วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

พันธมิตรทางธุรกิจกีฬา


                      


                           
ปัจจุบันนี้เราต้องยอมรับว่ากีฬานั้นถือได้ว่าเป็นธุรกิจหนึ่ง  หรือ เป็นอุตสาหกรรมหนี่งในอันที่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ   ในสหรัฐอเมริกาและในยุโรปรวมถึงประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ หรือว่ามีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ต่อหัวสูงๆ แล้วธุรกิจกีฬาจะมีขนาดโตตามไปด้วย  โดยมูลค่าธุรกิจนี้ทั่วโลกมีขนาด  614 พันล้านเหรีญสหรัฐ  โดยประเทศไทยมีการเติบโตของกลุ่มธุรกิจกีฬาในปี 2557-2559 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ย 6.2 % ต่อปี  (ที่มา :กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ) เหตุที่ธุรกิจนี้จะเติบโตตามรายได้ตัวหัวของประชากร  เพราะว่าเป็นธุรกิจที่ตอบสนองผู้บริโภคทางด้านอารมณ์และความรู้สึกเป็นสำคัญและไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชิวิตประจำวันนั่นเอง  ดังนั้นจึงต้องเรียกได้ว่ามีเงินเหลือจึงนำมาจับจ่ายใช้สอยในด้านการกีฬา  แต่ก็ยังมีอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงของผู้มีรายได้น้อยก็คือสื่อทางทีวีทำให้เข้าถึงได้
                เราจะสังเกตุเห็นได้ว่าปัจจุบันการถ่ายทอดมวยนั้นมีเกือบทุกวันบางวันมีมากกว่าหนึ่งสนามด้วย  จากเดิมในสมัยก่อนมีการถ่ายทอดแค่สองสามสนาม ปัจจุบันสถานีต่างๆก็สามารถมีเวทีเป็นของตนเองและมีสื่ออยู่ในมือในการถ่ายทอดสู่ผู้ชมในทุกระดับ  วันนี้เราจะเห็นได้ว่ารายได้ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมกีฬามวยไทยนั้นไม่ได้เป็นรายได้หลักหรืออาจไม่มีรายได้จากบัตรผ่านประตูเลยเช่น   “ไทยไฟต์”  แต่รายได้หลักมาจากการถ่ายทอดและค่าโฆษณาเป็นสำคัญ   ดังนั้นการมีพันธมิตรทางธุรกิจและหรือ สปอนเซอร์ทั้งในส่วนของการจัดการแข่งขัน  หรือ การถ่ายทอดจึงเป็นเรื่องทีทางผู้จัดกีฬาทั้งหลายจะให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ
                ซึ่งการเลือกพันธมิตรหรือผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์นั้นในสมัยก่อนๆ  ก็เพียงแต่อาศัยความสัมพันธ์หรือบารมีของผู้หลักผู้ใหญเป็นสำคัญ  แต่จากการที่ธุรกิจกีฬานี้สามารถสื่อสารเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง  ทำให้หลายๆบริษัทให้ความสำคัญกับ SPORT MARKETING มากขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ว่ามีสินค้าใหม่ๆเข้ามามีส่วนในธุรกิจนี้มากขึ้นเป็นลำดับ  เพราะใช้ทุนน้อยกว่าแต่ตรงกลุ่มเป้าหมายแถมสามารถวัดผลได้อีกด้วย  จากที่แต่เดิมก็จะมีเพียงธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไม่ว่าจะเป็น  ช้าง สิงห์ ซีพี ปตท. ฯลฯ เท่านั้น   หรือบางครั้งเราอาจจะเห็นความร่วมมือทางธุรกิจที่อาจจะไม่สัมพันธ์กันเสียเท่าใด  เรียกได้ว่าลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมายเลยก็ว่าได้  เช่น  BNK 48  กับ ทีมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย   แต่ก็เชื่อได้ว่าทั้งสองธุรกิจจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...