วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

“เอฟวัน ฝันเฟื่องหรือไม่?? “




               เมื่อปลายปี 2017 ผมได้มีโอกาสไปชมการแข่งขัน F1   ที่สนามเซปังอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย  เพราะเป็นความไฝ่ฝันที่จะไปชมอีเวนต์ระดับโลก  ไม่ว่าจะโอลิมปิค ฟุตบอลโลก และ F1   พอไปถึงสนามก็ได้ทราบว่าปีนี้จะเป็นการแข่งขันที่มาเลเซียเป็นครั้งสุดท้าย  ก็เลยคิดว่านัดที่เรามาดูนี้เป็นนัดประวัติศาสตร์   และแน่นอนเหตุผลเดียวที่ขอยกเลิกสิทธิ์การจัดย่อมต้องเกิดจาก  “การขาดทุน” เพราะจัดมา 18 ปี ตั้งแต่ปี 1999 แต่ในปีหลังๆมานี้ยอดขายตั๋วและจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดทางบ้านมีจำนวนลดลงมาโดยตลอด  ขายบัตรเข้าชมได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเองผมถึงได้ซื้อตั๋วได้กระมัง  นอกจากนี้แล้วเยรมัน เกาหลีใต้ กับ อินเดีย ก็ยังไม่ต่อสัญญาเป็นผู้จัดการแข่งขัน F1  เพราะประสบกับปัญหาการขาดทุนอีกเช่นกัน
                แล้วอะไรเป็นสาเหตุของการขาดทุนในการจัดการแข่งขัน F1  ซึ่งสวนทางกับการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์  ไม่ว่าจะเป็นโมโตจีพี ฯลฯ  ผมขอตั้งสมมุติฐานว่าสาเหตุหนึ่งก็คือ F1” เป็นเรื่องไกลตัว ที่ผู้คนทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้แม้จะชอบความเร็วปานใดก็ตาม  แต่ในขณะที่มอเตอร์ไซค์เป็นอะไรที่ผู้คนจับต้องได้ เป็นเจ้าของได้ มีประสบการณ์ตรง และเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า  จะสังเกตุได้จากยอดขาย “บิ๊กไบค์” รวมทั้งจำนวนคนที่ตายเพราะบิ๊คไบค์ด้วย  เพราะรถมันแรงแซงไปนรกได้ง่ายดาย  อีกอย่างหนึ่งน่าจะเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจด้วย  อำนาจซื้อของประชากรลดลงทั้งในยุโรป อเมริก และเอเชีย  เศรษฐกิจมันซึมๆ  หงอยๆมาหลายปีเป็นคนป่วยเรื้องรังสะสม จากเดิมที่หวังพึ่งพิงผู้ชมต่างชาติเดินทางมาชมการแข่งขัน  แต่จากปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ดสะสมทำให้ต้องพึ่งผู้ชมในประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งมาเลเซียเองก็ประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน    แล้วอาจจะอีกสาเหตุคือประชากรของมาเลเซียเองมีน้อยแค่  32 ล้านคนเศษเท่านั้นเอง  ก็เลยทำให้จำนวนคนดูน้อยลงไปเป็นลำดับ 
                แล้วทำไม ปี 2020  เวียดนามถึงหาญกล้าไปซื้อลิขสิทธิ์เพื่อจัด F1 ในกรุงฮานอย  โดยจะเป็นการแข่งขันบนถนนโดยมีความยาวทั้งหมด 5.565 กิโลเมตร กับ 24 โค้ง   อะไรทำให้เวียดนามกล้าตัดสินใจลงทุนในครั้งนี้  ทำไมไม่ดูรุ่นพี่ๆทั้งหลายที่ขาดทุนจนต้องเลิกจัด    จะเห็นได้ว่าเวียดนามมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นลำดับต้นๆของอาเซียนแถมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง  และมีประชากรถึง 95 ล้านคนแม้รายได้ต่อหัวของชาวเวียดนามจะไม่มากเท่ามาเลเซีย  แต่การกล้าเสี่ยงในครั้งนี้ของเวียดนามคงต้องรอดูผลในอีก  4-5 ปี ข้างหน้าว่าจะยืนระยะจัดการแข่งขันต่อเนื่องไปหรือไม่   แล้ว “ช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตที่ได้รับการรับรองมาตราฐาน  เกรด 1 ของสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA)  และผ่านการรับรองสำหรับการแข่งขัน F 1   และ เกรด A จาก  ของสหพันธ์จักรยานยนต์ระหวjางประเทศ (FIM)  จุผู้ชมได้ 50,000 คน  ค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายเกินไปครับ











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...