ห่างหายจากการเขียนบทความไปหลายวันแล้วช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีโอกาสเดินทางไปเยือนต่างประเทศ
3 ประเทศ คือ “ตุรกี อินโดนีเซีย
และ มาเลชเซีย
ที่บังเอิญเป็นประเทศที่นับถือศาสนามุสลิมเป็นหลักก็เลยจะขอเขียนแบบเหมาๆรวมสามประเทศ
ที่นับถือศาสนามุสลิมเป็นหลักเดียวกันแต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายๆประการ ปัจจุบันประชากรของโลกมีอยู่ ประมาณ 7,125 ล้านคน
(วิกิพีเดีย) โดยนับถือศาสนาอิสลามประมาณ
1,300 ล้านคน คิดเป็น 18% เศษ แต่จากการประมาณการจากอัตราการเติบโตของผู้นับถือศาสนาต่างๆแล้วคาดการณ์ว่าในปี 2593 หรืออีก 34 ปีข้างหน้า ผู้นับถือศาสนาอิสลามจะมีอยู่ถึง 2,760
ล้านคนหรือคิดเป็นถึง 29.7% (http://www.oknation.net/blog/health2you/2015/04/13/entry-1) ทั้งนี้อันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ
หลายประการ
นี่คือแนวโน้มของประชากรของโลก
ซึ่งประเทศที่ผมเดินทางไปในเดือนมีนาคมทั้งสามประเทศเป็นมุสลิมทั้งสิ้น เชื่อได้ว่าโลกในอีก ยี่สิบปีข้างหน้ามุสลิมจะครองโลกใครคิดจะทำสินค้าขายคงต้องลองศึกษาวิถีชีวิตของชาวมุสลิมไว้ก็คงจะดีไม่น้อย
ต้นเดือนเดือนทางไป
“ตุรกี” เพื่อไปร่วมดูงานแสดงสินค้า เคมีภัณฑ์และสีย้อมสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ เดินทาไปเพื่อดูโอกาสและจำนวนผู้เข้าร่วมชมงานว่าสมควรหรือไม่ในอนาคตที่จะไปเปิดบู้ทแสดงสินค้าเพราะว่าที่บริษัทส่งออกสินค้าสีพิมพ์ผ้าไปยังหลายประเทศใน
เอเชีย แต่ยังไม่ตลาดในตุรกี
(ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก)
รวมทั้งตลาดในอิหร่าน
อดีตสหภาพโซเวียต และ อัฟริกา
รวมทั้งยุโรป
จึงจะหาลู่ทางในการเปิดตลาดสินค้าดังกล่าวข้างต้น
การเดินทางครั้งนี้เดินทางด้วยสายการบินเทอร์คิชแอร์ไลน์ ซึ่งเต็ม
เต็ม เต็ม โดยที่ผมมีโอกาสเดินทางด้วยสายการบินนี้สามครั้งรวมครั้งนี้ เดินทางเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้ง และ เดินทางไปอิสตันบุล 2
ครั้งทุกครั้งเต็มตลอด ก็เลยให้เป็นคำถามว่าแล้วทำไมการบินไทยไม่บินไปอิสตันบุล
แต่ดันเปิดเส้นทางบินที่บินแล้วขาดทุนที่ในภายหลังงดเที่ยวบินขาดทุนไปหลายเที่ยวบิน
ซึ่งกว่าจะรู้สึกตัวก็ทำให้ขาดทุนมาหลายปีจนต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่
สองสามปีที่ผ่านมา
(ยังมีอีกจุดหนึ่งคือ เวียนนา
สายนี้ก็เต็มตลอดแต่การบินไทยไม่บิน
สงสัยกลัวกำไร)
เดินทางกลางคืนไม่น่าเชื่อว่าแม้ในชั้นอีโคโนมี่ก็ยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำแจกเป็นกระเป๋าเล็กๆ
แต่อินเทรนเป็นลายแบทแมนซุปเปอร์แมนภาพยนต์ที่จะเข้าฉายในเร็วๆนี้ แน่นอนของในกระเป๋ามีแค่แปรงสีฟัน ผ้าปิดตา
และถุงเท้า
ซึ่งมิอาจเทียบเท่าชั้นบิสิเนสคลาสที่ของเพียบและแบรนด์เนม แต่มันบ่งบอกถึงความใส่ใจในผู้โดยสารว่ามีความจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านั้นเพราะเดินทางกลางคืนเข้าต้องแปรงฟันก่อนทานอาหารเข้าบนเครื่อง ชิมิ ชิมิ......... การบินไทย
แม้เดินทางกลางคืนในบางเส้นทาง
เธอยังไม่แจกเรยแม้จะนั่งบิสิเนสคลาสที่เจอมากับตัวเองก็คือ สายกรุงเทพ
โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เพราะว่าเดินทางถึงที่โคลัมโบเวลาเที่ยงคืน
คงคิดว่าไม่จำเป็นมั้ง.............ต้องเหลียวมองคู่แข่งแล้วว่าทำอะไรกันบ้าง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องราคาค่าโดยสารที่การบินไทยแพงสุดๆนั่นเอง
แม้ระยะนี้พยายามปรับราคาลงมามากแต่ก็ยังแพงกว่าคู่แข่งขันอยู่ดี ดังนั้นต้องไปแสวงหาว่าถ้าผู้โดยสารจ่ายแพงขึ้นจะเพิ่มคุณค่าให้กับผู้โดยสารได้อย่างไร
อันนึ้คิดหนักและต้องถามจากผู้โดยสารไม่ใช่นึกเองเออเองว่าไม่ต้องแจก ไม่ต้องมีก็ได้ ............@@@@
ผมไปตุรกีมาสี่ครั้งสองครั้งแรกจำไม่ได้แล้วว่าปีใดแต่เกิน
20 ปี
ตอนนั้นมีขายสินค้าไปยังตุรกีบ้างก็แวะไปเยี่ยมลูกค้าและศึกษาตลาด ครั้งที่สองที่ไปเขากำลังขุดอุโมงค์ทำรถไฟใต้ดินกันเริ่มต้นแถวบริเวณที่เรียกว่า
“ทัคซิมสแควร์” ประมาณบ้านเราก็
อนุสาวรีย์ชัยหรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั่นแหล
ปีนี้ไปปรากฏว่ามีรถไฟใต้ดินบนดินระบบขนส่งมวลชนที่เรียกได้ว่าเกือบสมบูรณ์แบบ ถ้าจำไม่ผิด
7 สายจากสนามบินสามารถเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ต่างจากแอร์พอร์ทลิ้งคบ้านเราแม้จะมีแต่ไม่เคยเดินตรงเวลา ขัดข้องบ่อย
แถมล่าสุดรถหยุดกลางทางจนคนเป็นลมไปหลายคนเพราะขาดอากาศ
แต่อย่างไรก็ตามตุรกีเป็นประเทศที่อยู่ทั้งฝั่งยุโรปและเอเชียโดยมีช่องแคบบอสฟอรัสกั้นกลาง ก็เลยทำให้บริเวณสถานี้
หรือแม้แต่ทักซิมสแควร์เองซึ่งน่าจะได้รับการดูแลให้สวยงามสะอาด ฯลฯ
ก็กลับสกปรก
บางจุดสร้างเหมือนไม่เสร็จ
หรือการดูแลซ่อมบำรุงรักษา ขาดๆเกินๆไปไม่เจริญหูเจริญตาเหมือนในยุโรป
ใครนึกไม่ออกก็นึกว่าคล้ายกับเมืองจีนที่ดูเหมือนสร้างได้ยิ่งใหญ่อลังการ์
แต่พอถึงจุดหนึ่งขาดการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงให้สวยงามสมค่ากับที่ลงทุนไป
อีกประการหนึ่งระบบการประชาสัมพันธ์หรือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบขนส่งมวลชน ป้ายบอกทางเข้าออก ฯลฯ ไม่เนียนเหมือนสิงค์โปร
ถ้าใครไปสิงค์โปรมีเอกสารอ่านอังกฤษออกรับรองเดินทางในสิงค์โปรฉลุยบอกได้เลยว่าขึ้นประตูไหนต่อรถสายอะไร ฯลฯ
ซึ่งในตุรกีมีเหมือนไม่มีบัตรอีเลคโทรนิคสามารถขึ้นรถขนส่งมวลชนได้ทุกประเภทแต่ข้อมูลการต่อรถต่างๆ งง ครับพี่น้อง
ครั้งที่สามไปในฐานะนักท่องเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเด็กๆเราเคยเรียนความรุ่งเรืองของอาณาจักรอานาโตเลีย ก็ที่ตุรกีนี้แหละครับมีสิ่งให้น่าท่องเที่ยวมากมาๆ
จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับผู้อพยพก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายก็คือจำนวนระเบิดที่เพิ่มขึ้นอย่าต่อเนื่องก่อนเดินทางสองวันมีระเบิดลงที่ เมืองอัการาที่เป็นเมืองหลวง ผมกลับมาได้ 7 วัน ระเบิดลงที่ จตุรัสทักซิม
ที่ผมไปมา......ทำให้รู้สึกเสียวๆยังไงชอบกล....แถมยิ่งมีระเบิดลูกใหญ่ลงที่ บรัสเซล
แถมในสนามบินนานาชาติด้วย
ทำให้รู้สึกว่าต้องรีบเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปให้มากๆเพราะอนาคตยุโรปคงไม่ปลอดภัยแน่ ปารีส
บรัสเซล และแม้แต่ 911 ในอเมริกา
คงเป็นสัญญาณบอกเราได้เป็นอย่างดีว่า
“ชีวิตสั้นนัก “.....................อยากทำอะไรก็รีบเถอะโยม...........!!!!!!!!