วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

“การเติบโตของอุตสาหกรรมกีฬา”





    
ในตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงอุตสาหกรรมกีฬา  ที่นับวันจะมีขนาดของตลาดในอุตสาหกรรมนี้เติบโตขึ้นทุกปี  ซึ่งในตอนนี้จะได้มาลงรายละเอียดกันว่าทำไมอุตสาหกรรมนี้ถึงได้เจริญเติบโต ดังต่อไปนี้

                1.รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรไทย  และ ประชากรโลกเปลี่ยนเพิ่มสูงขึ้น  ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติตามแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์  จะเห็นได้ว่าประเทศที่อุตสาหกรรมกีฬาเติบโตอย่างมาก  มีขนาดใหญ่โตที่สุดคือสหรัฐอเมริกานั้นมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว คือ 59,501 เหรียญสหรัฐ เป็นอันดับ 7 ของโลก  และใน 15 ลำดับแรก เป็นสหรัฐอเมริกา  กับยุโรปถึง 12 ประเทศ  โดยมี สิงค์โปร และการ์ต้า สอดแทรกเข้ามา (2017 IMF)  อธิบายง่ายๆอย่างนี้ว่าเมื่อคนมีรายได้มากขึ้น  ก็คงไม่ได้จับจ่ายใช้สอยแค่ปัจจัยสี่แบบความต้องการขึ้นพื้นฐาน  เมื่อมีรายได้มากขี้นก็อยากใช้เงินเพิ่มขึ้น  ก็เลยมองหาสินค้าและบริการที่มาตอบสนองทางด้านอื่นๆเพื่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมบรรเทิง  ท่องเที่ยว  และกีฬาเป็นตัวเลือกในการจับจ่ายใช้สอย 

                2.ปัจจัยที่สนับสนุนต่อมาคือ  จำนวนประชากร และ พฤติกรรมของผู้บริโภค ( Behavior)  ที่เปลี่ยนแปลงไป   โดยคำนึงถึงสุขภาพ  และ การหุ่นหรือร่างกายที่เหมาะสม  ซึ่งลักแซมเบิร์ก และ สวิสเซอร์แลนด์ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเป็นลำดับที่ 1 และ 2 แต่มีขนาดของตลาดกีฬาที่เล็กกว่าสหรัฐอเมริกามาก  ทั้งนี้เพราะจำนวนประชากรของสหรัฐอเมริกามีมากเป็นอันดับสามของโลกคือ 327 ล้านคน (วิกิพีเดีย)  โดยจากข้อมูลขนาดของตลาดอุตสาหกรรมกีฬา  ในอเมริกาเหนือคือสหรัฐอเมริกา และ แคนาดา เป็นหลักมีขนาดตลาดขยายตัว จากปี 2010 ที่ 49.99 พันล้านดอลลาร์  เป็น 76.51 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 (www.statista.com) ช่วงเวลา 10 ปีเติบโตเฉลี่ยถึง 53.05 เปอร์เซนต์ เฉลี่ยประมาณปีละ 5 เปอร์เซนต์  ซึ่งขนาดของตลาดกำลังอิ่มตัวเพราะว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ อเมริกา และยุโรป มีอัตราที่น้อยมากๆเมื่อเทียบกับ เอเชีย และอาเซียน  

                      ซึ่งหากมีประชากรมาก  และ พฤติกรรมผู้บริโภคนั้นสนใจในสุขภาพและหุ่นหรือร่างกายที่สมส่วนแข็งแรงแล้ว ก็จะยิ่งเร่งให้ขนาดของตลาดมีการเจริญเติบโตยิ่งขึ้นไป   ตลาดอุตสาหกรรมกีฬาในจีนขยายตัวเป็นอย่างมากและเชื่อกันว่าจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกาในไม่ช้า  ด้วยขนาดของประชากรที่มากกว่าถึง 1.3 พันล้านคนเศษ คิดเป็น ประมาณ 19 เปอร์เซนต์ของประชากรโลก   ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงถึง 8,643 เหรียญสหรัฐ มากกว่าประเทศไทยเสียอีกที่รายได้เฉลี่ยแค่ 6,591 เหรียญสหรัฐเท่านั้น  แถมอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ละปีก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  แม้จะไม่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเหมือนเมื่อประมาณสิบปีก่อนหน้านี้ก็ตาม

                3.เสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬา  มีการพัฒนาให้เป็นแฟชั่นมากขึ้น  นอกจากประโยชน์ใช้สอยในด้านที่เกี่ยวข้องกับกีฬานั้นแล้วซึ่งเรียกว่าเป็นประโยชน์ใช้สอยหลัก  ก็ยังเติมแต่งแฟชั่น  สีสัน  ลูกเล่น ต่างๆ ลงไปในเสื้อผ้า รองเท้า และ อุปกรณ์กีฬา เพื่อเป็นการเติมเต็มประโยชน์ใช้สอยทางด้านอารมณ์อีกด้วย สังเกตุง่ายๆว่าในการแข่งขันเทนนิส มาราธอน  โยคะ จักรยาน  กอล์ฟ ฟิตเนส ฯลฯ จะมีดีไซนด์  สีสัน และลูกเล่นต่างๆ  รวมทั้งเพิ่มอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น (หรือจำเป็นน้อย) ในการเล่นกีฬานั้นๆเข้ามาทำให้นักกีฬามีชุดอุปกรณ์กีฬามากกว่าสองสามชุดเหมือนเช่นในอดีต  สามารถมีเป็นสิบ เป็นร้อย (อันนี้ก็มากไป) ทำให้ขนาดตลาดขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ  โดยมีสองปัจจัยข้างต้นสนับสนุนเพราะมีเงินเพิ่มมากขึ้น  ประชากรมากขึ้น  รายได้ต่อหัวมากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น บ่อยขึ้น  ก็เลยจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นนั่นเอง

                4.ประการสุดท้ายก็คือเรื่องของสื่อสังคมต่างๆ (Social Media)  เพราะการเติบโตของสื่อสังคมและพฤติกรรมของมนุษย์เป็น Extrovert คนที่ชอบการสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจ ชอบแสดงออก  ง่ายๆคือชอบโชว์ นำเสนอ  พวกขาปาร์ตี้ เฮฮา มนุษยสัมพันธ์ดี เข้าได้กับทุกคน  เลยเป็นที่มาของเซลฟี่และโพสบนโลกสังคมออนไลน์  ก็เลยยิ่งทำให้ต้องจับจ่ายใช้สอยปัจจัยในข้อ 3  มากขึ้น บ่อยขึ้น นั่นเอง  เพราะในสมัยก่อนถ้าเราเล่นจ้อกกิ้ง  แค่กางเกงบอล และ เสื้อยืดเสื้อกล้ามสามสี่ชุด  กับรองเท้านันยางก็พอแล้ว  แต่จากปัจจัยในข้อสองและสามนี้ทำให้  เราต้องมีเครื่องทรงครบ  ทันสมัย  ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งาน และ อารมณ์  แถมต้องไม่น้อยหน้าใครๆในจักรวาลนี้อีกต่างหาก...อมิตพุทธ.....





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...