ปรากฎการณ์ “ลิซ่า” กับ “มิลิ” SOFT POWER ที่ผมขอบัญญัติเองว่า “พลังแห่งสุนทรียะ” ไว้เมื่อ 27 กันยายน 2564 เพราะกระดากปากที่จะใช้คำว่า “พลังอ่อน” เหมือนคนอื่นเขา การเป็นที่กล่าวขวัญทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกยอดไลค์ยอดแชร์ถล่มทลาย จน “รัฐบาล” ต้องรีบมาเกาะกระแสทั้งๆที่เวลาที่ผ่านมารัฐเองไม่ได้การส่งเสริมที่เป็นรูปธรรมอย่ามีนัยยะสำคัญ แม้จะมีส่วนสนับสนุนอยู่ในหลายๆงานก็ตามที่ แต่ก็ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและจับต้องได้ เพราะรัฐเองมองในมุมที่เป็นเรื่องตายตัวและขาดซึ่งความคิดสร้างสรรค์ ไม่คิดนอกรอบเพื่อให้พลังแห่งสุนทรียะนี้แพร่กระจายไปอย่างทั่วถึง เพราะติดกับดักคือ “กรอบความคิด” ของผู้นำและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
เราจะเห็นได้ว่า เกาหลีซึ่งเดิมเป็นชาติที่ยากจนกว่าเราย้อนไป ปี 1970 เกาหลีต้องเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาเอเชียนเกมส์แต่ไม่มีงบประมาณพอที่จะจัดงานนี้ ประเทศไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดแทน จากนั้นมีไม่กี่สิบปีเกาหลีได้เป็นเจ้าภาพจัดทั้ง เอเชี่ยนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ทั้งฤดูร้อน ฤดูหนาว แถมด้วย ฟุตบอลโลก เกาหลีเองนั้นก็มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเหมือนประเทศไทย โดยเริ่มจากประธานาธิบดีปักจุงฮีได้จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ระยะเวลา 5 ปี ฉบับที่ 1 และ 2 เริ่มตั้งแต่ คศ. 1961 -1971 ประเทศไทยเองก็มีมี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแผนที่ 1 ในปี 2504 บังเอิญเหลือเกิน คือปี คศ.1961 ปีเดียวกับเกาหลีใต้ แต่ 60 ปีผ่านไปเราเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่าเราแม้จะพัฒนาไปมากแต่เมื่อเที่ยบกับคู่แข่งขันในระนาบเดียวกันแล้วจะเห็นได้ว่าเรายังสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้อีก และต่อมาเกาหลีใต้ได้ปรับแผนในปี 1971 มาใช้แผน ที่มีชื่อว่า แซมาเอิล อุนดง (Saemaul Undong) โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาชนบทที่สามารถลดช่องว่างของคนรวยกับตน จนเห็นการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น ในปี 2014 ประธานาธิบดี ปาร์คกึนเฮย ได้ประกาศใช้แผนนวตกรรมเศรษกิจ 3 ปี โดยเป็นแผนนวตกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมีซอฟท์พาวเวอร์เป็นเครื่องมือในการดำเนินตามแผนนี้ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีที่สร้างกระแส เค-ป้อบ ภาพยนต์ การแสดง ศิลปวัฒนธรรม อาหาร หัตกรรม การท่องเที่ยว ฯลฯ อย่างเป็นรูปธรรม ส่วนบ้านเราไทยแลนด์แดนแห่งยิ้มสยาม นานๆทีก็จะมีซอฟท์พาวเวอร์ที่เป็นกระแสทีนึงแล้วก็จะค่อยจางๆไป ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการคือการต่อยอดของกระแสนั้นๆให้จริงจัง และต่อเนื่อง
แต่ด้วยความสามารถของภาคเอกชนของไทยได้พัฒนาและขยายตลาดซอฟท์พาวเวอร์ของไทยไป ตัวอย่างที่อยากจะยกขึ้นมาเล่าสู่กันฟังก็คือ “เวิร์คพอยท์เอ็นเตอร์เทนเมนท์” เจ้าพ่อเกมส์โชว์ของประเทศไทยที่ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง เพราะบ้านเราซื้อลิขสิทธิ์รายการมาผลิตมากมายที่เรียกได้ว่าจำติดตาติดหูคนไทย ไม่ว่าจะเป็น ตั้งแต่ยุคอะคาเดมีแฟนตาเซีย เรื่อยมาจน เดอะมาสค์ซิงเกอร์ หรือ ไอแคนซียัวร์วอยซ์ แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาทางเวิร์คพอยท์ก็กลายมาเป็นผู้ส่งออกรายการโดยการขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศบ้าง หลังจากประสบความสำเร็จได้รับรางวัลต่างๆมากมายในระดับเอเชีย โดยไปออกบูทงาน MIPCOM ซึ่งเป็นองค์กรการจัดงานแสดงสำหรับการขายลิขสิทธ์รายการบันเทิง ในปี 2022 นี้ก็จะมีการจัดงานนี้ขึ้นที่เมืองคาสน์ระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2022 งานนี้จะมีผู้ซื้อและผู้ขายนำรายการโทรทัศน์มานำเสนอที่สำคัญงานนี้เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกในธุรกิจนี้
รายการที่ได้รับความสนใจที่มีการขายไปยังยุโรป อเมริกา และเอเชีย เช่น ไมค์หมดหนี้ ปริศนาฟ้าแลบ ร้องข้ามกำแพงที่เรียกเรตติ้งได้ดีทั้งในประเทศไทยและประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์ไป คือ ฝรังเศส เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ สเปน อิตาลี โปรตุเกส เยรมัน รวมทั้ง เวียดนาม และตอนนี้คิดว่าน่าจะมีมากกว่า 8 ประเทศนี้ที่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ “ร้องข้ามกำแพง” ไปแล้ว
อีกรายการหนึ่งทีเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ “ลุงตู่” มาตลอด ก็คือ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ซึ่งเจ้าของลิขสิทธ์ คือคุณ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ที่จัดงานประกวดนี้ทีไรจะมีปัญหาทุกครั้งเพราะออกมาพูดกระทบรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ก็เป็นซอฟท์พาวเวอร์ในระดับโลกที่ถือว่าเป็นตัวอย่างความสำเร็จของคนไทย บริษัทไทย ที่ไม่สามารถรอรัฐบาลได้ ต้องขวนขวายและแสวงหาความสำเร็จในตลาดโลกเอาเอง
ล่าสุดเมือเดือน มกราคม 2565 ที่ผ่านมาทางรัฐบาลโดย กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้สนับสนุนการจัดการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก WGP#1 WORLD CUP 2021-2022 โดยจัดการแข่งขันที่พัทยาและมีการถ่ายทอดทีวีไป 90 ประเทศทั่วโลก ส่วนในฤดุการแข่งขัน 2022-2023 คาดว่าจะถ่ายทอดทีวีไปถึง 120 ประเทศเป็นการประกาศศักยภาพด้านการกีฬาของไทย ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันรายการนี้ และเชื่อได้ว่ากระแสเจ็ตสกีจะเติบโตเรื่อยๆ จนการแข่งขันเก็บคะแนนจะเพิ่มสนามในลักษณะเดียวกันกับการแข่งขันรถฟอมูล่าวัน F1 ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนคนดู ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน รวมทั้งผู้ติดตามที่จะมีผลพลอยได้ตามมาในด้านการท่องเที่ยว ที่ประเทศไทยของเราก็มีของดีให้มาดูมาชมมาเที่ยวกันได้ทั้งปีอยู่แล้วนั่นเอง