เมื่อวานเขียนเรื่อง CHANGE OR
DIE ไปเพื่อกระตุ้นให้ตื่นตัวในเรื่องของการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แม้แต่นายกลุงตู่ยังต้องมีโครงการ THAILAND 4.0 เลย
เพราะถ้าจำกันได้ 50 ปีก่อนสินค้าส่งออกของเราในสมัยนั้น ข้าว
ไม้สัก ยากพารา ผ่านไป 20 ปีคือเมื่อ 30
ปีก่อนนั้นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆของเรากลายเป็น
เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ อีก 10 ปีผ่านไปคือเมื่อ 20
ปีที่แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็น
อุปกรณ์อีเลคโทรนิค
มาวันนี้เปลี่ยนเป็น รถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์ เม็ดพลาสติค
เคมีภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง
จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกันทุกๆสิบปีเห็นจะได้
กระนั้นเองก็เป็นไฟท์บังคับว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงหรือยอมตายไปจากวงการนี้
แล้วก็มีคนตั้งคำถามผมว่าแล้วเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลงมีอะไรเป็นเหตุปัจจับบ้าง
ก็เลยจะขอสรุปให้เห็นเป็นภาพเพื่อที่จะได้นำไปวิเคราะห์ว่าเหตุต่างๆนั้นมันใกล้ตัว/
องค์กร ของท่านเองหรือยัง
เพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับ หรือ ปรับปรุง เพื่อความอยู่รอด ดังนี้
1.เหตุจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ชัดๆเลย
วันนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครรู้จักยานัตถุ์หมอมี เพราะไม่มีมีใครนัดยาแล้ว
(คือการเอาเยาสมุนไพรเป็นผงเป่าเข้าไปในโพรงจมูก)
ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้บริษัทนี้ยังอยู่หรือไม่ หรือกลายพันธุ์ไปผลิตอย่างอื่นแทนแล้ว
แต่เข้าใจว่าคงยังอยู่ในธุรกิจยาแผนโบราณแต่ยานัตถุ์คงผลิตน้อยมากๆแล้ว จนกว่าผู้บริโภคจะตายหมดประเทศกระมัง
2. ผู้บริโภคเลยวัยที่จะใช้
คือ สว.กันไปหมด
คนรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นลูกค้าเป้าหมายก็เป็นคนละยุคสมัย เลยต้องปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัย เช่นแป้งศรีจันทร์
จากเดิมที่ดูว่าเชยและไม่น่าใช้วันนี้ผู้บริหารปรับลุคใหม่ก็กลายเป็นมี “ชาติตระกูลขึ้นมาในบัดดล”
เพราะสินค้าเขาดีอยู่แล้วแต่ปรับให้ดูทันสมัย ตามอายุขัยของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่กลุ่มเก่านั้นกลายเป็นป้าแล้วกลุ่มใหม่ที่เข้ามาเขาอยู่ในยุคก้มหน้า(เล่นโซเชียล) หรือ
“ยาสีฟันดอกบัวคู่”
ก็ดูจะต้องปรับหลายอย่างยกเว้นความดำของสินค้าเพราะเป็นสมุนไพรจริงๆแถมคุณภาพเป็นเลิศ
3.เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เห็นชัดๆก็โทรศัพท์มือถือ และสินค้าเกี่ยวกับ
ไอที
นี่แหละถ้าปรับไม่ทันก็ขุดหลุมฝังได้เลย
เพราะความเร็วในการเปลี่ยนแปลงขนาด 3 MBP
หรือมากกว่าเรยนะจะบอกให้ รวมทั้งการทำตลาดในสมัยก่อนก็อาศัยแต่สื่อสารมวลชน ทีวี วิทยุ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ที่เดี่ยวนี้หันมาใช้สื่อเฉพาะเจาะจงมากขึ้นแถมราคาถูกลง ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซท์ ไลน์
เฟสบุค อินสตราแกรม ฯลฯ วันนี้ใครไม่ใช้สื่อเหล่านี้ถือว่าเต่าล้านปีแม้แต่โอท้อปเรายังใช้และประสบความสำเร็จเสียด้วย
4.รายได้ประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันคนไทยมีจีดีพีต่อหัวเฉลี่ยเกือบ 6,0000
เหรียญสหรัฐ
ทำให้มีกำลังซื้อเพื่อตอบสนองตามทฤษฎีของแมสโลว
โดยเพิ่มการซื้อจากปัจจัยขั้นพื้นฐานคือปัจจัยสี่ มาเป็นสินค้าเพื่อความปลอดภัย
และความเป็นกลุ่มสังคม
การยอมรับมากขึ้น เช่น
รถยนต์เมื่อก่อนถุงลมนิรภัยเป็นออฟชั่นหรือจะอยู่ในรุ่ท้อป แต่ปัจจุบันอยู่จะในเกือบทุกรุ่น หรือ รถยนต์เกียร์ออตโต้เป็นต้น ถ้าบริษัทผลิกเกียร์แบบธรรมดาดอยู่ก็ต้องปรับมาผลิตเกียร์ออตโตเป็นต้น หรือ
สินค้าที่อำนวยความสะดวกสบายก็จะมีตลาดที่สูงขึ้นตามลำดับเพราะรายได้ประชากรเพิ่มสูงขึ้นนั้นเอง รวมทั้งธุรกิจบริการ และ กีฬา ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทยเช่น
ฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียลีก ปัจจุบันมียอดผู้ดูเฉลี่ยนัดละเกือบสามพันคน บิ๊กแมทช์เป็นหลายหมื่นคนเช่นบุรีรัมย์
หรือ เมืองทองยูไนเต็ด จากที่เมื่อก่อนคนเล่นมากกว่าคนดู
ทำให้ธุรกิจต่างๆให้ความสนใจใช้กีฬาเป็นสื่อในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เสื้อผ้ากีฬาเช่นของบุรีรัมย์ขายปีละสี่แสนตัวครับพี่น้อง
5.กระแสที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีการสื่อสารที่ปัจจุบันเร็วประดุจสายฟ้า มีเหตุเกิดขึ้นทั่วโลกรู้ในพริบตา แต่ก็ต้องระวังข่าวข้อมูลที่เป็นเป็นเท็จต้องใข้วิจารณญาณให้ดี เช่นอยู่ดีๆก็มีคนส่งภาพว่าเบอร์แจ้งเหตุฉุกเฉินเปลี่ยนจาก 191
เป็น 911 ตามหลักสากล
ก็เชื่อกันไปครึ่งเมือง หรือจีนบุกโจมตีฟิลิปินส์เพราะข้อขัดแย้งในทะเลจีนใต้เป็นเต้น ดังนั้นองค์กร หรือ ตราสินค้า
ก็ต้องสร้างกระแสหรือเกาะกระแสให้ได้เพื่อให้สินค้านั้นประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาหรือ กิจกรรมทางการตลาด
หากสร้างได้อย่างเหมาะสมแล้วก็จะเกิดผลลัพท์ที่ยั่งยืนตามมา เช่น
เครื่อดีมเอส เป็นผู้สนับสนุนกีฬาวอลเล่ย์บอล จนสามารถสร้างกระแสได้อย่างต่อเนื่องซึ่งการสร้างกระแสนี้ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก ส่วนการเกาะกระแสคงต้องยกตัวอย่างคุณตัน
อิชิตัน
เดือนหน้าคอยดูคุณตันแจกเงินให้นักกีฬาโอลิมปิคอีกแล้ว แต่ไม่เคยสนับสนุนทีมกีฬาใดๆเลย
(น่าคิดมั้ย)
แต่พอดังละน้าแกจะไปแจกเงินสดๆใส่กระเป๋าถึงหน้าประตูเครื่องบินเลย
บทความนี้เขียนก่อนโอลิมปิคจะเริ่มการแข่งขันสิบกว่าวันแล้วเรามาลองดูกัน ฟันธง. @@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น