วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2564

คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กับการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565 - 2569)


 

คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ

กับการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565 - 2569)

 

เนื้อหา

 

1.    วิวัฒนาการของแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติตั้งแต่ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2531 - 2539) ถึง ฉบับที่ 6
(พ.ศ.2560 - 2564)

2.    ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะบางประการของคณะทำงานการประเมินแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 4 (พ.ศ.2550 - 2554) และ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2555 - 2559)

3.    ทำไมต้อง NOCT : บทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

4.    ความเชื่อมโยงของแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติกับคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ(NSDP กับ NOCT)

5.    NOCT กับมาตรการและแนวทางการพัฒนาโดยใช้ฐานในการวางกรอบแผนงานจากยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ในแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560 - 2564)

6.    ข้อสังเกตและข้อคิดเห็นบางประการในการจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7
(พ.ศ.2565 - 2569)

1. วิวัฒนาการของแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติตั้งแต่ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2531 - 2539)

ถึง ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560 - 2564)

 

        “กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลศทำคนให้เป็นคน” บทเพลงที่มีเนื้อร้องที่คนไทยได้ยินได้ฟังมาอย่างช้านาน เป็นบทประพันธ์เนื้อร้องโดย “ครูเทพ” หรือ พระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องที่ฉายภาพให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า กีฬาเป็นยาวิเศษที่จะช่วยสร้างให้มนุษย์เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ มีจิตใจที่มั่นคง เข้มแข็ง มีค่านิยมที่เป็นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพ เป็นผู้ที่มีระเบียบวินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบตามบทบาทและหน้าที่ รู้จักการแบ่งปัน มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ
รู้อภัย และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การดำเนินชีวิตในสังคมเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเกิดสันติสุข ด้วยประจักษ์ในความจริงดังกล่าว รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการกีฬาที่จะช่วยในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล จึงได้ดำริให้มีการจัดทำ “แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” ขึ้น เพื่อใช้เป็นเข็มทิศในการชี้แนะแนวทางดำเนินกิจกรรมด้านการกีฬาของประเทศซึ่งจะเป็นการนำพาให้คนในประเทศเป็นคนที่มีคุณภาพพร้อมที่จะพัฒนาชาติให้มีความเจริญเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ.2531 - 2539) ประกอบด้วย 6 แผนงาน ดังนี้

 

1.     แผนการพัฒนาการกีฬาขั้นพื้นฐาน

2.     แผนการพัฒนาการกีฬาเพื่อสุขภาพ

3.     แผนพัฒนาการกีฬาเพื่อการแข่งขัน

4.     แผนพัฒนาโภชนาการกับการกีฬา

5.     แผนพัฒนาการบริหารและจัดการองค์กรในการพัฒนาการกีฬา

6.     แผนพัฒนาการกีฬาเพื่อการอาชีพ

 

        จากการวิเคราะห์ของการได้มาของ 6 แผนงานดังกล่าว จะมีคำสำคัญ (key words) ของ 3 แผนงานได้แก่ โภชนาการการกีฬา การบริหารและจัดการองค์กรกีฬาในการพัฒนาการกีฬา และ การกีฬาเพื่อการอาชีพ ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ของการพัฒนากีฬาชาติในห้วงเวลานั้น

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2540 - 2544) ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2545 - 2549) และฉบับที่ 4 (พ.ศ.2550 - 2554) ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้

 

1.     ยุทธศาสตร์การพัฒนาการกีฬาขั้นพื้นฐาน

2.     ยุทธศาสตร์การพัฒนาการกีฬาเพื่อมวลชน

3.     ยุทธศาสตร์การพัฒนาการกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ

4.     ยุทธศาสตร์การพัฒนาการกีฬาเพื่อการอาชีพ

5.     ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา

6.     ยุทธศาสตร์การพัฒนาการบริหารการกีฬา

 

        ในแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 2,3 และ 4 ได้ปรับการใช้ภาษาของแต่ละแผนให้ออกมาเป็นยุทธศาสตร์ โดยมีกรอบของแผนงาน (มาตรการ) ที่มีความกระชับ รัดกุม และครอบคลุมเนื้องานให้กว้างขวางขึ้น

 

        สำหรับคำสำคัญ (key word) ของแผนดังกล่าวในห้วงเวลานั้นคือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2555 - 2559) ได้มีการปรับภาษาให้เหมาะสมและชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังคงความสำคัญในการพัฒนาทั้ง 6 ด้านดังนี้

 

1.     การพัฒนาการออกกำลังกายและการกีฬาขั้นพื้นฐาน

2.     การพัฒนาการออกกำลังกายและการกีฬาเพื่อมวลชน

3.     การพัฒนาการกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ

4.     การพัฒนาการกีฬาเพื่อการอาชีพ

5.     การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา

6.     การพัฒนาการบริหารจัดการการกีฬาและการออกกำลังกาย

 

        สำหรับแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 5 มีวิสัยทัศน์ที่ปรากฏอย่างชัดเจนโดยมุ่งเน้นเรื่อง การเพาะบ่มคุณธรรม จริยธรรมให้เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาควบคู่ไปกับมาตรการเชิงรุกในยุทธศาสตร์ที่ 1 สำหรับในยุทธศาสตร์การพัฒนาการกีฬาเพื่อการอาชีพ นั้น จะมุ่งสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศโดยใช้ฐานของกีฬาอาชีพ และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการกีฬาของภูมิภาคและของโลก

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560 - 2564) ได้วางวิสัยทัศน์เอาไว้โดยให้การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคุณค่าทางสังคม และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะยังคงไว้ซึ่ง 6 ยุทธศาสตร์เดิม เพียงแต่เติมเนื้อหาของแต่ละยุทธศาสตร์ให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเพื่อให้ลงสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยมีรายละเอียดของยุทธศาสตร์ดังนี้

 

1.     การส่งเสริมให้เกิดความรู้และความตระหนักด้านการออกกำลังกายและการกีฬาขั้นพื้นฐาน

2.     การส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา

3.     การพัฒนาการกีฬาเพื่อความเป็นเลิศและต่อยอดเพื่อความสำเร็จในระดับอาชีพ

4.     การพัฒนาอุตสาหกรรมการกีฬาเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจ

5.     การพัฒนาองค์ความรู้และนวตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา

6.     การยกระดับการบริหารจัดการด้านการกีฬาให้มีประสิทธิภาพ

 

        ในแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 ได้ให้ความสำคัญซึ่งเป็นคำสำคัญ (key words) คือ อุตสาหกรรมกีฬาเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ การพัฒนาองค์ความรู้และนวตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา ซึ่งจะได้มาจากการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย ในศาสตร์ต่างๆที่เกียวข้อง รวมทั้งการยกระดับการบริหารจัดการขององค์กรกีฬาที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า เป็นองค์กรที่จะช่วยขับเคลื่อนการกีฬาได้ในทุกๆมิติ

2. ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะบางประการของคณะทำงานการประเมิน

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 4 (พ.ศ.2550 - 2554) และฉบับที่ 5 (พ.ศ.2555 - 2559)

 

1.     ก่อนการนำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติลงสู่ภาคปฏิบัติ องค์กรที่มีหน้าที่เกียวข้องขาดการนำรายละเอียดของแผนฯไปชี้แจง ทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติ จึงทำให้ผู้ปฏิบัติไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ และบางครั้งจะตีความในรายละเอียดไม่แจ่มแจ้ง กรณีนี้ องค์กรที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องควรจะต้องดำเนินงานให้ครบตามลำดับขั้นตอน คือ ต้องมีการนิเทศ การติดตาม และการประเมินผล ในอดีตที่ผ่านมา จะมีการติดตามเล็กน้อย และให้ความสำคัญกับการประเมินผลจึงทำให้ผลการประเมินไม่เป็นไปตามเป้าหมาย (ตัวชี้วัด)

 

2.     การมอบหมายเจ้าภาพหลักของแต่ละยุทธศาสตร์ บางยุทธศาสตร์จะไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อน เช่น ยุทธศาสตร์ที่ว่าด้วย การพัฒนาการออกกำลังกายและการกีฬาขั้นพื้นฐาน โดยมีกรมพลศึกษาเป็นเจ้าภาพหลัก
แต่กลุ่มเป้าหมายของการพัฒนาในยุทธศาสตร์นี้จะอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ เจ้าภาพหลัก (กรมพลศึกษา)
ขาดอำนาจการบริหารในระบบสถานศึกษา
เด็กและเยาวชนจึงขาดโอกาสในการเข้าถึงยุทธศาสตร์นี้

 

3.     ยุทธศาสตร์หลายยุทธศาสตร์กำหนดเจ้าภาพมากเกินไป ซึ่งในการดำเนินงานจึงไม่มีการ “บูรณาการ”
ในการทำงาน ต่างคน ต่างทำ ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น

 

4.     ตัวชี้วัดในบางมาตรการเขียนไว้ไม่ชัดเจนทำให้การตีความไม่คงเส้นคงวา บางตัวชี้วัดตีความไม่ถูกต้อง เมื่อต้องประเมินทำให้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ตัวชี้วัดบางรายการโดยเฉพาะตัวชี้วัดในเชิงปริมาณ การกำหนดตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลข ไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เช่น การกำหนดค่าร้อยละที่เพิ่มขึ้นของผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือ  การกำหนดค่าร้อยละของสมรรถภาพทางกายที่ดีขึ้นของเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา เป็นต้น

 

5.     ยุทธศาสตร์บางยุทธศาสตร์มีตัวชี้วัด แต่ไม่ได้ระบุมาตรการ (กิจกรรม)ไว้ การประเมินผลจึงไม่มีข้อมูล เช่น การกำหนดตัวชี้วัดว่า เด็กและเยาวชนจะมีจริยธรรม คุณธรรม (ยุทธศาสตร์ที่ 1) แต่ในระบบการศึกษา ไม่ได้วางกิจกรรมที่จะตรวจสอบเด็กและเยาวชนในเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม

 

6.     การบริหารจัดการกีฬาที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรม เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และองค์กรที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญที่สุด จากการประเมินพบว่า องค์ความรู้ด้านการบริหารการจัดการ ผู้นำหรือผู้บริหารขององค์กรยังใช้ประสบการณ์เดิมของตนเองอยู่ซึ่งบางครั้งยังไม่เข้าสู่หลักการสากลจึงทำให้ความสามารถในการประยุกต์องค์ความรู้สู่การปฏิบัติยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร

 

3. ทำไมต้อง NOCT : บทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

 

        คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นองค์กรกีฬาหลักของประเทศที่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2491 (ค.ศ.1948) โดยมีบทบาทและหน้าที่ซึ่งปรากฏอยู่ในกฏบัตรดังนี้ คือ

 

1.     ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์หลักการของอุดมการณ์โอลิมปิก (Olympism) ภายใต้ธรรมนูญโอลิมปิก     (Olympic Charter) ของคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติ (International Olympic Committee)

2.     ดูแลให้การดำเนินงานเป็นไปตาม Olympic Charter

3.     ส่งเสริมและพัฒนากีฬาให้ได้มาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้องส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาเพื่อ      มวลชน

4.     ส่งเสริมและพัฒนาทักษะของผู้บริหารการกีฬา โดยจัดอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการกีฬาแก่  บุคลากรกีฬา

5.     เป็นองค์กรที่มีหน้าที่คัดเลือกและส่งนักกีฬาระดับชาติเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก กีฬาระดับทวีป   กีฬาระดับภูมิภาค หรือการแข่งขันใดๆที่อยู่ภายใต้อุปถัมภ์ของ IOC

6.     ประสานงานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสนับสนุนและพัฒนาการกีฬาของชาติให้ไปในทิศทางเดียวกัน

7.     ต้องมีความคิดและการบริหารจัดการเป็นอิสระ หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ อันเกิดจาก แรงกดดันทาง  การเมือง ศาสนา หรือทางเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ตาม Olympic   Charter

 

        ในฐานะที่ NOCT เป็นองค์กรกีฬาหลักของประเทศองค์กรหนึ่ง และหากจะพัฒนาบทบาทหน้าที่ของ NOCT ทั้ง 7 ข้อ โดยเฉพาะในข้อที่ 6 ที่จะต้อง “ประสานงานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสนับสนุนและพัฒนาการกีฬาของชาติให้ไปในทิศทางเดียวกัน” คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯจึงเห็นสมควรที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565 - 2569) ซึ่งต้องเป็นแผนที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนากีฬาของชาติในภาพรวมในอนาคตอันใกล้นี้

4. ความเชื่อมโยงของแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติกับ

คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย (NSDP กับ NOCT)

 

        ข้อมูลต่างๆต่อไปนี้จะเป็นการฉายภาพให้เห็นว่าโดยบทบาทและหน้าที่ของ NOCT จะไปเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านของแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติได้อย่างไร (ยังใช้ฐานของแผนฯ #6 เพราะยุทธศาสตร์แผนฯ #7 ยังไม่ได้กำหนด)

 

 

 

 

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 1

(พ.ศ.2531 - 2539)

บทบาทและหน้าที่ของ NOCT

ยุทธศาสตร์ที่ 3 = แผนพัฒนาเพื่อการแข่งขัน

     ความรู้ ทักษะ เทคนิค และประสบการณ์ต่างๆทางการกีฬา การนำทีมนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ไปแข่งขัน ณ ต่างประเทศในมหกรรมกีฬา

ยุทธศาสตร์ที่ 5 = แผนพัฒนาการบริหารและจัดการองค์กรการพัฒนาการกีฬา

     องค์กรกีฬาระดับนานาชาติ (การบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารองค์กรกีฬาเช่น IOC, OCA, IF, AF เป็นต้น)

 

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 2

(พ.ศ.2540 - 2544)

ฉบับที่ 3

(พ.ศ.2545 - 2549)

ฉบับที่ 4

(พ.ศ.2550 - 2554)

 

หมายเหตุ : ทั้ง 3 ฉบับใช้ 6 ยุทธศาสตร์เดิม

บทบาทและหน้าที่ของ NOCT

ยุทธศาสตร์ที่ 1 = การพัฒนาการกีฬาขั้นพื้นฐาน

     มีตัวชี้วัดเรื่องคุณธรรม จริยธรรม แต่ไม่ปรากฏมาตรการ (กิจกรรม)

ควรให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่อง “ค่านิยมโอลิมปิก” (Olympic Value) ซึ่งจะอยู่ในโครงการ OVEP (Olympic Values Education Program) โดยเฉพาะในสถานศึกษาระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งจะทำงานร่วมกับ สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ส.พ.ฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ

ยุทธศาสตร์ที่ 5 = การพัฒนาการบริหารการกีฬา

     NOCT โดย TOA มีหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ให้ผู้บริหารสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดในโครงการ Sport Administration และ Advanced Sport Management ซึ่งเป็นหลักสูตรของ IOC ได้สร้างความตระหนักรู้ การบริหารจัดการกีฬาอย่างเป็นรูปแบบ และเป็นมาตรฐานสากล มีหลักธรรมาภิบาลตามรูปแบบโอลิมปิก (Good Governance by Olympic Model)

 

 

 

 

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 5

(พ.ศ.2555 - 2559)

บทบาทและหน้าที่ของ NOCT

ใช้ 6 ยุทธศาสตร์เดิมจากแผนฯ 4 (พ.ศ.2550 - 2554) เน้น

- คุณธรรม จริยธรรม และน้ำใจนักกีฬา (วัตถุประสงค์ข้อ 2) แต่ไม่ปรากฏมาตรการ

- เรื่อง ธรรมาภิบาลการกีฬา (Good Governance) (วัตถุประสงค์ข้อ 5) ใช้ SAM, MOSO

- เน้นเรื่องการบริหารจัดการกีฬาที่มีคุณภาพ (วัตถุประสงค์ข้อ 7) ใช้ SAM, MOSO

* SAM : Sport Administration Manual

  MOSO : Managing Olympic Sport Organizations

 

 

แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6

(พ.ศ.2560 - 2564)

วิสัยทัศน์

- กีฬาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคุณค่าทางสังคม (คุณค่าทางสังคม Social Values สร้างได้ด้วยค่านิยมโอลิมปิก Olympic Values)

- กีฬาช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ

 

          เศรษฐกิจของประเทศ             กีฬาอาชีพ

 

                                              อุตสาหกรรมกีฬา

                                              (Sport Industry)

 

               โครงการ Advanced Sport Management Course (ASMC)

 

 

 

 

 

 

 

5. NOCT กับมาตรการโดยใช้ฐานในการวางกรอบแผนงานจากยุทธศาสตร์ทั้ง 6

ในแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

 

ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การส่งเสริมให้เกิดความรู้ และความตระหนักด้านการออกกำลังกายและการกีฬาขั้นพื้นฐาน

 

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ :     ให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาด้านพลศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง มีการออกกำลังกายและเล่นกีฬาขั้นพื้นฐานอย่างถูกต้อง มีระเบียบวินัย มีน้ำใจนักกีฬา รวมถึงมีการจัดวางระบบโครงข่ายในสถานศึกษาและชุมชน

 

มาตรการ (แนวทางการพัฒนา) :    

1.     ปลูกฝังค่านิยมกีฬา (Sport Values) โดยใช้ค่านิยมโอลิมปิก (Olympic Values) เป็นเครื่องมือ ผ่าน       โครงการค่านิยมโอลิมปิก (Olympic Values Education Program : OVEP) ในสถานศึกษาทั่วประเทศ

2.     ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาขั้นพื้นฐานโดยบูรณาการกับมาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง 12      มาตรฐานในหลักสูตรระดับปฐมวัยศึกษา และ 5 สาระการเรียนรู้ในหลักสูตรพลศึกษา และสุขศึกษา   ระดับประถมศึกษา ในสถานศึกษาทั่วประเทศ

3.     ส่งเสริมและสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาจัดตั้ง เครือข่ายชุมชนแห่งการเรียนรู้โอลิมปิกศึกษา (Olympic Study Learning Community) เพื่อเป็นชุมชนที่เป็นแหล่งรวมขององค์ความรู้ที่เกี่ยวกับ ยุทธศาสตร์โอลิมปิก (Olympic Movement) ที่สามารถนำมาประยุกต์ในการพัฒนาการกีฬาทุกๆมิติ

 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา

 

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ :     ส่งเสริมการออกกำลังกายและกิจกรรมการกีฬาแก่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ พลานามัย ลดปัญหาของสังคม ส่งเสริมให้ประชาชนมีจิตอาสา และพัฒนาระบบอาสาสมัครด้านการกีฬา

 

 

 

มาตรการ (แนวทางการพัฒนา)

 

1.     สนับสนุนให้ชุมชนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จัดตั้ง เครือข่ายชุมชนแห่งการเรียนรู้โอลิมปิกศึกษา (Olympic Study Learning Community) เพื่อชุมชนนั้นจะได้นำค่านิยมโอลิมปิก (Olympic Values)    มาพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกๆมิติ

2.     ส่งเสริมให้เด็กหญิงและสตรีมีส่วนร่วมในกิจกรรมการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาอย่างชัดเจนและ จริงจัง เพื่อสร้างความเสมอภาคทางเพศ (Gender Equality)

3.     ส่งเสริมและสนับสนุนการจัด “วันโอลิมปิก” (Olympic Day) เข้าไว้ในปฏิทินการจัดกิจกรรมการออก        กำลังกายและกีฬาของหน่วยงาน เพราะกิจกรรมในวันโอลิมปิกจะเปรียบเสมือนห้องปฏิบัติการของการ    เสริมสร้างรากฐานของการเป็นผู้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

4.     ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้พิการ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ผู้ด้อยโอกาส ชนกลุ่มน้อย         (minority group) ได้เข้าถึงการให้บริการด้านการออกกำลังกายและเล่นกีฬา

 

ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศและต่อยอดเพื่อความสำเร็จในระดับอาชีพ

 

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ : เน้นการสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติโดยการสร้างและพัฒนาฝีมือให้นักกีฬาไปสู่ความเป็นเลิศ เน้นการสร้างชื่อเสียง เกียรติยศ และเกียรติภูมิของประเทศ และสามารถต่อยอดขึ้นไปเป็นนักกีฬาอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเอง เป็นการเพิ่มเศรษฐกิจให้กับประเทศ

 

มาตรการ (แนวทางการพัฒนา)

 

1.     การร่วมการวางแผนการพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศระยะยาวในการพัฒนาสมรรถนะนักกีฬาเข้าสู่ เกมส์การแข่งขันระดับนานาชาติ ระดับโลก

2.     การวางแผนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาในรายการใหญ่ๆ เช่น โอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ และหรือ รายการแข่งขันชิงชนะเลิศในระดับโลก ระดับทวีป และระดับภูมิภาค ที่มีความยั่งยืน โดยจะ เชื่อมโยงกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ

3.     จัดทำมาตรฐานการจัดการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นในระดับชาติและระดับนานาชาติให้เข้าสู่       มาตรฐานสากล         (major sport event management)

4.     สนับสนุนให้มีการริเริ่มจัดทำกองทุนสำหรับอดีตนักกีฬาในครอบครัวโอลิมปิก (Olympians)

5.     จัดทำมาตรการคุ้มครองและปกป้องนักกีฬาจากความรุนแรง การคุกคาม การล่วงละเมิด        (harassment)   และการใช้สารต้องห้าม ซึ่งมาตรการเหล่านี้ ปรากฏอยู่ใน Olympic Agenda 2020 / New norm และ Olympic Charter

 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การพัฒนาอุตสาหกรรมการกีฬาเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ

 

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ : สนับสนุนการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกีฬาและส่งเสริมอย่างครบวงจร มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา การจัดตั้งเมืองกีฬา ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการกีฬาของภูมิภาค

 

มาตรการ (แนวทางการพัฒนา)

 

1.     พัฒนาระบบการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานให้กับอดีตนักกีฬา ผู้บริหารทางการกีฬาซึ่งจะสามารถ   นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬา

2.     พัฒนาเมืองกีฬา (Sport City) ให้เป็นเมืองโอลิมปิก (Olympic City) เพื่อเตรียมพร้อมในการเสนอตัว เป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิกเกมส์ 2030 (Youth Olympic Games 2030)

3.     ส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมการจัดการประชุมทางวิชาการระดับโลก ระดับ   นานาชาติ เพื่อประเทศไทยจะได้รับการพิจารณาให้เป็นศูนย์กลางด้านกีฬาของภูมิภาค

4.     ส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรกีฬาระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง เพื่อรอรับการจัดตั้งสำนักงานกีฬาระดับ    ภูมิภาค และพัฒนาองค์กรกีฬาให้เข้าสู่มาตรฐานสากลตามรูปแบบขององค์กรกีฬาโอลิมปิก (Olympic       Sport Organization)

 

ยุทธศาสตร์ที่ 5 : การพัฒนาองค์ความรู้และนวตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา

 

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ : ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้และนวตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาเพื่อพัฒนาสุขภาพ สมรรถภาพของประชาชน จนพัฒนาไปสู่ความสามารถสูงสุดอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการสร้างความตระหนักและการนำองค์ความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม

 

มาตรการ (แนวทางการพัฒนา)

 

1.     สร้างองค์ความรู้เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ด้านโอลิมปิกศาสตร์เพื่อสร้างนวตกรรม (สร้างหลักสูตร / สร้าง  รายวิชา / สร้างองค์ความรู้) ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา

2.     ส่งเสริมให้มีการจัดทำองค์ความรู้เกียวกับการเตรียมตัวในการเดินทางไปแข่งขันมหกรรมกีฬาใน    ระดับชาติ ระดับนานาชาติ การปฏิบัติตนในช่วงของการแข่งขัน และการเดินทางกลับจากการแข่งขัน     ตามหลักการระดับสากล

3.     ส่งเสริมให้มีการพัฒนานวตกรรมเพื่อความปลอดภัยในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ตามสถานการณ์       ในห้วงเวลานั้น

4.     ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรการกีฬามีความรู้ ความเข้าใจ ในองค์ความรู้โอลิมปิกศาสตร์เพื่อการ     ประยุกค์ใช้อย่างครบวงจร

 

ยุทธศาสตร์ที่ 6 : การยกระดับการบริหารจัดการด้านการกีฬาให้มีประสิทธิภาพ

 

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์ : เสริมสร้างการบูรณาการการบริหารจัดการทางการกีฬาตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติการ พัฒนาระบบฐานข้อมูลที่มีมาตรฐาน ยกระดับการบริหารจัดการขององค์กรกีฬาให้เข้าสู่มาตรฐานสากล ที่สำคัญจะต้องวางอยู่บนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล (Good Governance)

 

มาตรการ (แนวทางการพัฒนา)

 

1.     ส่งเสริมและพัฒนากีฬาให้ได้มาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรกีฬาระดับโลก เช่น IOC, IOA, OS, IF, OCA, AF, ANOC เป็นต้น

2.     ส่งเสริมให้ใช้ยุทธศาสตร์โอลิมปิก (Olympic Movement) ในการบริหารจัดการองค์กรกีฬาอย่างเป็นรูปธรรม โดยการนำองค์ความรู้จาก *SAM, MOSO มาใช้

3.     ส่งเสริมให้นำหลักธรรมาภิบาลกีฬาเพื่อการปฏิรูปองค์กรกีฬาไทยสู่องค์กรกีฬาโอลิมปิก

4.     ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการนำอนุญาโตตุลาการการกีฬา (CAS) มาใช้ในการพัฒนากีฬาชาติ

 

เจ้าของหลักสูตรคือ IOC / OS

*SAM            = Sport Administration Manual

  MOSO = Managing Olympic Sport Organization

 

6. ข้อสังเกตและข้อคิดเห็นบางประการในการจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7

(พ.ศ.2565 - 2569)

 

1.     มองในภาพรวมของการพัฒนากีฬาชาติ เห็นสมควรให้คงยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ในแผนพัฒนา การกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560 - 2564) ไว้ และเพื่อให้เห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่  การมีพลังในการปฏิรูปการกีฬาไปสู่ระบบมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้ว เห็นสมควรให้     พิจารณาการเพิ่มยุทธศาสตร์ที่ 7 ว่า “การพัฒนากีฬาชาติอย่างครบวงจรด้วย ยุทธศาสตร์โอลิมปิก” (Olympic Movement)

 

2.     หากจะมีประเด็นร้อนและสำคัญในห้วงเวลานั้น ก็สามารถจะเพิ่มประเด็นนั้นๆเข้าไปในยุทธศาสตร์ที่    สามารถเชื่อมโยงกันได้ เช่นเดียวกับการเพิ่ม professional sport เข้าไปในยุทธศาสตร์ที่ 4 ใน       แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 5 แผน 6 และ sport industry ในแผน 6 (พ.ศ.2560 - 2564)
        (ณ ห้วงเวลานี้ ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ โควิด 19)

 

3.     เพื่อให้เห็นภาพของเป้าประสงค์ของแต่ละยุทธศาสตร์ได้ชัดเจนขึ้น วิสัยทัศน์ (Vision) ของทั้งแผน ฯ เป็น เข็มทิศที่ชี้ในภาพรวมที่ดีอยู่แล้ว แต่เพื่อจะฉายภาพให้เห็นรายละเอียดของเป้าประสงค์ มาตรการ (แนว   ทางการพัฒนา) ตัวชี้วัด ของแต่ละยุทธศาสตร์ได้ชัดเจนขึ้นเห็นสมควรให้มีการระบุวิสัยทัศน์ของแต่ละ       ยุทธศาสตร์ไว้ด้วย

 

4.     ในแนวทางการพัฒนาของแต่ละยุทธศาสตร์ ต้องระบุเจ้าภาพหลัก / ร่วมไว้ให้ชัดเจน เพราะจากการ        ประเมินทำให้ทราบว่าบางองค์กร / หน่วยงาน ยังไม่ทราบเลยว่า เป็นภารกิจขององค์กร / หน่วยงานของ     ตนเอง จึงส่งผลให้การดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพราะขาดการบูรณาการ

 

5.     การวางตัวชี้วัดของแต่ละมาตรการ ควรคำนึงถึงฐานที่มาของการคิดโดยเฉพาะตัวชี้วัดที่เป็นเชิงปริมาณ         ตัวชี้วัดในเชิงคุณภาพที่ได้ระบุไว้ก็จะต้องมั่นใจว่าได้ระบุมาตรการ หรือแนวทางในการพัฒนาไว้ด้วยแล้ว

 

6.     การจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565 - 2569) สมควรจะต้องนำผลการประเมิน     แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560 - 2564) มาใช้เป็นฐานในการพิจารณาด้วย

 

7.     ในการจัดทำรายละเอียดของแต่ละยุทธศาสตร์ ควรเชิญผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละยุทธศาสตร์เป็นผู้ร่วมใน     การจัดทำ ประสบการณ์ที่ผ่านมา มาตรการบางมาตรการทำไม่ได้ ตัวชี้วัดบางรายการไม่สมเหตุสมผล   ทำให้ผู้ปฏิบัติตีความหมายตัวชี้วัดไม่ตรงกัน

 

8.     ผู้ทรงคุณวุฒิที่ควรจะมีส่วนร่วมในการจัดทำ ควรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากระดับรากหญ้าจากส่วน     ภูมิภาคด้วย เช่น นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด เพราะบุคลากรกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ทำงานร่วมกับมวลชนจริง

 

9.     ควรมีการจัดตั้ง คณะทำงานนิเทศ ติดตาม และประเมินผล การดำเนินงานแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ        ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2565 - 2569) เพื่อขับเคลื่อนให้แผนฯนี้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลเชิง ประจักษ์ โดยคณะทำงานชุดนี้จะมีวาระการทำงานทั้ง 3 ช่วง คือ ช่วงการนิเทศ การติดตาม และการ ประเมินผล (พ.ศ.2565 - 2569)

 

นำเสนอโดย

สถาบันวิทยาการโอลิมปิคไทย

18 มกราคม 2564

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...