วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

“3 IN WIN ทุกสนาม”



                       


                                  ชื่อเรื่องวันนี้อาจจะผสมผสานทั้งภาษาไทยและอังกฤษไม่มีอะไรครับ   ตั้งชื่อเพื่อให้มันสอดคล้องแถมเพื่อเพิ่มความจุงใจในการติดตามเท่านั้นเอง  เพราะไปได้ไอเดียมาจากการพานักศึกษา ป.เอก การจัดการกีฬาของมหาวิทยาลัยเกษตรสาสตร์  ไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยครั้งนี้ได้เดินทางไปดูงานถึงสามหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่น  ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นก็มีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

                มหาวิทยาลัยแรกคือ  JUNTENDO UNIVERSITY  ที่มหาวิทยาลัยนี้มีกิจกรรมหลักคือ  การที่อาจารย์ทั้งสองมหาวิทยาลัยมาบรรยากแลกเปลี่ยนกันฝ่ายละ 4 คน ใน 4 หัวข้อ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกีฬา  นับว่าได้แนวคิดและข้อมูลมามากมาย   

                มหาวิทยาลัยที่สองคือ TSUKUBA UNIVERSITY เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง  ซึ่งที่นี่เราได้ศึกษาดูงานและอุปกรณ์การเรียนการสอนของเขา  ที่นับว่าล้ำหน้าไปกว่าบ้านเราไปมาก(ซึ่งก็ไม่แปลก)  สระว่ายน้ำของเขาด้านข้างจะเป็นกระจกเหมือนกับตู้ปลาเรย   โดยมีกล้องสำหรับถ่ายวีดีโอเก็บไว้เพื่อการศึกษาและวิจัย   เรียกว่าอุปกรณ์พร้อมรวมทั้งนักศึกษาของเขาศึกษาอย่าจริงจังตั้งคำถามและคิดอย่างมีระบบ

                มหาวิทยาลัยที่สามเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากคือ WASEDA UNIVERSITY  เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่   ที่นี่พวกเราไปช่วงที่มีงานประชุมวิชาการนานาชาติพอดีก็เลยได้เข้าร่วมประชุมไปด้วย  มีศาสตราจารย์จากยุโรปน่าจะเป็นเบลเยี่ยมมาเป็นองค์ปาถก  และหลังจากนั้นก็เป็นการมอบรางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่นและให้นักศึกษาที่ได้รางวัลนั้นนำเสนอผลงานวิจัยวิทยานิพนธ์   นับว่าน่าทึ่งมากนักศึกษาคนแรกเนื้อหาวิชาการที่นำเสนอนั้นก็คล้ายกับงานในบ้านเรา  เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับ J-LEAGUE  D2  ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่นสองนั่นเอง  แต่ว่าสิ่งที่นักศึกษาของเราอ้าปากค้างคือภาษาอังกฤษครับ   เขานำเสนอแบบไม่ติดขัดภาษาที่ใช้ก็งดงามและเทคนิคเรื่องราวก็ตัดตอนมาเฉพาะที่น่าสนใจ  ผมได้แนะนำนักศึกษาเราไปว่า   เนื้อหาอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจแต่เทคนิควิธีการนำเสนอต้องให้ความสนใจมากกว่าเพราะว่าหากเนื้อหาดีแต่นำเสนอแบบไม่น่าสนใจก็จะไม่มีคนติดตาม   เลยคิดกันว่าต้องมาปรับปรุงและฝึกนักศึกษาเราให้นำเสนออย่างมืออาชีพมากขึ้น

                ไปเที่ยวนี้ท่านอดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  วิทยาเขตกำแพงแสน  ท่าน ดร.สมบัติ  ชิณะวงศ์  ได้กล่าวถึง  “นวตกรรมทางความคิด”  ซึ่งเชื่อได้ว่าท่านได้แนวคิดและแรงบรรดาลใจมากจากการที่ไปศึกษาที่ญี่ปุ่นทั้ง ป.โทและเอกนั่นเอง  ท่านกล่าวว่าองค์ประกอบของ “นวตกรรมทางความคิด”  คือ   คิดต่าง  / คิดสร้างสรรค์ / คิดนอกกรอบ  ซึ่งสรุปได้ว่าคนไทยเรามีน้อยและก็ไม่โทษใครโทษที่ระบบการศึกษานั่นเอง    แต่ถึงแม้ระบบการศึกษาเราจะไม่เอื้อต่อนวตกรรมทางความคิดนั้น   ก็สามารถแสวงหาได้จากองค์ความรู้อื่นๆได้  ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ  ภาพยนต์  การเดินทางท่องเที่ยว หรือศึกษาดูงานเป็นต้น    ก็เลยอยากจะนำมาผูกกับการทำธุรกิจว่าจะสามารถแข่งขันได้อย่างไรในโลกของธุรกิจที่นับวันการแข่งขันก็สูงขึ้น   พฤติกรรมผู้บริโภคก็มีความหลากหลายขึ้น  ทำอย่างไรจะได้เป็นผู้มีชัยในในการแข่งขัน  ซึ่งอาจจะสรุปได้ว่ามี 3 IN  ดังนี้

                INTREND    คือความนำสมัย  ส่วนใหญ่ธุรกิจบ้านเราจะทำตามสมัยนิยม  เรียกได้ว่าใครทำอะไรแล้วรวยก็แห่ทำตามกัน  เช่น  ขายกาแฟ  เดี๋ยวนี้ซาไปแล้วเพราะเจ๊งมากกว่ารวยคิดจะเป็นสตาร์บัคกันทั้งเมืองเพราะเราไปตามสมัย    แต่บางครั้งการนำสมัยก็ต้องดูที่ลูกค้าของเราด้วยว่าพฤติกรรมลูกค้าเป้าหมายเป็นอย่างไร  เคยไปอบรมให้โอท้อปมีผู้มาหารือว่าจะทำเคสโทรศัพท์มือถือที่ทำมาจากกระจูดสาน  ??   ผมก็เลยถามกลับว่าแล้วลูกค้ามีความต้องการหรือไม่ในกรณีนี้ผมมีความคิดเห็นว่าไม่น่าจะเกิดเพราะไม่สอดรับกับพฤติกรรมและสินค้าครับ

                INVENT  ต้องรังสรรค์  หรือประดิษฐ์ขึ้นมา  คือการประดิษฐ์สินค้าใหม่ๆ   ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย   แน่นอนว่าญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งความคิดอันนี้  และที่ตามมาติดๆคือเกาหลีโดยจะเห็นได้จาก โทรศัพท์มือถือ  อุปกรณ์อีเลคโทรนิคต่างๆ 

                INNOVATE  นวตกรรม  หรือการแปลงโฉม  ปรับปรุง  ต่อยอด  บูรณะจากของเก่าเพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  เพราะลูกค้ายุคใหม่เปลี่ยนใจเร็วและแรง    กรณีนี้สายการบินไทยอาจจะล้าหลังมากๆ  ผมบ่นบ่อยๆว่าเครื่องรุ่นเก่าของการบินไทยไม่มีจอทีวีส่วนตัว  แถมจอส่วนกลางยังมีสีเดียวคือสีเขียวเพราะเครื่องมันหมดสภาพแล้วอะไหล่ไม่มีซ่อม(จริงหรือเปล่าไม่รู้?)   ซึ่งแปลว่าคุณโชคไม่ดีที่ได้บินกับเครื่องบินลำนี้ (ซวยไป)  555  แต่ผมไปขึ้นเครื่องประมาณว่าโลว์คอสของจีนปรากฏว่า  มีแทปเลต  ให้ผู้โดยสารเล่นระหว่าการเดินทางแถมเดี๋ยวนี้แทบเล็ตก็ราคาแค่เครื่องละพันกว่าบาท  คำถามถามว่า   “การบินไทยคิดได้ป่าว”     ไม่บอก.......เพราะไม่ทันคิด   หรือ  คิดไม่เป็น  ไม่รู้.................ตัวใครตัวมัน  เพราะท่านนายกประยุทธบอกการบินไทยไม่มีวันเจ๊ง........อนิจจาความสุขประเทศไทย...@@@

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...