วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

“ยากที่สุดตรงจุดเริ่มต้น”


                 




             โกวเล้งกล่าวไว้ว่า “จุดจบคือจุดเริ่มต้น”  และ “จุดเริ่มต้นคือจุดจบ”  แต่จะทำอย่างไรให้เกิดจุดเริ่มต้น  เพราะมันเป็นจุดที่ยากที่สุด   ที่มนุษย์คนหนึ่งๆจะเริ่มทำอะไรซักอย่างหนึ่งที่ไม่เคยทำเป็นกิจวัตรประจำวัน  เช่น  หากเราอยากจะมีสุขภาพที่แข็งแรง  ก็ต้องออกกำลังกายซึ่งวันเริ่มต้นนี้จะเป็นวันที่ยากที่สุด  และจะยากมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วันที่สองสามสี่  แต่.......พอพ้นวันที่ 7 ไปแล้ว ท่านจะรู้สึกว่าติด / ชอบ และสามารถปฏิบัติได้ต่อเนื่อง  และในทำนองเดียวกันหากท่านหยุดปฏิบัติหรือทำไม่สม่ำเสมอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหยุดเกิน 7 วันเป็นต้นไปก็จะเป็นการหยุดปฏิบัติอย่างถาวร  ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง  ดังนั้นมหัศจรรย์เลข 7 นี้ใครไม่เชื่อลองทำดู  ผมเองได้ลองทำปฏิบัติมาแล้วหลายวัตรปฏิบัติมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว
                ผมเคยตั้งใจไว้ว่าก่อน 60 ปีจะต้องวิ่งมินิมาราธอน 10 กม.ให้ได้โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2 ชั่วโมง  ซึ่งผมเองได้วิ่ง 5 กม.มาแล้วประมาณ 30 กว่าอีเวนต์ ทำเวลาประมาณ 45-55 นาที ดังนั้น 10 กม. ก็เลยเอาสองคูณแถมพักอีกนิดหน่อยเลยตั้งไว้ที่  120 นาทีหรือ 2 ชั่วโมง.....คือเป้าหมายที่ผมได้เขียนติดไว้ในบอร์ดที่ทำงาน
                และแล้ววันเวลาก็มาถึง  “จอมบึงมาราธอน”  ซึ่งเป็นมาราธอนในตำนานปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 34 ก็จะเป็นด่านทดสอบของผมว่าสามารถทำได้หรือไม่   สุดท้ายแล้ว.......”ผมทำได้”  ที่เวลาดีกว่าที่คิดมากๆ  คือ  1.35 ชั่วโมง  จนตนเองยังงงว่ามันเป็นไปได้อย่างไร    ก็เลยลองย้อนมาดูว่าสองปีที่ผ่านมาอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้วัตรปฏิบัติของเราเปลี่ยนแปลงไป  จากคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายแม้ว่าจะได้เคยเล่นโยคะอย่างหนักมากสัปดาห์ละ 4-5 วัน  จนเลิกเล่นด้วยสูตรเลข 7 ที่กล่าวไปข้างต้น  คือ”คาลิฟอร์เนียโยคะ” ล้มละลายทำให้ละเลยการเล่นเกิน 7 วันก็เลยลากยาวจนน้ำหนัก 70 เป็น 82 ในที่สุด  แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนที่มาเริ่มวิ่งออกกำลังวันละ 30 นาที  อย่างน้อยเดือนละ 20 วัน จนอยากสรุปไว้เป็นหลักฐานว่า  “เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”
                1.มีเป้าหมายชัดเจน ที่เป็นรูปธรรม ในที่นี้คือ  วันละ 30 นาที / เดือนละ 20 วัน เป็นอย่างน้อย  และ วิ่งอีเวนต์ 5 กม.เดือนละ 1 ครั้ง   ไม่ใช่แค่ว่า “เราจะออกกำลังกาย”  มันเป็นนามธรรมวัดไม่ได้  และ ลอยๆๆๆๆ
                2.เขียนเป้าหมายไว้คอยเตือนใจ  เตือนสติ  เพื่อกระตุ้นตนเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในที่นี้ผมใช้ขีดการออกกำลังกายตอนเช้าผมลงในปฏิทิน และนับให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 20 วัน หากไม่เขียนไว้มันอาจจะลืมเพราะไม่มีอะไรคอยกระตุ้น
                3.หา”คนต้นแบบ” สำหรับผมแล้วในที่นี้ไม่ใช่  “พี่ตูน”  แต่เป็นรูปคนที่ป่วยนอนติดเตียง  เทียบกับคนสูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรง   ซึ่งผมเลือกรูปผู้สูงวัยที่ยังแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
                4.บริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด  คนมักคิดว่าตนเองไม่มีเวลาซึ่งเป็น “เท็จ” ทุกคนมีเวลา 24 ชม.เท่ากันทั้งสิ้น  แต่เราเอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นๆเช่น  นอนแทนที่จะไปวิ่งตอนเช้า  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราบริหารจัดการมัน  ผมเลือกวิ่งเพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากนัก อยู่ที่ไหนก็วิ่งได้  ไปต่างประเทศก็แค่เอารองเท้าวิ่งติดไปด้วยและอย่าลืม เลข 7 นะครับอย่างหยุดเกิน 7 วันติดกันเพราะจะต้องมาเริ่มต้นใหม่
                5.การเสพสื่อที่เป็นแรงบันดาลใจ   เพราะการเสพสื่ออะไรนานๆแล้วมันจะซึมซับเข้าไปในจิตใต้สำนึก  เช่น เสพสื่อที่สร้างแรงบันดาลใจ  ตัวอย่างที่ดีๆ  ก็จะทำให้วัตรปฎิบัติเราดีไปด้วยเช่นกัน แต่หากเราเสพสื่อที่คอยบั่นทอน ท้อแท้ เราก็จะกลายเป็นคนเช่นนั้น 
                6.ทัศนคติที่ดีที่ว่า  “เราทำได้”  อันนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะหากเริ่มต้นว่าเรา “ทำไม่ได้”  แล้วก็จะไม่มีจุดเริ่มต้นอย่างแน่นอน  ผมเริ่มต้นว่าเราต้องวิ่ง 10 กม.ได้ /  2 ชั่วโมง  มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราวิ่งได้จริงๆ
                7.จดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน  ซึ่งในที่นี้ผมขีดลงบนปฏิทินและคอยนับทุกๆสัปดาห์และรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 20 วันต่อเดือน  เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขหรือให้เราทบทวนว่าเหตุใดที่ยังทำไม่ได้
                8.ทุกอย่างยาก  “ตอนเริ่มต้น”  ดังนั้นเริ่มต้นวันนี้  อย่ารอ  อย่าเลื่อน อย่ายอมแพ้ อย่าแท้ท้อ  แล้วท่านจะค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญต่อวัตรปฏิบัติของท่านอย่างแท้จริง
                พบกันที่เส้นชัยเพราะ  ก่อนอายุ 60 ปี ในเดือนสิงหาคม 2562 นี้ ผมมีเป้าหมายไว้พุ่งชนอีกเป็นหนึ่งคือ “มินิมาราธอน “  ระยะ 21 กม. และ.....แม้ผมจะทำไม่ได้.....(แต่หวังว่าจะทำได้) ...แม้ไม่ได้ 21 กม. แต่ก็มากกว่า 10 กม. ... แต่....ผมได้เริ่มทำแล้ว และคุณละ “เริ่มต้นหรือยัง  เพราะ.....”มันยากตอนเริ่มต้น”   จร้า........####
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...