วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

“รถไฟ.(ปู้นๆ) .......ไปหาเธอ”



              


                มีภาพยนต์เรื่องหนึ่งคือ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”  ซึ่งเป็นภาพยนต์ที่ทำเงินได้มากถึง  147 ล้านบาท  ซึ่งเป็นเรื่องรักๆของพนักงานสาวโสดวัย 30 ปี ที่พบรักกับวิศวกรรถไฟฟ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส   ก็เป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันในปี 2552  ที่กล่าวนำมานี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้เรย  แต่เห็นว่าชื่อหนังมันน่ารักและเป็นหนังดังเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่ตัวเองไม่ได้ดูแต่ได้ติดตามกระแสในยุคนั้น    สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เพราะอ่านข่าวๆหนึ่งเกี่ยวกับรถไฟของประเทศจีน  ความว่า “จีนรุกเส้นทางสายไหม เดินรถไฟไป "ลอนดอน"   (เว็บไซท์โพสทูเดย์  4 มกราคม 2560)  อ่านแล้วนึกเปรียบเทียบกับรถไฟไทยแล้ว....เศร้า. !!!
                ผมเคยไปเมื่องจีนเมื่อประมาณปี 2534  เพราะตอนนั้นกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมทุนกันตั้งโรงงานผลิตสีย้อมผ้า  ก็เลยต้องไปดูเรื่องการผลิต  เครื่องจักร  ต้องนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้วขอบอกว่าทรมานสุดๆแถมรถเก่า  แออัดยัดเยียด  เวลาผ่านไป 26 ปี  วันนี้รถไฟจีนมีรถไฟความเร็วสูง   เซียงไฮ้-ปักกิ่ง  และอีกหลายๆเส้นทางทั่วประเทศ   ล่าสุดตามข่าวที่กล่าวนำในตอนแรกว่า  เปิดเส้นทาง จากเมือง อี้อู มณฑลเจ้อเจียง- ลอนดอน  โดยผ่าน 7 ประเทศ คาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ เยอรมนี เบลเยียม และฝรั่งเศส โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ขนไปกับรถไฟประกอบด้วยเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า รวมถึงเครื่องใช้ที่จำเป็นอื่นๆ    ขอขยายความเป็นสองตอนคือ
                ตอนแรกขอแนะนำ “อี้อู  YI-WU   เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งที่ผลิตในประเทศจีน  เพราะเป็นเมืองค้าส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน   บางคนเรียกว่าเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตของโลกเพราะว่าทางการจีนใช้เงินลงทุนถึง 700 ล้านหยวน หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท  เพื่อให้เป็นสถานที่ศุนย์จำหน่ายสินค้าครบวงจร  ศูนย์รวมข่าวสาร  การส่งออก  ภาษี การเงิน การศุลกากร  ทุกอย่างพร้อมไปแค่หิ้วกระเป๋าไปเลือกซื้อสินค้า/สั่ง/จ่ายเงิน  ที่เหลือ  อี้อู้จัดให้แบบครบวงจรแล้วบินกลับไปรอรับของที่ประเทศของตนเองได้เลย    ผมเคยเดินทางไปที่ตลาดค้าส่งแห่งเมือยอี้อูครั้งหนึ่ง  เรียกได้ว่าเดินจนหลงครับเพราะมีพื้นที่ ประมาณ 1.5 ล้าน ตารางเมตร  มีร้านค้าส่งมากว่า 5 หมื่นร้าน  มีสินค้าว่ากันว่า กว่า 300,000 ชนิดมาให้เราเลือก  ก็ลองคำนวนดูซิครับว่าถ้าแวะพักร้านละ 5 นาที  ก็จะต้องใช้เวลาถึง   250,000 นาที  หรือ  173 วัน   หรือ 5.76 เดือน (เกือบครึ่งปี)  ถึงจะครบทุกร้าน  โอ้..พระเจ้าจอร์จ .......นอกจากนี้เราคงพอประมาณได้ว่าสินค้าจีนนั้นราคาเขาแบบว่า “เข็มขัดสั้น”  คือไม่น่าเชื่อ  ยกตัวอย่างเช่นกางเกงรัดรูปแบบยางยืดที่สาวๆไทยนิยมกันที่  อี้อู  ซื้อราคาส่งตกตัวละ  26 บาทครับ  /  เนคไทค์  แบบธรรมดาๆ  เส้นละ  25 บาท  / สายาคล้องแว่นตา  เส้นละ  12 บาท  ที่เล่ามานี้คือซื้อมาแล้วครับ  ลองนึกดูนะครับว่าถ้าซื้อเป็นหลัก 100 หรือ 1,000 ชิ้น ราคาจะเป็นอย่างไร  ..............คงเข้าใจแล้วนะครับว่าทำไมรถไฟสายแรกที่เดินทางจากจีนไปลอนดอนถึงเป็นสาย  อี้อู-ลอนดอน  ทำไมไม่เป็น  ปักกิ่ง-ลอนดอน  หรือ เซียงไฮ้-ลอนดอน  เพราะเพื่อเป็นที่ปล่อยของไปยังยุโรปนั่นเอง......................จบ...ข่าว...
                ตอนที่สอง  การเดินทางโดยรถไฟนี้เป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตร  ใช้เวลาเดินทางแค่ 18 วัน  ผ่าน 7 ประเทศ ที่มีศักยภาพในการค้าขาย  ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ  ฝรั่งเศส  รัสเซีย  เบลเยี่ยม  โปแลนด์  เบราสส  คาซัคสถาน และที่สำคัญ  เยรมันนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป  มีอำนาจและกำลังซื้อที่จะเป็นที่ปล่อยสินค้าของจีน   ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสำคัญเพราะตู้รถไฟไม่สามารถส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่  หรือ สินค้าอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสม  ดังนั้นก็จะเป็นสินค้าที่บุคคลทั่วไปบริโภคกันเช่น  เสื้อผ้า  เครื่องนุ่งห่ม  สินค้าแฟชั่น  อาหาร  ฯลฯ เป็นต้น   ทำให้นักธุรกิจรายย่อยก็สามาถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น  เพราะแสวงหาสินค้าได้มากมายหลายรายการและแพคส่งของมารวมกันทำให้ประหยัดต้นทุนทั้งในด้าน   การหาแหล่งซัพพลายสินค้า   ขนส่ง  การบริการทางด้านการเงิน  ฯลฯ  เพื่อเพิ่มความสะดวก  และเพิ่มคู่ค้า ที่เป็นรายย่อยเพิ่มขึ้น   นึกไม่ออกลองนึกถึง”พลาตินั่ม” ที่มีคนต่างชาติมาเดินช้อปและแพคของส่งกลับไปขายที่ประเทศของเขานะครับ  ต่างกันแค่ 1.ขนาดของอี้อูนี่ใหญ่กว่าไม่รู้กี่ร้อยเท่าของ”พลาตินั่ม ประตูน้ำ”  2.สิ้นค้าเขามีถึง 3 แสนกว่ารายการ  มากกว่าไม่รู้กี่ร้อยเท่าเช่นกัน.......................... นี่คือยุทธศาสตร์ของผู้นำจีนเพราว่าได้ตั้งงบประมาณเบื้องต้นถึง 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.43 ล้านล้านบาท) ครึ่งหนึ่งของงบประมาณของประเทศไทยต่อปี    เพื่อก่อสร้างถนนและรางรถไฟในต่างประเทศ  ซึ่งตามแผนแล้วรวมทั้งลาว  ไทย  ที่เป็นข่าวด้วยนั่นเอง  นี่คือยุทธศาสตร์ของประเทศจีนที่จะพัฒนาการค้าไปทั่วทุกภูมิภาคนั่นเอง   ในขนะที่ประเทศไทยเรากำลังคุยกันเรื่อง “ปรองดอง  ปรองดอง  และ ปรองดอง “   แค่ 26 ปี รถไฟจีนจากที่แย่กว่า หรือ พอๆกับไทย  พัฒนาจนมีรถไฟความเร็วสูงมากกว่า  1,000 ขบวน แล้ว  ส่วนรถไฟไทยก็แค่  127 ปี  เพราะรถไฟสายแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยรัชการที่ 5 พ.ศ.2433   .....อมิตพุทธ.............. 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...