วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566

“สื่อสารไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่ ”

 




   เครดิตภาพ “โมโน 29 ”

 

            กระแสดราม่าช่วงสองวันที่ผ่านมาคือบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งยื่นโนติส 102 ล้านบาท กับร้านแบบบ้านๆในต่างจังหวัด  และอ้างถึงเครื่องหมายการค้า / ลิขสิทธิ์  ของ “ปังชา”  ที่ตนเองได้จดทะเบียนไว้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา   ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ดำเนินการจดทะเบียนไว้   แต่การมุ่งที่จะไปฟ้องร้อง หรือเรียกร้องเงินทอง  ถึง 102 ล้านบาทจากร้านที่ชื่อร้านคือ “ปังชา” ที่จังหวัดเชียงราย  ที่เป็นร้านแบบบ้านๆโอเพ่นแอร์ดู   และอีกร้านหนึ่งทางภาคใต้    จนเป็นกระแสดราม่าในสังคม  รถทัวร์จอดร้านปังชาเจ้าใหญ่ที่เป็นฝ่ายฟ้องร้อง  จนต้องออกมาชี้แจงว่าเข้าใจผิด  สื่อสารคลาดเคลื่อน  ขอโทษ  และถ้ามีเวลา(จะพูดคำนี้ทำไม)จะไปขอโทษร้านทั้งสองด้วยตนเอง   กรณีนี้มีเรื่องที่ต้องตั้งข้อสังเกตุดังนี้

            1.ร้านดังมีสิทธิในการฟ้องร้องหรือไม่  คำตอบ มีสิทธิแต่ว่าไม่ใช่ในกรณีนี้  ต้องเป็นกรณีที่ร้านอื่นทำเลียนแบบ หรือ ก้อปปี้ เครื่องหมายการค้า   ซึ่งทั้งสองร้านนั้นไม่ใกล้เคียงเรย

            2.สมมุติว่าถ้ามีสิทธิ (แต่ในกรณีนี้ไม่มีสิทธิ)   แบบว่ามีคนก้อปปี้ เลียนแบบ  แล้วเป็นร้านแบบบ้านๆ  จะฟ้องถึง 102 ล้านหรือไม่  ??   ร้านที่ถูกฟ้องต้องขายกี่สิบชาติถึงมีรายได้ 102 ล้านบาท ตรงนี้เลยทำให้รถทัวร์มาแวะจอดมากเป็นพิเศษ  แล้วที่สุดของที่สุดคือ ร้านใหญ่นี้ 5 ปีย้อนหลังกำไรแค่ สองปี  4 ล้านกว่า  กับ  29 ล้านกว่าบาท  ทำให้ภาพยิ่งดูแย่ลงไปอีก เพราะเท่ากับกำไรบริษัท 3-4 ปีเรยไม่ต้องค้าขายก็รวยได้

            3.การสื่อสารของเจ้าของร้านที่ออกรายการทีวีช่อง 3  นั้น  “ไม่เนียน ต้องไปเรียนมาใหม่”  เพราะการชี้แจงครั้งแรกบอกว่า   ทางร้านขออภัยที่มีการสื่อสารและทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนทางร้าน ขอน้อมรับทุกคำติชม คำแนะนำ และจะปรับปรุง พัฒนาทั้งในการสื่อสาร การบริการ สินค้า ต่อไปซึ่งชี้แจงแบบไม่ชี้แจง

            พอเจอคำถามว่าใจดำหรือเปล่าฟ้องถึง 102 ล้าน  กลับตอบว่า   ไม่ได้ฟ้องนะคะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะฟ้องใคร ไม่สามารถที่จะไปฟ้องร้องเขาได้ แต่ทั้งหมดในโนติสที่เขียนไป 102 ล้านบาท เป็นเรื่องของเครื่องหมายการค้า ดูแบบอย่างในการให้ความสำคัญมาจากต่างประเทศ แก้มเลยให้ค่ากับอันนั้น ก็เป็นความผิดพลาดของทางเรา ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ”   

            ไม่ได้ฟ้องแต่ก็เตรียมฟ้องแหละคือการยื่นโนติสไปขนาดนั้น   ถ้าไม่ประสงค์ฟ้องจะระบุตัวเงินไปทำไม   หรือให้ทนายความยื่นโนติสไปทำไม    แค่โทรไปก็ได้ขอให้งดใช้คำว่า “ปังชา”  (ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีสิทธิไปให้ร้านอื่นใช้คำนี้) 

            การดำเนินธุรกิจทุกวันนี้เราจะเห็นมีคำสองคำที่มักจะนำมาใช้ในทางที่จะกระตุ้นเตือนจิตสำนึก และความรับผิดชอบ   ในการดำเนินธุรกรรมต่างๆขององค์กรอยู่สองคำ  คือ คำว่า  ธรรมาภิบาล  และ บริษัทภิบาล    ซึ่งหลักการและแนวคิดตลอดจนวัตถุประสงค์นั้นค่อนข้างคล้ายกันอย่างมาก    ซึ่งคำว่าธรรมาภิบาลนั้นใช้ในองค์กรภาครัฐ  ส่วน บรรษัทภิบาลใช้กับหน่วยงานเอกชน  ซึ่งบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้นถูกำหนดให้ทุกบริษัทนั้นต้องมีธรรมาภิบาล  ซึ่งครอบคลุมในห้าหัวข้อหลักๆ  เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรนั้นสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเอง  และสังคมได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน   การดำเนินธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ตนเองและไม่เหลียวแลสังคมนั้นอาจอยู่ได้ในระยะสั้นเพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคไม่เพียงแต่ต้องการสินค้าทีดีมีคุณภาพ  ตรงกับความต้องการแต่เพียงอย่างเดียว  ยังแสวงหาสินค้า / องค์กร ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย  ซึ่งหลักการของบรรษัทภิบาลตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครอบคลุม 5 ด้าน ดังต่อไปนี้

 1.ความซื่อสัตย์ (Integrity) คือ การบริหารจัดการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตน่าเชื่อถือ และยึดมั่นในความถูกต้อง

            2. ความยุติธรรม (Fairness) คือ การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียขององค์กรอย่างเป็นธรรม

            3.ความโปร่งใส (Transparency) คือ การดำเนินงานที่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและสามารถตรวจสอบได้

            4. ความรับผิดชอบ (Responsibility) คือ การปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนด้วยสติปัญญาและความสามารถอย่างเต็มกำลัง มุ่งมั่นให้งานสำเร็จและพัฒนางานให้ดีขึ้น

            5.ภาระรับผิดชอบ (Accountability) คือ ความรับผิดและรับชอบในผลของการกระทำที่เกิดขึ้น อันเนื่องจากการกระทำ การสั่งการ การมอบหมาย และการตัดสินใจ ตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง โดยสามารถชี้แจงและอธิบายการตัดสินใจนั้นได้

            ซึ่งในกรณีดรามา “ปังชา”  นี้ คงอยู่ในหัวข้อง  ความยุติธรรม  และ ภาระรับผิดชอบนั่นเอง  สมควรเป็นกรณีศึกษาทั้งทางด้าน  นิติศาสตร์   บริหารธุรกิจ  และ การตลาดที่น่าสนใจกรณีหนึ่ง  กว่าจะได้มิชิลินไกด์ 4 ปีซ้อนใช้เวลาหลายปี  แต่ชื่อเสียงหายไปชั่วข้ามคืนแล่  “สื่อสารผิดพลาด” กระนั้นหรือ ????

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขายรัย...ทำไมเราอิน (มาก)

                                                   เครดิตภาพจาก "เฟสบุคไทรสุก"           สองอาทิตย์ก่อนไปเห็นน้องคนหนึ่งที่เป็...