วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556
จริงหรือ ???????
“จริงหรือ ??? “
ดร.พงษ์ศักดิ์ สวัสดิเกียรติ
ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ม.เกษตรศาสตร์
กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ พิสิษฐ์กรุ๊ป
10 กันยายน 2556
ในวันที่มีข่าวออกมาว่าจะมีการเก็บภาษีคนโสดโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ก็มีการส่งต่อข้อมูลกันไปในโลโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง แน่นอนพร้อทั้งคำต่อว่าและแสดงความไม่เห็นด้วย ยิ่งถ้าเสื้อคนละสีด้วยแล้วละก็เรียกได้ว่าเข้าทางปืน ถล่มกระหนำด่าว่าอย่างรุนแรงเพราะลูกบอลมันเข้าเท้าพอดีก็เลยต้องยิง คืนนั้นมีนักศึกษาถามผมว่า"อาจารย์คิดว่าอย่างไร ? " ผมก็เลยตั้งปุจฉาว่า "จริงหรือ ?"
ข้อแรกเลยจริงหรือว่านี่เป็นข้อมูลว่ารัฐบาลจะเก็บภาษีคนโสดเพื่อกระตุ้นให้คนมีครอบครัวและมีลูก อันเป็นเหตุมาจากคนในวัยทำงานน้อยลง มีคนแก่มากขึ้นปัจจุบันมีมากกว่า 10 ล้านคน อนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีถึง 15-16 ล้านคน ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็ทราบว่าเป็นเพียงความคิดเห็นของนักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นไว้ในวงวิชาการเท่านั้น ซึ่งข่าวก็คงได้ลงว่าข้อเท็จจริงนี้แต่เพียงเราเอาแต่เพียงหัวข่าว หรือเรียกได้ว่าอ่านแต่หัวข่าวแล้วกดไลค์ กดแชร์ กดด่าไปเรียบร้อยโรงเรียน"ไม่ได้คิด วิเคราะห์"
จริงหรือ ? ถ้าบังคับให้คนแต่งงานแล้วเขาจะมีลูก หรือแค่จดทะเบียนสมรสเพื่อไม่ต้องเสียภาษี
จริงหรือ ? ถ้าเก็บภาษีแล้วคนจะแต่งงานกัน ถ้าภาษีนั้นไม่มาก คนก็อาจจะยอมเสียภาษีแทนก็ได้
จริงหรือ ? ถ้าเก็บภาษีมากๆ คนก็จะยอมจดทะเบียนกัน แล้วก็ย้อนกลับไปข้อเดิมว่าแต่งแล้วจะมีลูกหรือ นี่ยังไม่นับว่าแต่งจริงหรือแต่งหลอกๆ
สังคมไทยในปัจจุบันนี้เป็นสังคมที่เชื่อ "ช่าวลือ" "ชาดสติ ในการคิด วิเคราห์ " โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวในทางลบมักจะขายได้ และเป็นที่สนุกปาก แต่ข่าวดีๆในเชิงสร้างสรรค์กลับไม่ค่อยสนใจหรือกระจายข่าวเสียเท่าไหร่ ใครไม่เคยดูทีวี่ช่องไทยพีบีเอสลองเข้าไปดูบ้างนะครับมีหลายรายการที่ดีมากๆขอบอก ฝึกให้คนได้คิด วิเคราะห์ โต้เถียงกันอย่างใช้เหตุและผล เลิกดู เลิกเสพ เลิกเชื่อสือที่เป็นของนักการเมืองได้แล้วครับพี่น้องทั้งหลาย เพราะสือเหล่านี้กำลังปั่นหัวคนไทยให้คิดไม่เป็น วิเคราห์ไม่เป็น ขาดสติ แค่ขอให้หลงเชื่อแล้วเดินตามเท่านนั้นเป็นพอ
นักศึกษาถามต่อในเฟสบุคของผมว่าอยากให้อาจารย์วิเคราห์เรื่อง “ยางพารา” ว่าต้นเหตุการประท้วงมาจากอะไร และอนาคตยางพาราไทยจะเป็นเช่นไร ผมก็ถามกลับไปว่ราคายางตอนนี้เท่าไหร่ แล้วก็ให้ไปคนหาดูว่าราคายางในช่วงนายกรัฐมนตรีแต่ละคนนั้นราคาเท่าไหร่ ก็จะได้คำตอบซึ่งผมเองไม่ทราบจริงๆว่าราคายางแต่ละช่วงนั้นเป็นเท่าใด แต่พยายามฝึกนักศึกษาให้คิด วิเคราห์ หาข้อมูล ฯลฯ ส่วนอนาคตยางพาราไทยจะเป็นอย่างไร ผมไม่ใช้ผู้รู้ทางยางพาราแต่อยากแสดงความคิดเห็นเล็กๆไว้ดังนี้
พื้นที่ปลูกยาพาราเพิ่มจาก 17.25 ล้านไร่ในปี 2552 เป็น 18.46 ล้านไร่ในปี 2554 ปีนี้2556 ยังไม่มีตัวเลขออกมา แต่คาดว่าไม่น้อยกว่า 19-20 ล้านไร่ เพราะส่งเสริมการปลูกไปทุกภาคทั่วไทย ทีนี้ราคายางมันผันแปรกับ 1.ราคาน้ำมันดิบ เพราะสามารถมาทำยางสังเคราะห์ซึ่งเป็น สินค้าทดแทนกับยางพาราธรรมชาติ ถ้าราคาน้ำมันดิบสูงราคายางก็สูงไปด้วย 2.ความต้องการ DEMAND และตลาดที่บริโภคใหญ่ที่สุดคือจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจจีนเติบโตชลอตัวลง ทำให้ความต้องการลดลง 3.ผลผลิต SUPPLY ซึ่งถ้าผลผลิตออกมามากๆแล้วราคามันก็เป็นไปตามกลไกตลาดคือราคาจะถูกลง แล้วก็ให้นักศึกษษคิดต่อว่า ราคามันน่าจะเป็นเช่นไร ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะพยายามส่งเสริมให้มีการผลิต “ผลผลิตจากยาง” คือเอายางมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ ถุงมือยาง ฯลฯ แต่ผมถามว่าถ้าความต้องการสินค้าไม่ได้มากขึ้น รถยนต์ขายได้เท่าเดิม แล้วยางรถยนต์จะขายได้เพิ่มหรือไม่เพราะเพียงแค่ไปผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าส่งออกเท่านั้น และต้องไปแย่งตลาดกกับคู่แข่งขันอีก ดังนั้นวิธีที่น่าจะทำกว่าคือเพิ่มสินค้าที่ผลิตจากยางพารา เช่น การนำไปทำถนน หรือ ทำส่วนประกอบรถยนต์ วัสดุตกแต่งบ้าน ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ (ทำได้หรือเปล่าไม่รู้ ) ซึ่งเป็นการเพิ่มตลาดใหม่ให้กับสินค้ายางนั่นเอง
รายการทีวีเรื่องหนึ่งในช่อง AXN ทางทรูวิชั่น หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ศาสตราจารย์เฮล ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายแฝงตัวมา และพูดต่อต้านสังคมในหมู่นักศึกษาสร้างอิทธิพลและทำให้นักศึกษาต่อต้าน เกลียดสังคม และก่อเหตุร้ายต่างๆนาๆ พอตำรวจจับได้ก็มีการกล่าวอ้างว่าตนเองไม่ผิดเพราะว่าเป็นเสรีภาพทางความคิด ตำรวจก็เลยบอกว่า “ รู้จักดีทริค เอ็คฮาร์ท หรือไม่..............คงไม่มีใครรู้จัก เพราะเขาคือ ครู.......ของฮิตเลอร์ ปั้นฮิตเลอร์ ให้เป็นอย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน “ ถ้าไม่มีนายดีทริคคนนี้ ก็ไม่มีฮิตเลอร์ในวันนั้น
เพราะ “ความเกลียดชัง” ที่ ส่งเสริม และสะสม ไว้เป็นเวลานานมันมาประทุเอาตอนฮิตเลอร์เป็นผู้นำทำให้โลกต้องสยองกับภารกิจของฮิตเลอร์ที่เป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน
เราพยายามสร้าง “ความปรองดอง” แต่ผมว่าเรามา “ลดความเกลียดชัง” กันก่อนดีกว่าหรือไม่??
สังคมไทยที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2549 เป็นสังคมที่สะสมความเกลียดชังมาถึง 6-7 ปี แล้วลูกหลานเราที่จะเติบโตขึ้นมาในอีก 10 -20 ปีข้างหน้าจะคิดอย่างไร เป็นอย่างไร และประเทศชาติของเราจะเป็นอย่างไร
ต้องถามว่า “วันนี้คุณลดความเกลียดชังลงหรือยัง ?? “ คำถามนี้ผมขอถามทุกฝ่ายในบ้านเมือง และพวกเราที่เหลือละครับ “อ่าน คิด วิเคราะห์ “ ได้หรือไม่ เราตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองทั้งสองฝัง "จริงหรือ ไม่ ?? "
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)
เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก" สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...
-
จุดศูนย์กลางการบินในแต่ละภูมิภาค (HUB) นั้นสามารถสร้างรายได้และสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศนั้นได้อ...
-
ทุกๆสี่ปีจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งเป็นกีฬาที่มีคนเผ้าติดตามมากที่สุดในโลก การแข่งขันฟุตบอลถือเป็นรายการโทรท...
-
CR : Ski and Snowboard Association of Thailand เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองและบิ๊กป้อมใดๆทั้งสิ้น เพราะว่าลุงแกตกยุค...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น