ค้า  ตลาด   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  สินค้าทางด้านบันเทิง  ศิลปะ 

3.DIGITAL VALUE CREATION  เป็นการเอาเทคโนโลยี่มาสนับสนุน  เสริมสร้าง ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม   เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  การขาย  การขนส่ง  การปฏิบัติงาน ลดต้นทุน  เพิ่มความพึงพอใจลูกค้า / คู่ค้า / พันธมิตรทางธุรกิจ  และการบูรณาการข้อมูลต่างๆ




                                ข้อมูลสำหรับคนไทยในปี 2558  ประชากรมีทั้งหมด 67 ล้านคน  แต่มีเบอร์มือถือจดทะเบียน 94 ล้านเบอร์  ในจำนวนนี้ ใช้อินเตอร์เน็ต  44 ล้านเบอร์  และเป็นสมาร์ทโฟนเซีย  29 ล้านเบอร์  อุแม่เจ้าอีกไม่นานก็จะครบ 100 ล้าน  แต่พอดูว่าสมาทโฟนคนไทยใช้ทำอะไร   79  ใช้แชต (ว่าไม่ได้ต้องแชต)   57%   อ่านข่าว( อันนี้ต้องไปดูเชิงลึกดูข่าวซ้อเจ็ดหรือข่าวอะไร)  56% ใช้หาข้อมูล (ต้องดูเชิงลึกอีกว่า หารูปโป๊ ป่าว 555)    พอจะสรุปได้ว่านิสัยคนไทย มี 5 ช



ชม  เช็ค  แชร์  โชว์  ช้อป

ซึ่งอันหลังนี้และจะทำให้เศรษฐกิจดิจิตอลเกิดได้   ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...