พูดถึงประเทสในกลุ่มบอลติคแล้วหลายๆคนคงตั้งคำถามว่า “มันอยู่ส่วนใดของโลกนี้” พอดีได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวในประเทศในกลุ่มบอลติค ซึ่งประกอบไปต้วย เอสโตเนีย
ลัธเวีย และ ลิธัวเนีย
ซึ่งทั้งสามประเทศนี้เป็นประเทศที่เคยอยู่ในปกคครองของรัสเซียมาก่อน
ตั้งอยู่ในคาบสมุดทรบอลติคถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงฟินแล้นด์ ทั้งสามประเทศนี้อยู่ทางทิศใต้ของฟินแล้นด์ครับผม ประเทศเหล่านี้ได้รับเอกราชปกครองตนเองแบบสาธารณรัฐระหว่าง
ค.ศ. 1918-1940 ต่อมารวมเข้าเป็น 3 ใน 15
สาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต และเมื่อสหภาพโซเวียตมีอิทธิพลลดลงใน
ค.ศ. 1991 ทั้งสามประเทศก็แยกออกไปปกครองตนเอง นั่นหมายความว่าทั้งสามประเทศนี้เพิ่งเป็นเอกราชเมื่อ
26 ปีที่ผ่านมานี่เอง
มีประชากรรวมกันค่า 6.1 ล้านคนเท่านั้นเอง แต่ว่าจีดีพีต่อหัวสูงถึง 17,000 USD ( ไทยเราประมาณ
6,250 USD ก็ประมาณว่ามีรายได้ต่อหัวสูงกว่าไทยเราประมาณ
3 เท่า ทั้งสามประเทศนี้อยู่ในสหภาพยุโรปทำให้มีการใช้สกุลเงิน
“อียู” แถมยังอยู่ในกลุ่ม “ชังเก้นท์” ซึ่งสามารถขอวีซ่าแล้วเดินทางท่อเงที่ยวได้ถึง
25 ประเทศในสหภาพยุโรป ( เฉพาะที่อยู่ในชังเกนท์ ) รวมทั้ง สวิสเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และ ไอซ์แลนด์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป
เที่ยวนี้ไปขอวีซ่าที่สถานฑูตเยรมัน
โชคดีที่ขอแบบเข้าออกได้หลายครั้งและทางเยรมันให้วีซ่าถึง 2 ปี
นั่นหมายถึงว่าภายในสองปีนี้ผมเดินทางยังประเทศในกลุ่มชังเก้นท์ไม่ต้องทำวีซ่าใหม่แล้ว ...............มันคือการเพิ่มโอกาสนในการเดินทางของผู้ที่ได้วีซ่า
เพราะผมเชื่อว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะเติบโตได้ก็ต้องมีธุรกิจท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ
เพราะจากเดิมขอวีซ่าเข้าออกแบบหลายครั้งมักจะไม่ค่อยได้ หรือได้ก็แค่ช่วงสามเดือน.............เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่น พองดเว้นวีซ่าให้ ไทย
มาเลเซีย และอีกหลายๆประเทศ
จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกสามสี่เท่าตัว
แถมยิ่งมีสายการบินต้นทุนต่ำบริการทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไม่แพงเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง.......
ดังสโลแกนของแอร์เอเชียว่า “ใครๆก็บินได้”
ไปเที่ยวนี้ใช้บริการของสายการบินฟินแอร์ของประเทศฟินแลนด์ เป็นเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 787 ดรีมไลน์เนอร์ เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินโดยสารที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด
และเป็นเครื่องบินโดยสารสำคัญแบบแรกของโลกที่ใช้วัสดุผสมในการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ บริโภคเชื้อเพลิงน้อยกว่าโบอิง 767 ที่มีขนาดเท่ากันถึง 20% ซึ่งการบินไทยก็เพิ่งจะรับมอบลำล่าสุดไปเมื่อ กันยายน 2560
ที่ผ่านมา................ความรู้สึกเมื่อเดินเข้าไปในเครื่องคือสบาย เบาะกว้าง
ระยะระหว่างเบาะไม่แคบจนเกินไป ที่นั่งแบบ
3-3-3 ทำให้สะดวกสบายมากๆ ต้องรอดูว่าการบินไทย จัดที่นั่งอย่างไรรวมทั้งระยะและขนาดเบาะด้วย ทางฟินแอร์จัดระบบบันเทิงบนเครื่องบินแบบจัดเต็มครับ จอทีวีส่วนตัว
(ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นมาตราฐานของสายการบินทั่วไปแล้ว )
แต่ที่ต่างคือมีภาพยนต์หลายประเทศแถมภาพยนต์ฝรั่งมีเสียงภาษาไทยซะหลายเรื่อง ทำให้ตลอดเวลา 9 ชม.กว่าๆ
ไม่ต้องตะแคงหูฟังเสียงซาวน์แทรค
ที่น่าตื่นตาตื่นใจคือมีระบบกล้องที่ถ่ายภาพสดๆจากเครื่องบิน โดยกล้องนี้ติดที่ด้านบนของหาง ทำให้เห็นตัวเครื่องบินแบบเต็มลำสดๆตอนเครื่องร่อนลงด้วยนะเอ้อ...... ทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ.......
แต่เมื่อมีข่าวว่าสิงค์โปรแอร์ไลน์เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีสิงค์โปรไปเยือนสหรัฐอเมริกา
ตอนกลางเดือนตุลาคม 2560 เอาออเดอร์ไปให้ประธานาธิบดีทรัมป์ 19 ลำ อุแม่เจ้า........ ในขณะที่ไทยเราฝูงบินทั้งหมดของการบินไทยมีแค่ 80 ลำ
เป็น 787 ดรีมไลน์เนอร์ แค่ 8
ลำ .......เครื่องบินเก่าๆ ก็มีค่าใช้จ่ายสูง......ดังนั้นใครถือหุ้นการบินไทยอยู่คงรู้นะว่าจะทำอย่างไร แถมสำนักข่าวฝรั่งแห่งหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าสำนักไหน) รายงานข่าวว่า “หุ้นการบินไทยเป็นหุ้นขยะ” คือไม่มีอนาคตนั่นเอง ดังนั้นใครจะถือ
ใครจะทิ้ง ใครจะช้อนก็ตามแต่อัธยาศัยนะครับ
กลับมาคุยเรื่อง “บอลติค”
ต่อ ทั้งสามประเทศ
แม้ว่าจะอยู่ในคาบสมุทรเดียวกันมีพรมแตนต่อเนื่องกันแต่ว่า “ภาษา”
กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผมลองสอบถามไกด์ทั้งสามาประเทศ
ในคำที่ต้องใช้บ่อยๆเช่น “สวัสดี / ขอบคุณ”
ทั้งสามประเทศนั้น พูดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและสื่อสารกันได้เข้าใจประมาณ 5
เปอร์เซนต์เท่านั้นเอง
เพราะภาษาต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั่นเอง
ซึ่งอันนี้ก็รวมถึงวัฒนธรรมและความเชื่อด้วย
แต่ก็มีคนรุ่นเก่าๆในสมัยที่ยังอยู่ในปกครองของรัสเซียจะสามารถพูดภาษารัสเซียได้ เพราะมีการเรียนการสอนภาษารัสเซียในโรงเรียน แต่อีก 20-30
ปีก็คงหมดคนรุ่นนี้ไป ปัจจุบันที่รายได้ต่อหัวของประชากรในสามประเทศนี้สูง ก็เนื่องด้วยเศรษฐกิจเติบโตด้วยธุรกิจ
ไอที ซอฟแวร์ ซึ่งแทบไม่มีใครรู้ว่า “สไกป์” ก่อกำเนินในเอสโตเนีย
เพราะมีพื้นฐานทางเทคโนโลยี่ที่เรียนรู้มาในสมัยที่ยังอยู่ในปกครองของโซเวีย ไม่ใช่ระบบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ลุงตู่ อยากให้ไทยเป็น “ไทยแลนด์ 4.0 นั่นเอง” ........ แค่ฝันก็มีความสุขแล้วครับ
................ปิ๊กบ้านเด้อ....!!!!!!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น