ในที่สุดความฝันของผมที่จะไปร้องเพลงชาติไทยในโอลิมปิคที่โตเกียวต้องล้มลงอย่างเป็นทางการ เมื่อคณะกรรมการจัดการแข่งขันโตเกียว2020 ได้ประกาศอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นจะไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาชมการแข่งขันในญี่ปุ่น ซึ่งผมได้จองตั๋วชมเทควันโดหญิง รุ่น 49 กก.ที่น้องเทนนิสมืออันดับหนึ่งของโลกที่มีความหวังเหรียญทองโอลิมปิคจองมาเกือบสองปี เพราะแม้ผมจะได้เคยไปชมโอลิมปิคมาสองครั้งซึ่งไม่มีโอกาสร้องเพลงชาติไทยในสนามโอลิมปิค คงได้แค่เหรียญทองแดงจากยกน้ำหนักในลอนดอนเกมส์ เมื่อปี 2012 เท่านั้น ส่วนครั้งแรกไปดูขี่ม้าที่ปักกิ่ง 2018
ซึ่งการห้ามต่างชาติเข้าประเทศเพื่อชมการแข่งขันโตเกียว 2020ในครั้งนี้ จะทำให้เงินค่าขายบัตรเข้าชมการแข่งขันต้องคืนให้กับผู้ที่จองบัตรไว้ล่วงหน้าแล้ว 630,000 ใบ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเงินเท่าใด คิดเอาคร่าวๆจากบัตรที่ผมได้ซื้อไว้เป็นเกณฑ์ คือ 60.000 บาทรวมโรงแรม 2 คืน (บางชนิดกีฬาก็ถูกแพงแตกต่างกันไป) ก็จะเป็นเงินถึง 37,800 ล้านบาท ซึ่งดูแล้วเหมือนไม่ค่อยมากเท่าใด และคงอาศัยคนญี่ปุ่นมาชดเชยรายได้จำนวนนี้ได้บ้างเพราะคนญี่ปุ่นเองมีกำลังซื้อได้ แต่กีฬาหลายประเภทก็ไม่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่นก็อาจจะไม่สามารถขายบัตรเข้าชมได้มากนัก ยิ่งในภาวะโควิด-19 ก็คงต้องจัดที่นั่งหลวมๆเพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม
แต่จากการลงทุนในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ถึง 810,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่ามากโขอยู่คิดเป็น ถึง 25 เปอร์เซนต์งองงบประมาณของรัฐบาลไทย ซึ่งทำให้คิดไปได้ว่าโอลิมปิคคงไม่มีโอกาสจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นแน่แท้เพราะใช้งบประมาณมากขนาด เพราะการขาดรายได้ค่าตั๋วจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 4 หมื่นล้านบาทคิดเป็นจำนวนไม่มากเท่าใดเมื่อเทียบกับงบประมาณจัดการแข่งขัน
แต่รายได้ที่หดหายไปมากที่สุดน่าจะเป็นจาก ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ทางนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องจ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ค่าเดินทางต่างๆ ไม่ทราบว่าจะเป็นเงินเท่าใดนอกจากนี้ที่สำคัญคือ โอกาสในการให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี วัฒนธรรม ตลอดจนสินค้า และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อประกาศต่อชาวโลก ซึ่งจะได้รับต่อยอดเป็นอานิสงค์ของการท่องเที่ยวหลังจากโตเกียว 2020 จะมีมูลค่าที่มหาศาลกว่ามากนัก และคงต้องจับตาพิธีเปิด พิธีปิด ซึ่งเชื่อได้ว่าญี่ปุ่นเองคงเตรียมมาขายของอย่างเต็มที่ เหมือนกับตอนที่รับธงการจัดการแข่งขันที่บราซิล ขนาดยกรัฐมนตรีอาเบะยอมแต่งตัวเป็นตัวมาริโอ แน่นอนต้องการขายของเป็นสำคัญ มิฉนั้นคงแต่งชุดประจำชาติหรือชุดสากล และไม่มีใครทราบว่าในพิธิเปิดและปิดญี่ปุ่นจะขายอะไร คงต้องเฝ้ารอและติดตามจากขอทีวีที่บ้านเรา.....!!
ดร.พงษ์ศักดิ์ สวัสดิเกียรติ
สถาบันวิทยาการโอลิมปิคไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น