วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

“สร้างภาพ ? ”



                 



            เมื่อสัปดาห์ก่อนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้มาเยือนประเทศเวียดนามโดยบินข้ามหัวประเทศไทยไปเยือนเวียดนาม  อันนี้ไม่แปลกเพราะสหรัฐเค้าประเทศประชาธิปไตยจ๋า  เวลาประเทศใดมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็มักจะตั้งแง่รังเกียจ  และไม่เยี่ยมเยียนอย่างเป็นทางการหรือเรียกว่าปรับระดับ(ไม่ได้ลด) ความสัมพันธ์รอจนกว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง   ก็ว่ากันไปเอาที่สบายใจก็แล้วกันนะ   แต่ที่น่าสนใจคือการเยี่ยมเยียนครั้งนี้มีสัญญาณหลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่รบกันแทบตามเมื่อหลายสิบปีก่อน  กลับมาจูบปากกันได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ  ที่สำคัญมีภาพๆหนึ่งที่ออกมาทั้งในสื่อทีวี และ หนังสือพิมพ์  คือโอบามาไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเฝอในร้านแบบบ้านๆธรรมดาเรียกว่าห้องแถว  อันนี้ไม่แปลกเท่าใด  คลินตันก็เคยไปกินมาเดิมผมนึกว่าร้านเดียวกันกับที่ผมเคยไปนั่งกินและโต๊ะเดียวกันเรย  เพราะว่าทางร้านเขาถ่ายรูปไว้เป็นการประชาสัมพันธ์ร้า  ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมถนนตรงตลาดบินถัน  ที่นักช้อปไทยรู้จักกันดีนั่นเอง    
          ที่แตกต่างกันไปคือไปนั่งกินแบบเดียวกับชาวบ้าน  โดยมีชาวบ้านทั่วไปมานั่งกินกันตามปกติ  เรียกว่าไม่ใช่ปิดร้านและปิดถนนอีก หลายกิโลเมตรเพื่อรักษาความปลอดภัย  เพราะว่าประธานธิบดีสหรัฐนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเวลาเดินทางไปต่างประเทศจะมีกองกำลังรักษาความปลอดภัยของตนเอง  รถหุ้มเกราะ เครื่องบินแอร์ฟอร์สวัน  ฯลฯ   แต่นี่เล่นไปนั่งกลางตลาดกับชาวบ้าน  กินแบบชาวบ้าน  แค่มี รปภ คุ้มกันนิดหน่อย (เมื่อเทียบกับปกติ) 
          สร้างภาพแน่นอน  แต่วัตถุประสงค์ละครับจะสื่อถึงอะไร  จะบอกอะไรกับชาวเวียดนามและชาวโลก ?????    อยากจะบอกว่าฉันรักเธอนะ  ฉันไม่เคยทำอย่างนี้กับประเทศใดมาก่อนเรยนะ หรือฉันขอโทษนะที่เคยมาบอมบ์เธอเมื่อหลายสิบปีก่อน  น่าจะเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของอเมริกา
          สินค้า และ บริการ ละครับ....................ต้องสร้างภาพหรือไม่ .........แน่นอนต้องสร้างภาพที่ภาษาทางการบริหารการตลาดเรียกว่า  ประชาสัมพันธ์ (PUBLIC RELATION )  ซึ่งหมายถึงการสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมายเพื่อให้  ชม  ชอบ  ใช้  ช่วย  แชร์ (สำหรับคนรุ่นใหม่ใช้สื่อโซเชียล  มนุษย์ลุงมนุษย์ป้า  บ่ ฮู้จัก)   ซึ่งก็ต้องมีดีให้ชม  ชอบ ใช้ ช่วย และ แชร์   เช่นคุณตัน เจ้าพ่ออิชิตัน  ภาพที่แกใส่หมวกไปไหนมาไหน  ก็เป็นการสร้างภาพให้คนได้จดจำในตัวแก บุคลิค และถ่ายโอนภาพนั้นไปยังสินค้าอิชิตันนั่นเอง      มีเส้นบางเล็กๆระหว่างโฆษณากับประชาสัมพันธ์ที่นักศึกษาถามผมบ่อยๆว่ามันต่างกันอย่างไร   ผมสรุปง่ายว่า  “โฆษณาใช้เงินสื่อ (สื่อ / เวลา )  แต่ ประชาสัมพันธ์ใช้เงินสร้าง (เพื่อให้สื่อนำไปเผยแพร่) “  ซึ่งการประชาสัมพันธ์นั้นนับวันจะมีบทบาทมากขึ้น  เพราะผู้บริโภคฉลาดขึ้นไม่เชื่อสื่อโฆษณาแบบฮาร์ดคอร์เต็มๆ  ลดแลกแจกแถมแบบถล่มทลาย  แต่มักให้ความสนใจในสื่อประชาสัมพันธ์มากขึ้น  รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆซึ่งก็จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง  เช่น  อุปกรณ์กีฬา เป็นผู้สนับสนุนการเดิน / วิ่ง ไม่ว่าจะการกุศลหรือไม่  แต่คนที่มาเป็นคนที่เล่นกีฬาแน่อนอน  ไม่ว่าจะเล่นแบบจริงจังหรือครั้งคราวก็ตาม 
           




                  เร็วๆนี้ผมได้ไปร่วมแข่งวิ่ง(น่าจะเรียกเดือนมากกว่า ..55)  แข่งเสร็จก็มีบูทของสบู่นกแก้ว  มาแจกตัวอย่างขวดเล็กๆสองขวดแต่ต้องไปถ่ายรูปซึ่งมีกรอบประชาสัมพันธ์สินค้าอยู่ด้วย  แน่นอนมีมืออาชีพมาถ่ายเราก็ขอแอ้ปแบ้วถ่ายให้เรย  และต้องนำไปโพสในเฟสบุคหรือสื่อโซเชียลทั้งหลายเป็นแน่แท้  ก็เรียบร้อยโรงเรียนนกแก้วไปเลยเพราะลงทุนแค่  15,000 บาท /  การพิมพ์รูปให้ 500 คนที่มาร่วมงาน แถมคน 2000-3000 คนที่มาร่วมงานได้เห็นสินค้า  คน 500 คนนี้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้นกแก้วแบบฟรีๆ ไป  เนียนมาก  ขอบอก.......................

“ญี่ปุ่นอีกซักครั้ง”



         



           ญี่ปุ่นไปได้ทั้งปีไม่รู้ใครเอ่ยเป็นคนแรก  แต่ผมคนหนึ่งละครับที่ต้องตอบว่า “จริงจ๊ะ”  เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นที่ไปครั้งนี้ก็แบบขำๆ  คือตอบตรงๆว่าไปสะสมไมล์เพื่อรักษาสถานะภาพบัตรทอง  ที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการที่ต้องเสียงเงินเพื่อสะสมให้ครบ คือมีไมล์ใกล้จะครบเพื่อรักษาสถานะบัตรทองเดิมอยู่แล้ว  ไม่ใช่ว่าบินๆไปเรื่อยๆให้ครบไมล์เพื่อได้บัตรทองนะครับ  แถมไปครั้งนี้มีเหตุการณ์พิเศษอยู่สองเหตุการณ์  คือ หนึ่งได้ไปดูวอลเล่ย์บอลคัดเลือกไปโอลิมปิคคู่ไทยแข่งกับคาซัคสถาน  แถมมีบัตรคู่ไทยแข่งกับเกาหลีไต้แต่ไม่ได้อยู่ดูเพราะเวลาไม่พอต้องบินกลับตอนเที่ยง  ต้องขอขอบคุณ ดร.ชัย  นิมากร  อุปนายกสมาคมวอลเล่ย์บอลที่ช่วยอนุเคราะห์บัตรคับ   ผลการแข่งขันคงไม่ต้องพูดถึงแค่บอกว่า “พวกเธออยู่ในใจลุงป้าน้าอาพี่น้องคนไทยแม้ว่าจะไม่ได้ไปโอลิมปิคก็ตามที   เธอเหล่านั้นได้ใจคนไทยทั้งประเทศไปครองอย่างหมดหัวใจแว้วววว.......
          ประการที่สองคือเป็นการเดินทางไปญึ่ปุ่นที่เรียกได้ว่า   ไปคนเดียวไม่มีใครมารับ ไม่ได้ไปกับทัวร์  ไม่มีคู่ค้า  เพื่อน มาจอยเลย   ทุกอย่างต้องดำเนินการเองทั้งตั๋วเครื่องบิน  โรงแรม (อันนี้ไม่ยากเพราะทำเป็นประจำเกือบทุกเดือนอยู่แล้ว)   แต่ที่พิเศษคือการเดินทางในญี่ปุ่น  และ  จัดทริปท่องเที่ยวเอง    แม้จะเคยไปทริปเองในหลายๆประเทศมาแล้วก็ตาม  แต่ญี่ปุ่นนี่ขอบอกว่าเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟไต้ดิน หรือ บนดิน ก็ตาม   เพราะมันสะดวกมาก  มีมากจนงง ไปหมด  ระบบการเดินรถ หรือ การดูแผนผัง  รถไฟก็ไม่ยากใช้หลักคิดและวิธีการคล้ายกันกับประเทศอื่นๆ    แต่ที่งง  ซุปเปอร์งง  ก็คือทางออกครับ   พอดีไปพักในบริเวณสถานีรถไฟชินจูกุ  ซึ่งสถานนี้ผมเชื่อว่าเป็นสถานีที่น่าจะใหญ่สุดในโตเกียวนะครับ  มีหลายสถานีที่ชื่อ ขึ้นต้นหรือลงท้าย ชินจูกุ อยู่ติดต่อกัน(ทางใต้ดิน)   มีทางออกหลายทางมากมายผมเดาๆว่าน่าจะกว่า  40 ทางออก  เพราะใต้ดินมันเชื่อมถึงกันหมดเลย  ขาลงไม่มีปัญหา  ลงตรงใดก็ดูป้ายสถานีหรือระบบรถที่เราจะใช้บริการ  แต่ตรงขาออกนี่งงมาก  ทุกรอบออกไม่ตรงกับทางที่เข้าเลยซักครั้งหนึ่ง   แต่ก็อาศัยอาจารย์กูเกิ้ล และอาจารย์ปาก  พาไปยังที่พักได้อย่างปลอดภัย    ในญี่ปุ่นมีบัตรที่เรียกว่าบัตรเติมเงินใช้ภาษาอังกฤษว่า บัตร IC  มีสองค่ายคือ ซุยกา(SUICA)  และ พาสโม (PASSMO)  ซึ่งต้องขอบอกว่าของเขาดีจริงๆใช้ได้ทุกอย่าง  รถไฟ  รถเมล์ รถแท๊กซี่  ซื้อของ  จ่ายค่าบริการต่างๆ  ก็เป็นบัตรเติมเงินเหมือนบัตรเซเว่นนี่แหละแต่ว่ามันใช้ครอบคลุมได้เกือบทุกบริการ  แถมเติมได้ที่สถานี้รถไฟ  จากตู้อัตโนมัติ  ในร้านสะดวกซื้อ  ทำให้การซื้อบัตรรถไฟใต้ดินสะดวกมาก   ไม่ต้องไปดูว่าจะไปสถานีใดค่ารถไฟเท่าใด  เพียงแต่ตอนเข้าแตะที่เครื่องมันจะบอกว่าเงินเหลืออยู่เท่าใด  ตอนออกก็แตะออกมันก็บอกว่าค่ารถไฟเท่าใดและเงินในบัตรเหลือเท่าใด  ไม่ต้องยุ่งยากไม่ต้องมีเหรียญเต็มกระเป๋า




         อีกเรื่องหนึ่งที่ขอนำมาขยายความคือได้ไปดูโชว์  ROBOT RESTUARANT  ได้ยินเรื่องโชว์นี้นานมาแล้วมาครั้งนี้ได้มีโอกาสไปดูจริงๆซะทีแต่ว่าค่าดูแพงชมัดเรย 8,000 เยน ก็ประมาณ 2,800 บาท  เรื่องของเรื่องก็คือเป็นการแสดงประกอบเพลง  แต่ที่แปลกคือนักแสดงแต่งกายแบบคอสเพลย์คือเหมือนในหนังการ์ตูน หรือโรบอท ซุปเปอร์ฮีโร่ประมาณนี้  แสดงสีเสียงตระการตาและเร้าใจ  แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะแกมีช่วงพักถึงสองช่วงเอาไว้ขายของพวกข้าวโพดคั่วกับเครื่องดื่มๆ  เพราะค่าบัตรไม่มีอะไรเรยนอกจากที่นั่งปล่าวๆ   ติว่าเวทีแคบไปนิดนึ่งมองได้ไม่เต็มตา เพราะเวทีมันยาว  มีคนดูอยู่บนที่นั้ง สี่แถว ทั้งสองด้าน  ทีนี้พอนักแสดงไปอีกด้านก็ต้องชะโงกดู  นี่ถ้ามาแสดงเมืองไทยเวทีกว้างคงน่าชมมากกว่านี้เป็นแน่ก็ต้องเข้าใจว่าที่ดินในญี่ปุ่นมันแพงยิ่งย่านชินจูกุด้วยแล้ว  

  
                   เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอิจฉา 24-25 ล้าน โตแบบก้าวกระโดดโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน และ อาเซียน (ที่ยกเลิกวีซ่า)  ไทยมีองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวมาห้าสิบปี  ตอนนี้ปรับมาเป็น ททท. ได้เพิ่งมีนักท่องเที่ยว 28-29 ล้านเมื่อปี 2558  นี่เห็นว่าญี่ปุ่นประกาศว่าเป้าหมาย 30 ล้าน ในอีกสองสามปีข้างหน้า  ก็เห็นจะเป็นจริงได้อย่างแน่นอน เพราะเหตุผลว่า 1.ค่าตั๋วเครื่องบินถูกลงมาก ยิ่งมีโลว์คอสแอร์ไลน์มา  ยี่สิบปีที่แล้วไปญี่ปุ่นก็ประมาณ 50,000  พ.ศ.นี่ก็ประมาณ 50,000 เท่าๆกัน  (ไปโลว์คอส 30,000 กว่าเอง)  แต่รายได้คนไทยสูงขึ้น  2.มีหนังสือ เว็บ บล้อก แบบว่าท่องเที่ยวเองก็ได้  3.คนรุ่นใหม่ อายุน้อยกว่า30 ปี ภาษาอังกฤษดีกว่าคนรุ่นพ่อแม่  วิถีชีวิตชอบท่องเที่ยวเอง  สว.ชอบไปกับทัวร์อ่า   และร้านรวง คนญี่ปุ่น ก็พูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้น  ป้ายต่างๆก็เป็นภาษาอังกฤษ   3.วีซ่าไม่ต้อง   ก็เป็นอันจบทริปญี่ปุ่นอโลนแบบด้วนๆว่า  “ญี่ปุ่นไปได้ทั้งปีจริงๆ ขอบอก”

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

“รักษาแชมป์”



      
                นาทีนี้ไม่พูดถึง “เลสเตอร์”  เจ้าจิ้งจอกสยามซึ่งเพิ่งได้แชมป์เปี้ยนพรีเมียลีกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน  แม้การแข่งขันจะเหลืออีกหนึ่งนัดก็ไม่สำคัญเพราะแต้มต่างกับ สเปอร์  ที่อยู่ตำแหน่งที่สองถึง 10 แต้ม  ไม่มีทางที่สเปอร์จะตามทัน   เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าเลสเตอร์จะได้แชมป์   เพราะก่อนแข่งร้านรับพนัน (ถูกกฎหมายอังกฤษ) ไม่ให้ราคากับเลสเตอร์เลยแม้แต่น้อย  อัตราต่อรองอยู่ที่ 1 ต่อ 5000  คือถ้าแทง 1 ปอนด์ ได้เงินถึง 5,000 ปอนด์  แล้วก็มีคนแทงเล่นๆ  1 ปอนด์ ได้เงินมานอนอกอดเล่นถึง 250,000 บาท สบายใจเรย   ทั้งนี้เพราะว่าไม่มีใครเชื่อว่าทีมที่เพิ่งขึ้นมาจากแชมป์เปี้ยนลีคถ้าเทียบบ้านเราก็ขึ้นมาจากดิวิชั่น 1 มาเล่นไทยพรีเมียลีค  เพียงแค่ ถดูกาลที่สองก็สามารถคว้าแขมป์ได้เพราะแม้จะตั้งมาถึง 132 ปี แต่ก็ไม่มีผลงานอะไรที่โดดเด่น  แถมผู้จัดการทีมยังได้มาจากผู้จัดการที่เพิ่งโดนไล่ออกมาจากทีมชาติกรีก  ที่แพ้ติดต่อกันจนโดนไล่ออกมาหมาด  นักเตะก็ไม่มีอะไรโดดเด่น    แต่ปาฎิหารมีจริงไม่ว่าจะเกิดจากอะไร  หรือเกิดจากเจ้าคุณธงชัยก็ตาม   ใช่ไม่ใช่ไม่รู้แต่ยันต์เจ้าคุณราคาขึ้นเอาขึ้นเอาทุกวันเรย
          อีกเรื่องหนึ่งก็คือ  น้องเมย์ “รักชนก  อินทนนท์”   ในเดือนเมษายน 2559 เธอชนะซุปเปอร์ซีรีย์ถึงสามแชมป์ติดต่อกันในสามสัปดาห์   ได้เงินรางวัลไปน่าจะสี่ห้าล้านบาทผมทำงานแทบตายกว่าจะได้ซํกหมื่นซํกแสน  เธอเล่นสามสัปดาห์เท่ากับผมทำงานหลายปีทีเดียว   ได้ขึ้นเป็นมือหนึ่งของโลกแต่ก็อยู่ได้แค่เดือนเดียวมาบัดนี้นักแบดจากสเปน  คาโรไลน่า มาริน แซงกลับมา  ทำให้น้องเมย์ ตกเป็นที่สองเพราะเธอได้แชมป์ยุโรป  ในขณะที่น้องนกตกรอบสองชิงแชมป์เอเชีย
          โกวเล้ง  กล่าวไว้ว่า  การเป็นแชมป์นั้นไม่ยาก  แต่การรักษาแชมป์นั้นยากยิ่ง
          พงษ์ศักดิ์  กล่าวไว้ว่า    การเป็นแชมป์นั้นยากยิ่ง   แต่การรักษาแชมป์ให้ยาวนานตลอดไปนั้น  ....ยากฝุดๆๆๆๆ 
          ใครเลยจะเชื่อว่า  โกดัก ......อันดับหนึ่งของฟีล์มถ่ายภาพ   ผู้คิดค้นระบบถ่ายภาพดิจิตอลเป็นเจ้าแรก  จะสูญสลายไป   
          ใครเลยจะเชื่อว่า   โนเกีย.....อันดับหนึ่งโทรศัพท์มือถือ  จากฟินแลน์ด  จะสูญสิ้นสลายไป
          ใครเลยจะเชื่อว่า   ซิงเกอร์....อันดับหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังจะหายไปจากตลาด
          ใครเลยจะเชื่อว่า    ไอบีเอ็ม.....อันดับหนึ่งคอมพิวเตอร์หายไปจากตลาด  ถูกเลอโนโวซื้อไป
          จะเห็นได้ว่าแชม์ปลายรายต้องสูญหายไปจากตลาด  บางรายเป็นแชมป์หมานมนามจนลืมไป  และกระหยิ่มยิ้มย่องว่าฉันเป็นเชมป์ตลอดการ  เช่น โกดัก  ภาคภูมิในผลิตภัณฑ์ฟีล์มของตนจนคิดว่าไม่มีใครตามทัน   เรียกว่าเป็นมือโปรที่เหลือชิวๆ   ที่ไหนได้ลืมไปว่า “สินค้าทดแทน”  ซึ่งในยุคสมัยหนึ่งมันคือสินค้าแบบเดียวกันแต่คนคละตรายี่ห้อเท่านั้น   ซึ่งกรณีของโกดัก  คู่แข่งขันไม่ใช่ฟีมล์อีกยี่ห้อหนึ่งแต่เป็นกล้องถ่ายรูปดิจิตอล  ซึ่งโกดักก็มีเทคดนโลยีนี่อยู่แต่ทนงตนว่าเป็นเจ้าพ่อฟีล์มเลยละเลยและสูญหายไปจากตลาดในที่สุด      หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคู่แข่งของธนาคารกรุงเทพ   คงจะเป็นธนาคารกสิกร หรือ ธนาคารอื่นๆ   แต่ปัจจุบันนี้คงไม่ใช่เพราะร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น  สามารับบริการชำระเงินค่าสาธารณูปโภคที่สำคัญอยู่ใกล้บ้าน  ใกล้ป้ายรถเมล์  แถมเปิด 24 ชม     และเชื่อแน่ว่าในอนคาตคงมีบริการอื่นๆที่เป็นคู่แข่งของธนาคารตามมาอย่างแน่นอน  เดิมเคยทราบมาว่ามีการโอนเงิน    แต่เหมือนกับไปจ่ายที่สาขาหนึ่งแต่ผู้รับเงินอยู่อีกสาขาหนึ่งได้ทันที  ไม่แน่ใจว่าบริการนี้ยังอยู่หรือไม่     แน่นอนทางธนาคารก็ต้องแสวงหาวิธีแก้เพื่อรักษาตัวรอด  ในกรณีนี้การเปิดสาขา ให้มากขึ้น หรือ เปิด 24 ชมแข่ง  คงไม่ใช่คำตอบ..............แต่  แอพ.....ช่วยได้ ...ไม่ใช่แอปแบ้วแต่เป็นแอปปลิเคชั่นที่สามารถโอนเงิน   ชำระเงินได้ตลอดเวลา 24 ชม  ไม่ต้องเดินไปปากซอย  นอนอยู่บนเตียง   ...นั่งส้วมอยู่ก็ชำระ  /  โอนเงินได้  .............
          เห็นหรือยังว่าเป็นแชม์นั้นแสนยากเย็น  แต่การรักษาแชมป์ให้ยืนยาวนั้นยากเย็นยิ่งกว่า  ไม่ว่า  “น้องเมย์”  “เลสเตอร์”  หรือธุรกิจ  ต้องคิดให้ได้ว่า ทำอย่างไรให้     ใหญ่  .....แข็ง.... ยาว ....และ...ทน....!!!!    อย่าคิดว่าผมลามก กลับไปดูข้อเขียนของผมใน “เล่าเท่าที่เห็น 5 “ .............หรือ   http://pongsakswat.blogspot.com/2011/09/blog-post.html

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...