เมื่อวันที่
12 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสได้ไปลงแข่งขันวิ่งในรายการ “บุรีรัมย์มาราธอน 2017” แต่อย่าคิดว่าผมมีปัญญาแข่งมาราธอนนะครับ
เพราะการจัดการแข่งขันในครั้งนี้มีการแบ่งการแข่งขันออกเป็นสี่ระยะ ประกอบด้วย
มาราธอน (42.195 กโลเมตร) ฮาฟมาราธอน
(21.1กิโลเมตร) มินิมาราธอน (10 กิโลเมตร)
ฟันรัน(5.5 กิโลเมตร) ออกสตาร์ทจากสนามช้าง
อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยวิ่งออกสตาร์ทจากสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามแข่งรถที่ได้มาตราฐานโลก
สามารถจัดแข่งรถ F1 ได้
ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ,
สนามฟุตบอล ไอ-โมบาย สเตเดี้ยมที่ตอนนี้กลายเป็นแลนด์มาร์ค
แหล่งท่องเที่ยวที่คนมาบุรีรัมย์ต้องแวะถ่ายรูปเหมือนไปเยือนเมืองแมนเชสเตอร์ต้องไปแอคอาร์ทที่หน้าสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ผ่านพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
และวิ่งเข้าเส้นชัยที่ บุรีรัมย์ คาสเซิ่ล นับเป็นการแนะนำบุรีรัมย์ในอีกมุมมองหนึ่ง ที่นอกเหนือจากฟุตบอลที่โด่งดังในระดับเอเชียมาแล้ว ไม่ต้องเดาก็คงจะทราบว่าผมคงมีปัญญาวิ่งแค่ 5.5
กม. แต่ก็มีเป้าหมายว่าวันหนึ่ง “ฉันจะวิ่ง 10 กม.ให้ได้ “
คอยดูนะเธอ
.......และคนที่ไปร่วมวิ่งนั้นน่าจะเกินครึ่งคือคนทีที่มาจากจังหวัดต่างๆรวมทั้งจากต่างประเทศ การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่
1
และมีแผนที่จะพัฒนาไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ เช่นเดียวกับ
บอสตันมาราธอน โตเกียวมาราธอน หรือ ภูเก็ตลากูน่ามาราธอน พยายามหาข้อมูลว่ามีคนมาร่วมวิ่งกี่คนแต่ก็ไม่มีข้อมูลตรงนี้ซึ่งพอจะประมาณการคร่าวๆได้ว่า น่าจะไม่น้อยกว่า 20,000 คน
มีทั้งไทยและคนต่างชาติเพราะว่าการโปรโม"บุรีรัมย์ มาราธอน" ให้ก้าวขึ้นมาเป็นการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เป็นมาตรฐานระดับสากล
การแข่งขันครั้งนี้ได้รับการรับรองจากสหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย และในอนาคตทราบว่าจะพยายามผลักดันให้บรรจุเข้าอยู่ในโปรแกรมการแข่งขันระดับโลก
ด้วยการทำให้ผ่านการรับรองจาก สหพันธ์กรีฑานานาชาติ (IAAF) ระดับ
บรอนซ์ลาเบล ในอนาคต
การแข่งขันครั้งนี้มีเงินรางวัลให้ชิงชัยกัน 6,130,500 บาท เป็นการวิ่งที่ชิงเงินรางวัลสูงที่สุดในประเทศไทย แบ่งเป็น รางวัลทำลายสถิติโลก
3.6 ล้านบาท ทำ รางวัลทำลายสถิติประเทศไทย 1 ล้านบาท รางวัลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับนักวิ่งจากภาคเหนือ,
ภาคกลาง และภาคใต้ ที่สามารถชนะการแข่งขัน 10 อันดับแรกในระยะมาราธอน
ทั้งประเภทชาย และหญิง ไม่จำกัดรุ่นอายุ รวมทั้งสิ้น 20 รางวัล
รางวัลละ 5,000 บาท และรางวัลสำหรับนักวิ่งทั้งประเภททั่วไป
อะไรจากมากมายประมาณนั้นเล็กๆไม่ใหญ่ๆ......บิ๊ก เน. จัดเต็มครับพี่น้อง แน่นอน “ช้าง” เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
และ “วาริก”
เป็นผู้ผลิตเสื้อสำหรับนักวิ่งทุกคนซึ่งปกติแล้วเสื้อที่แจกในการแข่งขันต่างๆผมไม่เคยเอามาใส่ แต่สำหรับ “บุรีรัมย์”มาราธอนแล้วผมนำมาใส่ แต่......ไม่ใส่ในวันวิ่งคร้าบพี่น้อง ต้องใส่สีแตกต่างๆเวลาถ่ายรูปจะได้เห็นและหาง่ายครับ “หน้าตาไม่ดีต้องใช้สีช่วย คิคิ “
(ดูภาพประกอบ ดิ)
ส่วนผลการแข่งขันมาราธอนรางวัลทั้งหลายตกเป็นของนักวิ่งจากต่างชาติทั้งสิ้นซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะเป็นการแข่งขันนานาชาติ จากตัวเลขข้างต้นว่าประมาณการ 20,000
คน
โดยผมเอาค่าใช้จ่ายของผมเป็นเกณฑ์ซึ่งใช้ไปประมาณ 15,000
บาท
เพราะเดินทางด้วยเครื่องบินสองคนกับภรรยาเมื่อรวมค่าเช่ารถ ค่าโรงแรม
ค่าอาหาร แล้วก็ตกประมาณนี้
บางคนก็มากหรือน้อยกว่านี้ รวมแล้ว
20,000 x 15,000 ก็จะเป็นเงินกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 300 ล้านบาท
เมื่อรวมกับกิจกรรมอื่นๆเข้าไปอีกผมคาดว่าคงไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท หากเงินนี้หมุนเวียนไป 8 รอบ ก็จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึง 2,400 ล้านบาท นับเป็นเงินไม่น้อยทีเดียวนะครับ .......
แล้วถ้าประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมอย่างนี้
ทุกเดือนหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามบริบทของจังหวัดนั้นๆละครับจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขนาดใด เราเห็นแล้วว่าปีที่ผ่านมา 2559 ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้โต 3% นิดๆคือ “การท่องเที่ยว”
ซึ่งกีฬาก็เป็นตัวที่ทำให้เกิดการท่องเที่ยวและมาอย่างต่อเนื่องทุกๆปีได้อีกด้วย
หาจุดขาย หาจุดโชว์ หาจุดกระตุ้น ของแต่ละจังหวัดให้เจอ ....
พอดีได้ไปมีส่วนร่วมเล็กๆในคณะอนุกรรมาธิการการกีฬาในเรื่องยุทธศาสตร์ ก็ได้ข้อสรุปมาข้อหนึ่งกีคือกการดำเนินการจัดตั้งโครงการเมืองกีฬา
(สปอร์ต ซิตี้) โดยคัดเลือกจังหวัดต่างๆ
เพื่่อเน้นให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างทั่วถึง
ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นทิศทางที่ชัดเจนของ
จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดที่มีศักยภาพคือ
จังหวัดนครราชสีมา และ
จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนธันวาคม 2559
ทางชลบุรีโดยเทศบาลบางแสน ก็ได้จัด บางแสนมาราธอน 21 ขึ้น
ผมก็โชคดีที่ได้ไปร่วมงานอีก
จัดได้สุดยอดมากเลยและเชื่อว่าทุกๆปีจะมีคนไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะอยู่ใกล้
กทม.การเดินทางสะดวก
ตอนนี้กำลังจะจัดไตรกีฬานานาชาติขึ้นอีกเละมีกิจกรรมกีฬาอย่างต่อเนื่อง ประมาณการกันว่าจะมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า
600 ล้านบาท
โดยที่ทั้งปีชลบุรีจัดกีฬาต่างๆโดยมีเงินหมุนเวียนประมาณ 5
พันล้านบาทครับพี่น้อง และ โดยส่วนตัวขอแถม
จังหวัดสุพรรณบุรี อีกซักจังหวัดเพราะ มิถุนายน2560 นี้ก็จะมีการจัดวิ่งมาราธอน ซึ่งผมมีเป้าหมายว่าจะวิ่ง 10 กม. ให้ได้
โปรดอใจรอดู.....เดี๋ยวก็รู้ว่า........วิ่ง....หรือ.....เดิน........แต่ก็เพลินนะตัวเอง
@@@ 5555