วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ศิวิไลซ์ ใจเต็มร้อย

 



4 กุมภาพันธ์  2564

                หลายคนคงงงว่า “ศิวิไลซ์”  ที่อยู่ในหัวเรื่องนี้คืออะไร  จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิลป  วัฒนธรรมหรือไม่  คำตอบคือ.... ไม่แน่นอนเพราะว่าผมไม่มีองค์ความรู้ในเรื่องเหล่านั้น   แต่ในที่นี้  “ศิวิไลซ์”  คือ ชื่อร้านอาหารที่อยุธยาราชธานีเก่าของไทยนั่นเอง   ร้านนี้เป็นร้านที่ติดอยู่ในลิสต์ร้านอาหารน่านั่ง  บรรยากาศดี  อาหารอร่อย   ซึ่งได้บรรยายสรรพคุณตนเองไว้ว่า  ในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา รับรองถูกใจทุกรุ่นทุกวัย เรียกได้ว่าถ้ามาที่นี่ อิ่มทั้งกาย สบายทั้งใจแน่นอน   อาหารไทย รสดั้งเดิม   อาหารฝรั่ง ถูกคนปากคนไทย  เบเกอรี่ สไตล์ฝรั่งเศส รสกลมกล่อม   เครื่องดื่ม ที่ผสานกลิ่นไอความเป็นไทย  หลังจากที่ได้ไปลิ้มลองมาแล้วก็ขอคอนเฟิมตามที่ร้านกล่าวอ้างไว้เลยครับ

                แต่.....ขอย้อนมาว่าเหตุใดจึงได้มีโอกาสไปลิ้มลองที่ร้านนี้ครับ   ด้วยเหตุที่โปรแรงแซงโควิดเรย   คือ....กุ้งแม้น้ำ  1 ตัว แถม  1 ตัว  พอเห็นโปรพร้อมภาพประกอบที่กุ้งขนาดเขื่องและภาพก็ถ่ายได้แบบว่ายั่วน้ำลายสอจึงได้รีบบึ่งไปอุดหนุน   เรื่องมันพลิกผันเล็กน้อยตรงที่ว่ามันมีอีกโปรหนึ่งซึ่งเป็นอาหารวมชุด  3  อย่างในราคา  ที่ไม่ซื้อไม่ได้  399 บาท  จึงได้สั่งเพิ่มเข้าไป 1 ชุด กุ้ง 2 ตัวแถม  2 ตัว และอาหารเพิ่ม อีก  1 อย่าง....

                พนักงานร้านบอกว่าโปรอาหารชุด 399 นั้น เป็นแบบดิลิเวอรี่ไม่สามารถสั่งได้  ซึ่งเราเองก็ผิดเองที่ไม่ได้อ่านให้รอบคอบ   แต่ด้วยความอยากที่ว่ามันน่ากินและราคาโดนใจก็เลยบอกพนักงานไปว่า    “น่าจะสั่งได้นะ  เพราะช่วงนี้ขายไม่ค่อยดีพี่เป็นลูกค้ารายเดียวในขณะนั้น (ซึ่งตลอดทั้งมื้อกลางวันนั้นมีลูกค้าอยู่แค่ 2 โต๊ะ) และนี่อุตสาห์มาอุดหนุน”   นางก็บอกว่าไม่ได้โน่นนั่นนี่  ไอ้เราก็คิดว่าถ้าเราเป็นเจ้าของหรือผู้จัดการจัดให้ไปแล้วแต่น้องเค้าไม่มีอำนาจอย่างนั้น  จึงบอกนางไปว่าให้ไปคุญกับเจ้าของหรือผู้จัดการดูว่าพี่ขอสั่งนะนะนะ หรือเชิญผู้จัดการมาพบก็ได้จะได้หารือเรื่องนี้กัน  อ้อนแบบว่าอยากได้อ่า

                นางหายไปพักนึงก็กลับออกมาบอกว่าไม่ได้  เราก็เลยถามว่าถามผจก. หรือเจ้าของแล้วหรือนางว่าผู้ใหญ่แจ้งมาอย่างนี้   เราก็เลยอยากลองของดูว่าจะเป็นอย่างไร!!!!!   งั้นก็ขอสั่งเป็นแบบดิลิเวอรี่เรยก็แอดไลน์และโทรไปสั่งบอกว่านั่งรอรับอยู่ที่หน้าร้าน   เอากะพ่อดิ.....อิอิ  ใจนั้นก็คิดว่าเดี๋ยวได้ของแล้วะจะขอจานมานั่งกินในร้านนั่นแหละ    สักครู่หนึ่งนางคนเดิมมาบอกว่า...” ถ้าสั่งแบบดิลิเวอรี่แล้วนั่งกินในร้านจะขอคิดค่าเซอร์วิสอีก 10%    แค่ 39.90 บาทเองจัดไปเรยน้องสาว......แต่บอกว่าให้ใส่กล่องมานะ และขอจานมาใส่อีกทีด้วยไม่ใช่ใส่จานมาเรยนะจ๊ะเดี๋ยวจะไม่เหมือนดิลิเวอรี่

                ผ่านไปอีก 5 นาทีได้กระมังมีผู้สาวนางหนึ่งเข้ามาในร้านซึ่งพนักงานก็เดินไปพูดคุยด้วยสักพัก  ผู้สาวนั้นก็เข้ามาพบที่โต๊ะบอกว่าจัดการให้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องสั่งแบบดิลิเวอรี่และไม่คิดค่าบริการเซอร์วิสชาร์จ   ดูตามทรงแล้วนางต้องเป็นซุปฯ หรือ  ผจก.ร้านแน่ๆ   ซึ่งก็ไม่ผิดครับนางเรียนการตลาดมาและเป็น ผจก. ร้านและลำดับแรกที่นางพูดคือต้องขอโทษน้องเค้าด้วย บลา  บลา ๆๆๆๆ   พูดจบอาหารก็ออกมาครบพอดี  และอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น  “อาหารรสชาติอร่อย  และมีอาหารหลายอย่างในเมนูที่หากินไม่ค่อยได้  บรรยากาสน่านั่งจริง” ขอบอก

                ประเด็นมันอยู่ที่ ......พนักงานในตอนแรกนั้นไม่ได้ไปหารือ ผจก. เจ้าของร้าน  ตัดสินใจเองและเกือบทำให้เสียลูกค้ารายนี้ไปตลอดกาล ซึ่งในภาวะโควิดแล้วลูกค้าหายากชิมะชิมะต้องใช้กลยุทธ์ทำอย่างไรให้ได้ลูกค้าใหม่ ซึ่งร้านทำได้เพราะโปรแรงแบบฝุดๆๆ  แต่ทำอย่างไรให้รักษาลูกค้าเก่าแถมช่วยดึงลูกค้าหรือประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องเพื่อนฝูงมาอุดหนุนต่อละ เพราะเหตุแห่งปัญหาในกรณีนี้มันเล็กน้อยมากหากนางได้โทรถามผู้มีอำนาจตัดสินใจก็จะไม่เกิดเหตุนี้   เรียกได้ว่าผ่านไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด  มิฉนั้นแล้วบทความนี้อาจจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็น  “ศิวิไลซ์ แต่ไร้คุณค่า” แทน.............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...