ประวัติศาสตร์สอนให้เรารู้ว่า
“ไดโนเสาร์”
เป็นสัตว์ที่เคยมีอยู่เมื่อหลายพันปีก่อน
แต่ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเลยทำให้สูญพันธุ์ไปในที่สุด แต่แมลงสาบสามารถอยู่เล็ดลอดปลอดภัยจนถึงยุคปัจจุบัน ชีวิตมนุษย์และองค์กรทั้งทางธุรกิจหรือองค์กรอื่นๆก็ตาม ย่อมต้องปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม บริบทของสังคม
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
และนับวันการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีวงจร หรือ เวลาสั้นมากๆ
อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในสมัยยุคแรกเริ่มฮารด์ดิสขนาด 5
เม็กกะไบท์ตัวแรกของโลกมีขนาดใหญ่มากเรียกว่าต้องใช้รถโพลค์ลิพท์ขนกันเลย ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1956 โดยไอบีเอ็ม ระยะเวลาแค่
60 ปี วันนี้ 1 เทรทราไบท์ มีขนาดเท่าฝ่ามือ อันนี้อาจจะมีคนแย้งว่าใช้เวลาตั้ง 60 ปี ก็เพื่อให้เห็นขนาดของความเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านน้ำหนัก
แล ความจุ
เพราะเราเองคงตระหนักได้เองว่าภายในปีสองปีมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบ้าง
หลายองค์กรไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงได้ก็ต้องล้มหายตายจากไปในที่สุด คงไม่มีใครเชื่อว่า
บริษัทโกดักเป็นผู้ที่คิดค้นกล้องดิจิตอลเป็นบริษัทแรกในปี 1975 แต่ติดกับดักความภาคภูมิใจว่าเป็นบริษัทที่ผลิตฟีล์มที่ดีที่สุดในโลก โนเกียเป็นบริษัทที่มียอดขายโทรศัพท์มือถือที่ขายดีที่สุดในโลก แต่ไม่ปรับตัวสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยนแปลงไป
วันนี้โนเกียหายไปจากตลาดเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้วครับ กลับกลายเป็น เจ้าผู้ครองตลาดโทรศัพท์มือถือ ห้ารายแรกคือ
ซัมซุง แอปเปิ้ล หัวเหว่ย
ออปโป วิโว่ รวมกันครองตลาดถึง 58 % ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆรวมกันอีก 42 % ซึ่งแต่ละรายไม่ถึง 4 %
ของตลาด ทำไมซัมซุงยอดขายเป็นอันดับ
1
เพราะเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้แอปเปิ้ลด้วยเช่นกันซึ่งผมเคยเขียนไว้ในบทความเมื่อหลายปีก่อนว่าถ้าแอปเปิ้ลไม่ออกรุ่นหน้าจอใหญ่แล้วอนาคตตลาดจะเล็กลงเรื่อยๆ
ซึ่งในที่สุดแอปเปิ้ลก็ออกรุ่นหน้าจอใหญ่มาจริงแต่ก็ช้าไปหลายปี จนวันนี้ 2016
ซัมซุงครองเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนไปเรียบร้อยโรงเรียนคิมแล้วครับ
กลับมาบ้านเราบ้างขอยกตัวอย่างบริษัท
ปตท. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจพลังงานน้ำมันนั้นมันสั่นคลอดอันด้วยมีสาเหตุจาก ราคาน้ำมันที่ลดลง ปริมาณการใช้น้ำมันที่ไม่เติบโต หรือ
ลดลงในบางประเทศเพราะว่าเศรษฐกิจถดถอย
ที่สำคัญที่สุดคือ รถไฟฟ้า ที่จะมาแทนที่รถยนต์ใช้น้ำมันในเวลาอันใกล้นี้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยกินกาแฟอเมซอน
ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟไทยที่น่าจะมียอดขายและจำนวนสาขามากเป็นอันดับหนึ่งของไทย ปีที่ผ่านมายอดขายอเมซอนของพี่
ปตท.นั้นมียอดขายถึง 6,000
กว่าล้านบาท
ตีว่ากำไรแค่ครึ่งหนึ่งนั้นก็มากถึง 3,000
ล้านบาทต่อปีแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้ทาง
ปตท.
รับเป็นผู้บริหารค้าปลีกให้กับทางการท่าอากาศยาน ก็อาจจะเป็นอีกก้าวกับการเปลี่ยนแปลงของ ปตท. ที่ต้องปรับตัวในภาวะธุรกิจพลังงานจากน้ำมันไม่หอมหวานเหมือนเมื่อก่อน
จังหวัดต่างๆในประเทศไทยที่เคยมีข่าวกันอยู่เป็นระยะๆว่ามียุทธศาสตร์จังหวัด หรือ กลุ่มจังหวัด
ก็เห็นประกาศกันมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ
แต่ผลของยุทธศาสตร์ต่างๆเหล่านั้นอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก จนเมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา
เห็นข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีใครเอามาเป็นประเด็นต่ออาจจะไม่มันเหมือนข่าว “หญิงไก่”
หรือ ข่าวดารากระมัง นั่นก็คือ
คุณทศ จิราธวัฒน์
ประธานกลุ่มเซ็นทรัล
ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมภาคเอกชนที่เข้ามาช่วยงานรัฐบาล ได้ประกาศแนวคิด แปลงอยุธยาให้เป็น “เกียวโต”
เพราะถ้าลำพังอยุธยาจะขายแต่สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และนิมคมอุสาหกรรม
ก็คงจะหากินไปได้แต่ก็คงไม่เติบโตและก้าวหน้าเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยมีเป้าหมายที่ GDP จากการท่องเที่ยวจะเพิ่มถึง 10 เท่า /
รายได้ต่อหัวของประชากรในอยุธยาเพิ่มจาก
170,000 บาทในปี 2014 เป็น 450,000
บาท ในปี 2025 หรืออีก 9 ปีจากนี้ โดยมีแผนงานเนรมิตรอยุธยา 12 ด้าน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก
การแสดง การคมนาคม
ความปลอดภัย ทัศนียภาพ ฯลฯ
โดยจะต้องมีการลงทุนจากภาครัฐเป็นจำนวนมากพอสมควร
ก็นับว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงที่หากทำได้จริงแล้วอยุธยาจะก้าวกระโดดอย่างแน่นอน เชื่อแนวคิดและทฤษฎีของคุณทศ จิราธิวัฒน์
แต่ก็ยังหวั่นๆว่านานไปการปฏิบัติตามแนวคิดหรือแผนนี้จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ส่วน ปตท. ผมเชื่อว่าสามารถปรับตัวได้อย่างแน่อนนเพราะผู้บริหารแต่ละท่านนั้น สุดยอดทั้งนั้น
แต่ก็ทั้งนี้ก็อย่างประมาทเพราะเราเคยเห็นบริษัทใหญ่อายุเป็น 100 ปี
ล้มมาแล้วมากมาย
เหมือนกับฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
โปรตุเกส ยังเป็นแชมป์บอลยูโร 2016 ได้เรย...................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น