มีภาพยนต์เรื่องหนึ่งคือ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”
ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ทำเงินได้มากถึง
147 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องรักๆของพนักงานสาวโสดวัย
30 ปี ที่พบรักกับวิศวกรรถไฟฟ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส ก็เป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันในปี
2552
ที่กล่าวนำมานี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้เรย
แต่เห็นว่าชื่อหนังมันน่ารักและเป็นหนังดังเมื่อ 8
ปีที่แล้วที่ตัวเองไม่ได้ดูแต่ได้ติดตามกระแสในยุคนั้น
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เพราะอ่านข่าวๆหนึ่งเกี่ยวกับรถไฟของประเทศจีน ความว่า “จีนรุกเส้นทางสายไหม เดินรถไฟไป "ลอนดอน" (เว็บไซท์โพสทูเดย์ 4 มกราคม 2560) อ่านแล้วนึกเปรียบเทียบกับรถไฟไทยแล้ว....เศร้า.
!!!
ผมเคยไปเมื่องจีนเมื่อประมาณปี
2534
เพราะตอนนั้นกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมทุนกันตั้งโรงงานผลิตสีย้อมผ้า ก็เลยต้องไปดูเรื่องการผลิต เครื่องจักร
ต้องนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้วขอบอกว่าทรมานสุดๆแถมรถเก่า แออัดยัดเยียด
เวลาผ่านไป 26 ปี
วันนี้รถไฟจีนมีรถไฟความเร็วสูง
เซียงไฮ้-ปักกิ่ง
และอีกหลายๆเส้นทางทั่วประเทศ
ล่าสุดตามข่าวที่กล่าวนำในตอนแรกว่า
เปิดเส้นทาง จากเมือง อี้อู มณฑลเจ้อเจียง-
ลอนดอน โดยผ่าน
7 ประเทศ คาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ เยอรมนี เบลเยียม และฝรั่งเศส โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ขนไปกับรถไฟประกอบด้วยเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม
กระเป๋า รวมถึงเครื่องใช้ที่จำเป็นอื่นๆ
ขอขยายความเป็นสองตอนคือ
ตอนแรกขอแนะนำ
“อี้อู YI-WU “
เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งที่ผลิตในประเทศจีน เพราะเป็นเมืองค้าส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน บางคนเรียกว่าเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตของโลกเพราะว่าทางการจีนใช้เงินลงทุนถึง
700 ล้านหยวน หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท
เพื่อให้เป็นสถานที่ศุนย์จำหน่ายสินค้าครบวงจร ศูนย์รวมข่าวสาร การส่งออก
ภาษี การเงิน การศุลกากร
ทุกอย่างพร้อมไปแค่หิ้วกระเป๋าไปเลือกซื้อสินค้า/สั่ง/จ่ายเงิน ที่เหลือ
อี้อู้จัดให้แบบครบวงจรแล้วบินกลับไปรอรับของที่ประเทศของตนเองได้เลย ผมเคยเดินทางไปที่ตลาดค้าส่งแห่งเมือยอี้อูครั้งหนึ่ง เรียกได้ว่าเดินจนหลงครับเพราะมีพื้นที่ ประมาณ
1.5 ล้าน ตารางเมตร มีร้านค้าส่งมากว่า 5
หมื่นร้าน มีสินค้าว่ากันว่า กว่า 300,000 ชนิดมาให้เราเลือก ก็ลองคำนวนดูซิครับว่าถ้าแวะพักร้านละ
5 นาที ก็จะต้องใช้เวลาถึง 250,000 นาที หรือ
173 วัน หรือ 5.76 เดือน
(เกือบครึ่งปี) ถึงจะครบทุกร้าน โอ้..พระเจ้าจอร์จ .......นอกจากนี้เราคงพอประมาณได้ว่าสินค้าจีนนั้นราคาเขาแบบว่า
“เข็มขัดสั้น” คือไม่น่าเชื่อ
ยกตัวอย่างเช่นกางเกงรัดรูปแบบยางยืดที่สาวๆไทยนิยมกันที่ อี้อู
ซื้อราคาส่งตกตัวละ 26
บาทครับ / เนคไทค์
แบบธรรมดาๆ เส้นละ 25 บาท
/ สายาคล้องแว่นตา เส้นละ 12 บาท
ที่เล่ามานี้คือซื้อมาแล้วครับ
ลองนึกดูนะครับว่าถ้าซื้อเป็นหลัก 100 หรือ 1,000
ชิ้น ราคาจะเป็นอย่างไร ..............คงเข้าใจแล้วนะครับว่าทำไมรถไฟสายแรกที่เดินทางจากจีนไปลอนดอนถึงเป็นสาย อี้อู-ลอนดอน
ทำไมไม่เป็น ปักกิ่ง-ลอนดอน หรือ เซียงไฮ้-ลอนดอน เพราะเพื่อเป็นที่ปล่อยของไปยังยุโรปนั่นเอง......................จบ...ข่าว...
ตอนที่สอง การเดินทางโดยรถไฟนี้เป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแค่
18 วัน ผ่าน 7 ประเทศ ที่มีศักยภาพในการค้าขาย ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ ฝรั่งเศส
รัสเซีย เบลเยี่ยม โปแลนด์
เบราสส คาซัคสถาน และที่สำคัญ เยรมันนี
ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป
มีอำนาจและกำลังซื้อที่จะเป็นที่ปล่อยสินค้าของจีน ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญเพราะตู้รถไฟไม่สามารถส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ หรือ สินค้าอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้นก็จะเป็นสินค้าที่บุคคลทั่วไปบริโภคกันเช่น เสื้อผ้า
เครื่องนุ่งห่ม สินค้าแฟชั่น อาหาร
ฯลฯ เป็นต้น ทำให้นักธุรกิจรายย่อยก็สามาถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น เพราะแสวงหาสินค้าได้มากมายหลายรายการและแพคส่งของมารวมกันทำให้ประหยัดต้นทุนทั้งในด้าน การหาแหล่งซัพพลายสินค้า ขนส่ง
การบริการทางด้านการเงิน ฯลฯ เพื่อเพิ่มความสะดวก และเพิ่มคู่ค้า ที่เป็นรายย่อยเพิ่มขึ้น นึกไม่ออกลองนึกถึง”พลาตินั่ม”
ที่มีคนต่างชาติมาเดินช้อปและแพคของส่งกลับไปขายที่ประเทศของเขานะครับ ต่างกันแค่
1.ขนาดของอี้อูนี่ใหญ่กว่าไม่รู้กี่ร้อยเท่าของ”พลาตินั่ม ประตูน้ำ” 2.สิ้นค้าเขามีถึง 3 แสนกว่ารายการ
มากกว่าไม่รู้กี่ร้อยเท่าเช่นกัน..........................
นี่คือยุทธศาสตร์ของผู้นำจีนเพราว่าได้ตั้งงบประมาณเบื้องต้นถึง 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.43 ล้านล้านบาท)
ครึ่งหนึ่งของงบประมาณของประเทศไทยต่อปี เพื่อก่อสร้างถนนและรางรถไฟในต่างประเทศ ซึ่งตามแผนแล้วรวมทั้งลาว ไทย
ที่เป็นข่าวด้วยนั่นเอง
นี่คือยุทธศาสตร์ของประเทศจีนที่จะพัฒนาการค้าไปทั่วทุกภูมิภาคนั่นเอง ในขนะที่ประเทศไทยเรากำลังคุยกันเรื่อง “ปรองดอง ปรองดอง
และ ปรองดอง “ แค่ 26 ปี รถไฟจีนจากที่แย่กว่า
หรือ พอๆกับไทย พัฒนาจนมีรถไฟความเร็วสูงมากกว่า 1,000 ขบวน แล้ว ส่วนรถไฟไทยก็แค่ 127 ปี
เพราะรถไฟสายแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยรัชการที่ 5 พ.ศ.2433 .....อมิตพุทธ..............