วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

12,000 ล้าน คุ้มหรือไม่ ?

 


                    ไม่มีใครเชื่อว่าลิขสิทธิ์ปีละ 1,200 ล้าน และค่าผลิตรายการอีก 300 ล้านบาท รวมแล้ว 1,500ล้านบาทต่อปี  และตลอดอายุสัญญา 8 ฤดุกาลคือ 2021-2028  เป็นเงินถึง 12,000 ล้านบาท  ทีทางเซ้นส์เอนเตจอร์เทนเมนท์ ได้รับลิขสิทธิ์จากทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย  แถมบริษัทนี้ยังไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับกีฬามาก่อน  เพราะว่าเป็นผู้ผลิตรายการทางด้านบันเทิง เช่น บริษัทฮาไม่จำกัด ที่เรตติ้งดีวันดีขึ้นเป็นต้น แม้ประสบการณ์ทางด้านคอนเทนท์บันเทิงกว่า 10 ปี จะเรียกได้ว่ามากพอดู   แต่คอนเทนท์ทางด้านกีฬายังไม่มีประสบการณ์แม้แต่น้อย  อะไรทำให้คุณ คุณเอ-วราวุธ เจนธนากุล  ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของ  เซ้นส์เอนเตจอร์เทนเมนท์ กล้าหาญชาญชัยขนาดนั้น

                แน่นอนว่าต้องไม่เป็นโมเดลธุรกิจแบบเดิมๆที่ถ่ายทอดการแข่งขัน แล้ววิ่งหาสปอนเซอร์ซึ่งหายากมากในสถานการณ์โควิด-19 และอนาคตข้างหน้าอีกไม่น้อยกว่าสองสามปี  ทางคุณเอนั้นคงมองรูปแบบธุรกิจที่ต่างออกไปเพราะเป็นคนนอกวงการกีฬา  เพราะภูมิหลังของคุณเอนั้นทำงานทางด้านการเงินมาก่อนพอมาก่อน  พอได้มีโอกาสเป็นพิธีกรของเวิคพอยท์ก็เห็นโอกาสและมุมมองที่ต่างจากออกไป  ในกรณีนี้ก็เช่นกันคุณเอคงมองธุรกิจกีฬาในรูปแบบธุรกิจแบบใหม่ๆ  ซึ่งก็คิอ SPORTTAINMENT 

                ทั้งนี้คงไม่ทำคนเดียวแน่ๆดังนั้นจึงได้ร่วมธุรกิจกับ   พาร์ทเนอร์ Eleven Sports จากอังกฤษซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกทางด้าน  Sports  Media Service   โดยมีแพลทฟอร์ม และแอปทางด้านกีฬาระดับโลก ซึ่งก็คงจะมีอะไรใหม่ๆมาให้แฟนบอลชาวไทยได้ลิ้มลองในเร็ววันนี้    นอกจากนี้แล้วจำนวนแฟนบอลในเมืองไทยคงไม่เพียงพอต่อการลงทุนในครั้งนี้  แม้คนไทยจะมี  67 ล้านคนแต่เป็นแฟนบอลจริงกี่คนไม่มีใครทราบแน่นอนประเมินคร่าวๆไม่น่าเกิน   3-5 ล้านคน ดังนั้น “อาเซียน” ซึ่งมีประชากร 600 กว่าล้านคน และไทยลีกเป็นลีกอันดับหนึ่งของอาเซียน  น่าจะเป็นตลาดเป้าหมายของดีลนี้มากกว่าแค่ตลาดในประเทศไทย

                ที่สำคัญไปกว่านั้นพฤติกรรมการดูทีวีของคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า  30 ปีในวันนี้นั้นเค้าไม่ได้ดูจากจอทีวีสี่เหลี่ยมที่อยู่ในบ้าน  แต่ดูจากยูทูป  ไลน์ทีวี  วีทีวี LOOX TV   เฟสบุคไลฟ์  ฯลฯ ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มที่ต้นทุนน้อยไม่เหมือนทีวี  แถมยังสามารถดูย้อนหลังได้อีกด้วย   ซึ่งเรียกแพลทฟอร์มเหล่านี้ว่า Over The Top หรือ OTT  ที่นับวันขยายตัวตามประชากรที่เป็นคลื่นลูกใหม่ที่เกิดปีละ ประมาณ  7 แสนคน  และอนาคตคนดูจาก OTT จะเท่ากัน และมากกว่าจนทีวีปัจจุบันค่อยๆม้วนเสื่อไปทีละค่ายสองค่ายอย่างแน่นอน

                ลืมไปว่าในสัญญานี้รวมถึง E-SPORT ของฟุตบอลที่ตลาดเติบโตอย่างมีนัยะสำคัญด้วยและท้ายที่สุดนี้ด้วยเทคโนโลยี OTT และระบบการบริหารลูกค้า หรือผู้ดู  จะทำให้บริษัทมีมีฐานข้อมูลลูกค้าที่เห็นและเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้า  ซึ่งลูกค้าอาจจะถึง 10-15 ล้านคุน ถ้ารวมอาเซียนแล้วจะมีฐานข้อมูลถึง......เท่าใดไม่มีใครประเมินได้     โดยกลุ่มเป้าหมายนี้   เพื่อ...........ต่อยอดในธุรกิจอื่นๆอีก....ลำพังค่าโฆษณาไม่มีทางพอต่อต้นทุนในครั้งนี้ดังนั้นเกมส์ในธุรกิจนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว.....!!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...