วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563

KEEP IN TOUCH ! มัดใจลูกค้า


          
ในภาวะเศรษฐกิจปกติที่มีการเติบโตมากบ้างน้อยบ้างตามสภาวะ   การแสวงหาลูกค้าและการรักษาลูกค้าให้อยู่กับเรานานๆ  เป็นเรื่องที่ลำบากและท้าทายสำหรับทีมงานขายและการตลาด  ยิ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็เป็นเรื่องที่ลำบากมากกว่า   แต่จะเป็นความลำบากมากที่สุดในภาวะ “โควิด-19”    และสิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่ท้าทายว่าจะประคองยอดขายและรักษาลูกค้าได้อย่างไร  แต่ชัยชนะย่อมเป็นของผู้กล้าซึ่ง ที่มีแนวทางในการแสวงหาลูกค้าและรักษาลูกค้าที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกัน  ผมขอใช้คำว่าขึ้นอยู่กับ “ทัศนคติ” และ “จริต” ของพนักงานนั้นเป็นสำคัญยิ่ง
            ลองทบทวนดูพนักงานบางคนในภาวะโควิดออกไปเยี่ยมเยียนลูกค้า  ก็มักจะได้คำตอบมาเหมือนๆกันว่า ตลาดไม่ดี  ยอดขายตก  ผลิตแค่ครึ่งหนึ่ง  เปิดทำงานอาทิตย์ละ3วัน  ฯลฯ  เรียกได้ว่าหากฟังลูกค้าพูดแล้วมันรู้สึกได้ถึงความมืดมน  และไม่เห็นแสงสว่างเลย  ดังนั้นทัศนคติ และ จริต ของพนักงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ  ผู้ชนะก็จะคิดว่าไม่เป็นไร   เดี๋ยวมันก็ต้องกลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ช้าก็เร็วอย่างกระนั้นเลย  เรา  KEEP IN TOUCH !  กับลูกค้าอยู่เสมอดีกว่า   แต่ก็จะมีพนักงานอีกแบบหนึ่งที่คิดว่า  “หมดหวัง “  ประคองตัวไม่ให้โดนไล่ออก หรือ ปลดออกก็พอ  การอยู่แบบไม่มีความหวังจะทำให้เรานั้นหดหู่  ขาดความกระตือรือร้น และทิ้งห่างลูกค้า  สุดท้ายลูกค้าก็จะจากไปในไม่ช้า   อย่าลืมว่าในขณะที่ตลาดหดตัวลงเรานั้นสามารถขายสินค้าตัวอื่นๆให้ลูกค้ารายเดิมได้ (แย่งมาจากคู่แข่ง )  หรือ ในเวลเดียวกันเรามีสินค้าใหม่มานำเสนอลูกค้ารายเดิมรวมทั้งตลาดสินค้าใหม่ๆที่ยังไม่เคยทำมาก่อน  ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นและทัศนคติดังได้กล่าวมาในตอนต้น
            การ KEEP IN TOUCH !  เป็นการบอกลูกค้าว่า  “เรายังไม่หายไปไหนนะ”  “เรายังอยู่กับคุณอยู่นะ”  แล้วเวลาที่เขาต้องการสินค้าหรือ ความช่วยเหลือใดๆ  เราก็จะเป็นตัวเลือกแรกๆที่ลูกค้านึกถึง อาจไม่ใช้ในวันนี้  ไม่ใช่ปีนี้  แต่จะเป็นวันหนึ่งข้างหน้าที่เราต้องลงทุนกันในช่วงนี้ เพราะคู่แข่งจะขาดความกระตือรือร้นในการขยายตลาดและรักษาลูกค้า   แต่ในขณะที่เรายังมีความหวัง กระตือรือร้น  พร้อมที่จะลงทุนลงแรงในช่วงนี้     ซึ่งในโลกโซเชียลและเทคโนโลยี่ปัจจุบันสามารถ  KEEP IN TOUCH !  ได้หลากหลายวิธีและบางวิธีแทบไม่มีต้นทุนเลย  ซึ่งขอยกตัวอย่างมา 7   ประการดังนี้
            1.การติดต่อสื่อสารด้วยสื่ออีเลคโทรนิค  เช่น อีเมล์  เฟสบุ้ค ไลน์  วอทแอพ หรือ แอพพลิเคชั่นสื่อสังคมต่างๆ    คอยสอบถาม / แจ้งข่าว คราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกิจการ / สินค้า การผลิต  เทคโนโลยี่ ที่เกี่ยวข้อง หรือ ความสนใจของลูกค้า  หรือ ครอบครัวของลูกค้า   แต่ก็ต้องรักษาระยะห่างไม่กระหน่ำส่งทุกวันสามเวลาหลังอาหาร  และไม่ใช่ส่งแต่รูปดอกไม้สวัสดี  ธรรมะ ทุกวันแต่ขาดเรื่องราวหรือกิจกรรมที่ลูกค้าสนใจ  ก็จะกลายเป็นคนที่ส่งสิ่งไร้สาระและขาดความหมายในความรู้สึกของลูกค้าไป
            2.เชิญลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ  ทั้งที่บริษัทเราจัดเอง หรือ เป็นกิจกรรมที่ลูกค้าหรือครอบครัวสนใจ เช่นอาจจะมีการสัมมนาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับกิจการของลูกค้า  เป็นต้น
            3.ร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสพิเศษต่างๆ  ไม่ว่าวันเกิด   วันครบรอบแต่งงาน  ลูกเรียนจบ   กิจการได้รับรางวัล  หรือได้รับมาตราฐานต่างๆ   ฯลฯ
            4.นำเสนอกิจกรรมที่เป็นการจัดเฉพาะแบบสุดๆ  เช่น  ลูกค้าเป็นแฟนคลับทีมวอลเล่ย์บอลทีมชาติไทย  พอช่วงมีแข่ง เนชั่นลีกส์  หรือ ลูกค้าเป็นนักกอล์ฟพอมีการแข่งขัน LPGA หาบัตรและชวนลูกค้าไปร่วมชมเป็นต้น
            5.การรักษาระดับความสัมพันธ์นี้จะต้องจัดเป็นแบบ  เฉพาะตัว  เพราะว่าลูกค้าแต่ละคนมีความชอบ มีทัศนคติ และ กิจกรรมที่แตกต่างกัน  ต้องเรียนรู้ลูกค้า ตลอดจน ครอบครัว และตอบสนองความต้องการนั้นอย่างตรงจุด
            6.การใช้อาวุธดั้งเดิม  คือโทรศัพท์หาบ้างไม่ใช่ส่งแต่ทางสื่ออีเลคโทรนิค  จนขาดการสัมผัสด้วยเสียงที่น่าจะสร้างความรู้สึกได้ดีกว่าสื่ออีเลคโทรนิค
            7.สุดท้ายเลยคือการไปพบกันจริงๆ  อย่าปล่อยให้สื่ออีเลคโทรนิคทำให้เราขาดปฏิสัมพันธ์แบบความเป็นมนุษย์ดั้งเดิมขาดหายไป
            อย่าลืมว่าในภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นจะมี บริษัทที่ล้มหายตายจากไป หรือ ลดความสามารถในการแข่งขันไป  พนักงานของคู่แข่งขันขาดแรงจูงใจในการทำงาน ฯลฯ  แต่หากเรา KEEP IN TOUCH !  อยู่อย่างสม่ำเสมอแล้ว  อนาคตเมื่อเศรษฐกิจกลับมาดีดังเดิมหรือดีขึ้นกว่าปัจจุบัน “เราจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ??

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...