กอล์ฟไทยไปโลด
ข่าวที่น่ายินดีปลายปี 2561 นี้คงไม่พ้นข่าวที่ว่า "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล โชว์ผลงานกระหึ่มโลก กวาดทุกรางวัลแห่งปีของแอลพีจีเอ ทัวร์ โดยไม่แบ่งให้ใครเลย แม้ว่าในปี 2018 นี้จะได้แชมป์ LPGA แค่ 3 รายการ จากการลงแข่ง 28 รายการก็ตาม นับรวมคะแนนและเกณฑ์ต่างๆแล้วทำให้ เอรียา กวาดรางวัลทั้งหมดไปคนเดียวทั้งสิ้น 6 รางวัลใหญ่ของแอลพีจีเอ ทัวร์ ได้แก่ 1.นักกอล์ฟหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี “Rolex Player of the Year”, 2.นักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุดในระดับเมเจอร์ “Rolex Annika Major Award”, 3.นักกอล์ฟที่ทำเงินรางวัลสูงสุดแห่งปี, 4. นักกอล์ฟที่จบท็อปเท็นมากที่สุดแห่งปี (โบนัส 1 แสนเหรียญ), 5.รางวัลสกอร์เฉลี่ยดีที่สุดแห่งปี “แวร์ โทรฟี่” และ 6. รางวัลโบนัส 1 ล้านเหรียญ Race to CME Globe. รวมเงินรางวัลและโบนัสที่เธอทำได้ทั้งสิ้นในปีนี้ 3,743,949 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 123,547,375 บาท โอ้มายก้อดนี่ขนาดได้แชมป์แค่สามรายการเท่านั้นนะ
ผมก็เลยนึกถึงโมเดลว่าประเทศไทยน่าจะมีการพัฒนานักกีฬากอล์ฟแบบว่า
หาช้างเผือกจากป่าซึ่งป่าในที่นี้ของผมไม่ได้หมายถึงต่างจังหวัดแต่เพียงอย่างเดียว และอยากให้องค์กรธุรกิจต่างๆลองใช้โมเดลของผมนี้ดู หากสำเร็จละก็ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง คือไปสรรหาเด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยให้นักวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นผู้คัดเลือก
และองค์กรธุรกิจเป็นผู้สนับสนุนในการฝึกซ้อมส่งเสริมในการแข่งขัน แน่นอนต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากมหาศาล แต่หากว่ามีผลผลิตแบบ “โปรเม” “โปรโม” ออกมามากๆ
อาจไม่ต้องถึงขั้นนี้แค่ได้มีโอกาสแข่งในอีเวนต์ระดับโลกอย่างสม่ำเสมอ
ก็สามารถทำเงินได้อย่างมากมายเพราะกอล์ฟเป็นกีฬาที่มีเงินรางวัลสูงเป็นลำดับต้นๆ และแต่ละปีมีอีเวนต์แข่งทุกสัปดาห์
ได้เยาวชนมาอยู่ในอุปการะแล้วก็สนับสนุนส่งเสริมแบบระยะยาวทั้งด้านกอล์ฟ และด้านการเรียนโดยมีพันธมิตร โรงเรียน
มหาวิทยาลัย และ องค์กรธุรกิจ หรือ
รัฐวิสาหกิจ
โดยมีสัญญาในการเข้าดูแลผลประโยชน์
และตอบแทนในกรณีที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้องค์กรนั้นๆ เป็นต้น
และสุดท้ายผมเชื่อว่าแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับ “โปรเม” ก็ตาม แต่หากสามารถโลดแล่นอยู่ในระดับทวีป
ได้ก็สามารถได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าที่ได้ลงทุนไปอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า “กีฬา” พรแสวงสำคัญกว่า “พรสวรรค์” หากเรานำเยาวชนตั้งแต่ 5-7 ปี
ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งจะว่าไปแล้วเยาวชนเหล่านี้ไม่มีทางเลือกมากนัก มาฝึกทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ทางด้านทักษะกอล์ฟ เรียกได้ว่าประมาณว่า “ขุน” กันนั่นแหละ คงไม่ไกลเกินฝันที่เราจะมีโปรระดับโลกอีกในอนาคต
หากกีฬากอล์ลงทุนมากไปก็ลองดูกีฬาอื่นๆ เช่น เทนนิส
จักรยาน แบดมินตัน ฯลฯ
ซึ่งมีอีเวนต์อาชีพบ่อยๆจนทำให้นักกีฬาอาชีพนั้นอยู่ได้จากการเล่นกีฬา และแสวงหากีฬาที่เป็นกีฬาส่วนบุคคลจะได้ไม่ต้องลงทุนมากคน
และ อาศัยวันแมนโดดหากสำเร็จก็ไปโลดได้เลยครับ
สุดท้ายหากไม่ประสบความสำเร็จก็ได้บุญที่ดูแลเยาวชนคนหนึ่งให้มีที่เรียน มีอาชีพ
และ เป็นเยาวชนที่ดีของชาติได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น