วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อินเดียไม่ละเหี่ยใจ







         “อินเดีย”  ชื่อนี่คงเป็นชื่อท้ายๆที่นักท่องเที่ยวจะคิดถึงและอยากเดินทางไปเพื่อท่องเที่ยว  ยกเว้นคนที่อยากจะไปปฏิบัติธรรม หรือไปบวช  หรือไปสังเวชนียสถาน    เพราะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าแออัด  สกปรก  น่ากลัว  ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ   แต่ผมจำเป็นต้องเดินทางไป”อินเดีย”  เนื่องด้วยมีธุรกิจกค้าขายกับชาวอินเดียอยู่นับแต่ปี 2000  แผนกที่ผมดูแลต้องซื้อวัตถุดิบจากอินเดีย  จึงทำให้มีโอกาสเดินทางไปอินเดียเพื่อติดต่อธุรกิจ   ก็ทำให้ได้เห็นอะไรหลายอย่างซี่งทุกอย่างก็เป็นเรื่องจริงที่เล่าขานกันมา   ไม่ว่าจะความหนาแน่นของประชากร  ความยากจนขนาดที่เรียกว่ามีสลัมอยู่ติดกับโรงแรมชั้น 1 ระดับ 5 ดาว เช่น อินเตอร์คอนติเนลตัล      แต่ในเวลาเดียวกันอินเดียก็มีมุมมองที่อยากจะมองอีกมุมเพื่อให้ท่านได้เห็นว่าจริงๆแล้วอินเดียเป็นประเทศที่น่าสนใจ  อันเนื่องจากจำนวนประชากรที่มีมากถึง  1,260 ล้านคน  และมีขนาดเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 7 ในโลก ขอย้ำในโลก  2.25 ล้านล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา  ในขณะที่ประเทศไทยเราเพียง  4 แสนล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาเท่านั้น   
            แน่นอนว่าอัตราการเกิด และการคุมกำเนินของอินเดียนั้นเป็นอะไรที่คุมไม่ได้  เพราะว่าความเชื่อทางศาสนา และอีกทั้งการศึกษาของประชากรส่วนใหญ่ของอินเดียมีการศึกษาน้อย  จึงทำให้เชื่อได้ว่าในอีก ไม่เกิน 20-30 ปี ประชากรจะมากที่สุดในโลก น่าจะถึง 1,600-1,700 ล้านคน  ในขณะที่จีนจะตกลงมาเป็นลำดับที่สองเนื่องจากนโยบายลูกคนเดียว   แต่บัดนี้จีนเองก็มีนโยบายลูกสองคนแล้ว  เพราะคนวัยทำงานมีสัดส่วนที่น้อยลงเป็นลำดับในขณะที่สัดส่วนคนสูงวัยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน  อันเป็นแนวทางเดียวกันในประเทศที่พัฒนาแล้วนั่นเอง  (ยกเว้นในอัฟริการ ที่อัตราการเกิดยังสูงอยู่)
            พูดถึงเรื่องท่องเที่ยวอินเดียมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอยู่มากมายที่ยังไม่ได้พัฒนา  โดยฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอินเดียจะสามารถพัฒนาได้อีกมาก  เพราะมีวัฒนธรรม  ความเชื่อ  และความหลากลายทางภูมิศาสตร์ ใครๆก็คิดว่าอินเดียร้อน ร้อน ร้อน  อินเดียมีหิมะครับพี่น้องทางภาคเหนือของอินเดีย นอกจากนี้แล้วยังมีกลุ่มที่แตกต่างกันทั้งทาง ศาสนา  ภาษา  โดยแบ่งการปกครองออกเป็นถึง 29 รัฐ และอีก 7 การปกครองพิเศษ (คงคล้ายกับ ฮ่องกง มาเก๊า)  มีภาษาพูดมากถึง 100 กว่าภาษา   แต่ว่าอินเดียคงต้องพัฒนาระบบการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  พูดได้ง่ายๆว่ายังมีโอกาสในการพัฒนาอีกมากมากย 

            สิ่งหนึ่งที่อินเดียพัฒนาไปมากคือเรื่องการบินในประเทศอุตสาหกรรมการบินเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  ถึงแม้อินเดียจะมีประชากรที่ยากจนอยู่เป็นจำนวนมาก  แต่คนรวยหรือคนชั้นกลางแม้จะเป็นสัดส่วนที่น้อยนิดแต่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด 1,260  ล้านคนแล้ว  ก็มีจำนวนมากมายมหาศาลที่ภาษาทางการตลาดเรียกว่า  “ชนาดของตลาด” นั่นเอง  ผมเองได้มีโอกาสขึ้นเครื่องบินสายการบินภายในประเทส “JET AIRWAYS     ซึ่งก๊มีเส้นทางบินมากรุงเทพด้วย คือมีทั้งบินในประเทศและต่างประเทศ   ที่น่าจนใจคือวิธีคิดของผู้บริหารสายการบินนี้เพราะเป็นสายในประเทศเครื่องก็ประมาณว่าโลว์คอสต์แอร์ไลน์นั่นแหละแต่เขาก็ไม่ละเลยการเอ็นเตอร์เทนลูกค้า  เดี๋ยวนี้ลูกค้าทุกคนมีสมาร์ทโฟนกันหมดแล้วก็โหลดซิครับแอปปลิเคชั่น  ก็สามารถมีสิ่งบันเทิงระหว่างไฟลท์ได้เช่นกันน้องๆจอสกรีนแบบเครื่องบินทั่วไปนั่นแหละครับ  แถมมีโฆษณาแฝงอยู่ในแอปอีกต่างหาก    คล้ายๆกับเมื่อสองสามปีก่อนผมเคยเขียนแล้วในสายการบินจีนในประเทสโลว์คอสต์เขาแจกแท้ปเล็ตให้ลูกค้าดูหนังฟังเพลงระหว่างเที่ยวบิน  แต่นี่ต้องมีต้นทุนฮาร์ดแวร์คือตัวแทปเล็ตแม้ไม่แพงในปัจจุบันแต่ว่าก็ต้องลทุนสูงเพราะเครื่องบินลำหนึ่งๆ 200 คนขึ้นไปแถมยังต้องมาดูแลเรื่องชาร์จถ่านและคงมีหายบ้างอย่างแน่อน  ชิมะ ชิมะ
            สุดท้ายเป็นเรื่องอูเบอร์ในอินเดีย  เค้ามีวิสัยทัศน์อันนี้แค่ในมุมใบเค้าก็จับมาทำให้ถูกต้องจนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนใจแท้กซี่เท่าใด  เพราะอูเบอร์นั้นจดทะเบียนเรียบร้อยราคายุติธรรม  มีแอร์ด้วย ( แทกซี่ในมุมใบ  ส่วนใหญ่ไม่มีแอร์ และ พฤติกรรมคล้ายๆบ้านเรา )     เค้าคงเห็นว่าอะไรดีต่อผู้บริโภค  ต่อประชาชน  ที่ผิดกฎหมายก็ทำเสียให้ถูก  เรียบร้อยโรงเรียนอินตรเดียซินาย  ไม่ต้องรอลุงตู่ใช้ ม.44 จัดการ ซึ่งจริงๆแล้วก็น่าใช้ ม.44  ออกกฏให้อูเบอร์ถูกกฎหมายไปเรยเพื่อให้  ประชาชนไทยมีทางเลือกที่ดีขึ้น   รับรองได้คะแนนจากชาวบ้านตรึม  จริงๆ........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...