วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

“ปัจจัยเดียว.....จะเลี้ยวมาลงทุนมั๊ย”






                  ข่าวคราวว่าประเทศไทยอันดับเลื่อนขึ้นแบบก้าวกระโดด  จากการที่ธนาคารโลก หรือ World Bank เปิดเผยผลสำรวจการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business 2018   ซึ่งประเทศไทยดีขึ้น20 อันดับ โดยเลื่อนขึ้นจากอันดับ 46 ในปีที่แล้วมาเป็นอันดับ 26 ในปีนี้  โดยได้คะแนน 77.44    ก็เป็นปลื้มกันไปทั้งบาง......การจัดอันดับหลายๆครั้งก็เป็นการสำรวจความคิดเห็น   แต่ในครั้งนี้เป็นการมาตรวจสอบในหลายๆมิติ  ของการประกอบธุรกิจในประเทศไทย  ซึ่งองค์ประกอบในการตรวจสอบก็มีถึง  10  ตัวชี้วัด  ผมคงไม่ลงในรายละเอียดว่าแต่ละตัวชี้วัดมีอะไรบ้าง     ซึ่งหลายตัวชี้วัดเราดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด  บางตัวก็แย่ลงก็มี  แต่เมื่อรวมคะแนนทั้ง 10 ตัวชี้วัดเราดีขึ้น  ถึง 20  ลำดับ..................ก็เป็นที่น่ายินดี...แต่.....แต่......
            แต่................ในการจะตัดสินใจเพื่อประกอบธุรกิจ  หรือ ลงทุนแล้วนั้น  ความยากง่ายหรือความสะดวกในการประกอบธุรกิจ  คงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้ตัดสินใจมาลงทุน  ....เป็นแน่...เพราะว่า  ลองมาดูอันดับประเทศต่างๆ   เอาที่ใกล้ตัวเรา   เวียดนาม อันดับ 68 / คะแนน 67.93   อินโดนีเซีย  อันดับ 72 / คะแนน 66.47  ที่สำคัญ  จีน  78 / คะแนน 65.29  
            แล้ว...............ทำไม  คนไปลงทุนเวียดนามมากกว่า  โดยใน  Q 1 ปี 2517  ที่ผ่านมา มีเงินลงทุน FDI คือต่างชาติไปลงทุนโดยตรง  2,890 พันล้านเหรียญ ในขณะที่ประเทศไทย  2,537 พันล้านเหรียญ  (ที่มา: https://www.ceicdata.com/en/blog/asean-foreign-investment )  ทั้งๆที่อันดับของประเทศไทย  ดีกว่าเวียดนามถึง  42 อันดับ  หรืออินโดนีเซียก็มีการลงทุนโดยตรง ถึง  2,586 พันล้านเหรียญ  มากกว่าไทยอีกเช่นเดียวกัน
            ดังนั้นการตัดสินใจลงทุนดำเนินธุรกิจ  ต้องมีปัจจัยอื่นๆเป็นองค์ประกอบอยู่อีกหลายประการ  ดังต่อไปนี้
      1.ความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ  คงเป็นปัจจัยเล็กๆ  ปัจจัยหนึ่ง  เพราะว่าหากมีปัจจัยอื่นๆ  สนับสนุนให้ลงทุนความยากขนาดไหนก็คงวิ่งไปลงทุนเหมือนกัน
2.ความเสี่ยง + ความมั่นคง    ทางการเมือง /  ค่าเงิน  /  ทางการทหาร /  ภัยธรรมชาติ / อัตราดอกเบี้ย   เช่นประเทศในอัฟริกาคงไม่ค่อยมีใครอยากไปลงทุนเสียเท่าใด   ทั้งๆที่มีทรัพยากร  มีแรงงานราคาถูก  ฯลฯ
3.ความต้องการของตลาด  ขนาด  การเข้าถึง  ช่องทางการจัดจำหน่าย   เช่นในประเทศจีนมีขนาดตลาดที่ใหญ่มากๆ  ก็ย่อมเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการไปลงทุน  แม้ว่าจะมีความยุ่งยาก  และมีความเสี่ยงอยู่สูงก็ตาม
4.สิทธิพิเศษต่างๆ   ในประเทศ  /  สิทธิจากการส่งออก    การสนับสนุนเงินทุน  + อัตราภาษี    การเข้าถึงแหล่งเงินลงทุน
5.สาธารณูปโภค  ปัจจัยสนับสนุน   น้ำไฟ ถนน การขนส่ง  สนามบิน ท่าเรือ ฯลฯ บางคนว่าเมียนมาร์จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทย  แต่ความคิดเห็นผมว่าอีกนานมากๆๆๆๆ   เพราะเขาไม่ได้พัฒนามา 30-40 ปี  ถนนหนทาง สาธารณูปโภค  การคมนาคม  กฎระเบียบต่างๆ  ไม่เป็นสากล  คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 20 ปีในการพัฒนา  แต่ที่น่ากลัวคือ  เวียดนาม กับ อินโดนีเซีย   ครับพี่น้อง..
6. ต้นทุน  แรงงาน  ปัจจัยการผลิต  แหล่งวัตถุดิบ  อัตราภาษี  (รวมถึง ภาษี  ส่วนบุคคล)  เช่นในสิงค์โปร์ เอาภาษีมาเป็นตัวจูงใจให้ไปลงทุนเป็นต้น    ไทยเราแรงงานขาดแคลนแถมไม่ถูกด้วย  ก็ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงไปพอสมควร
6.อื่นๆ  เช่น    สายสัมพันธ์   การมีคู่ค่า  ผู้ร่วมลงทุน  ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีส่วนการตัดสินใจเป็นอย่างยิ่ง..................
 คงต้องประมวลปัจจัยทั้ง 6 มาแล้วตัดสินใจไปหรือไม่ไป.............แล้วไปไหนดี.....
เหมือนกับพอเวลาเห็นสาว  ....ถ้าเธอสวยเราจะเหลียวมอง....แต่พอคุยด้วย....ปากเห็น ฝุดๆ.....ก็บ๊ายบายตัวใครตัวมันเลือกกันเอาเองนะครับ  พี่น้อง.....................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...