ในวันที่ผมเขียนบทความนี้ปรากฏว่าหวัด2009คร่าชีวิตคนไทยไปแล้ว 16 คน และเชื่อเหลือเกินว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นลำดับเพราะว่าดูแนวทางการทำงานของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว บอกตรงๆว่าหน่อมแน้มเอาแต่เยี่ยมโรงพยาบาล แจกหน้ากาก ฯลฯ ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเอาแต่งานจ๊อบ มันน่าจะระดมสมองและออกมาตราการ หนึ่งสองสาม ฯลฯ ออกมาแบบจับได้จนนายกอภิสิทธิ์ต้องออกโรงเองจนมีมาตราการปิดโรงเรียนกวดวิชาสิบห้าวัน (แค่มาตราการเดียว) ก็ไม่น่าจะหยุดมหันตภัยได้เพราะมันไม่ครบวงจรก็เลยหดหู่กับวีธีการทำงานของภาครัฐจริงๆ ทั้งที่หน่วยงานเอกชนทั้งหลายเค้าปรับตัว เช่นโรงภาพยนต์ก็มีการทำความสะอาดและฉีดยาฆ่าเชื้อทุกรอบ มีแอลกอฮอล์เหลวไว้บริการ ฯลฯ การรับมือกับหวัดพันธ์นี้ต้องทำครบวงจรครับท่านมัวแต่รีๆรอๆคนไทยตายอีกหลายสิบแน่ ตอนนี้เป็นอันดับห้าของโลกแล้วเมื่อนับจำนวนผู้เสียชีวิต มันน่าจะออกมาตราการเด็ดขาดหลายๆมาตราการมาปราบให้อยู่เพราะอีกไม่นานก็เข้าฤดูท่องเที่ยวแล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไหนจะมาถ้ามีคนไทยติดเชื้อเพิ่มวันละเกือบสองร้อยตายวันละคนสองคน ดูที่ญี่ปุ่นซิครับเค้าติดหวัดก่อนเราอีกแต่เค้าหยุดการแพร่กระจายให้แคบลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งๆที่ความฉลาดเราไม่ด้อยกว่าเค้าเท่าไหร่แต่ที่ต่างคือ “ไม่กล้าตัดสินใจ” ต่างหาก
ในการตัดสินใจครั้งหนึ่งๆโดยเฉพาะอย่ายิ่งการตัดสินใจนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะในทิศทางใดๆก็ตาม จะต้องมีเหตุแห่งการตัดสินใจนั้นๆตามที่พระท่านว่า “ผลย่อมเกิดจากเหตุ” เช่นนั้นนั่นเอง และหากการตัดสินใจนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงแล้วละก็ต้องมีเหตุที่มีระดับความรุนแรงหรือมีนัยยะที่เราเรียกว่า “แรงบันดาลใจ” INSPIRATION เพราะแรงบันดาลใจจะก่อให้เกิดการกระทำซึ่งหากแรงบันดาลใจไม่เพียงพอแล้วการกระทำนั้นก็จะล้มเหลวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือความต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นนั่นเอง ถ้าใครได้มีโอกาสได้ชมรายการทางทรูวิชั่นข่องสิบหก Hallmark ในรายการ BIGGEST LOOSER ซึ่งเป็นการเอาคนอ้วนๆ(ขอบอกว่าอ้วนมากๆ) ขนาดร้อยสองร้อยปอนด์ขึ้นไปถึงสี่ร้อยปอนด์ก็ประมาณ หลักร้อยกิโลถึงสองร้อยกิโลกรัมเลยเอามาเข้าค่ายและฝึกออกกำลังและแข่งขันกันใครจะสามารถลดได้มากกว่ากันโดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ โดยมีรางวัลที่หนึ่งเป็นเงินถึง 250,000 เหรียญ หรือประมาณ 8.5 ล้านบาท ใครเลยจะเชื่อว่าคนเราจะลดน้ำหนักได้ถึงกว่า 50% โดยคนทีได้ที่หนึ่งสามารถลดได้มากกกว่า 200 ปอนด์ คือลดได้เกือบ 100 กก.จากคนที่เดินก็แทบจะไม่ไหวเข้าค่ายมาใหม่ๆก็มีความท้อแท้และเกือบจะถูกคัดออกก็หลายครั้ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจทำให้เค้าต่อสู้กับความล้า ความเมื่อย ความเหนื่อย และฝ่าฝันจนได้รับรางวัลที่หนึ่งซึ่งแน่นอนเงินรางวัลคงเป็นแรงจูงใจอันหนึ่งแต่ตามที่เค้าให้สัมภาษณ์ในรายการคือกำลังใจจากครอบครัว และแรงบันดาลใจที่จะมีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตปกติกับครอบครัวและอยู่กับครอบครัวไปได้นานๆเป็นสำคัญ หลังออกจากรายการแล้วเค้าก็ยังรักษาสถานะและหุ่นด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจนถึงทุกวันนี้ หากถามว่าเราจะสร้าแรงบันดาลใจได้อย่างไรไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน การสร้างสรรค์ผลงาน หรือแรงบันดาลใจในการดำรงตน แรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันเป้นความเคยชินของเราเอง สามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกอันสับสนวุ่นวายนี้ ก็เลยอยากเอาหลักคิดมาแลกเปลี่ยนกันจากต้วอักษร INSPIRE ดังนี้
I=Impact คือต้องรู้ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรถ้าทำหรือไม่ทำสิ่งนั้น เช่นถ้าต้องการลดน้ำหนักก็ต้องรู้ว่าถ้าลดแล้วสุขภาพดี หรือไม่ลดแล้วจะเกิดโรคต่างๆมากมาย คือต้องรู้และยอมรับว่ามันมีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ แต่หากคิดว่าน้ำหนักเกิดนิดหน่อยไม่เป็นไรก็จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือการสูบบุหรี่ก็เหมือนกัน หรือการจะสร้างแผนธุรกิจใหม่ๆก็เหมือนกัน บางองค์กรก็เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นมิฉนั้นองค์กรก็อยู่ไม่ได้ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจ ดังนั้นถ้าผลกระทบมากก็จะทำให้เกิดการกระทำมาก เช่น ถ้าไม่ลดน้ำหนักจะอยู่ได้อีกสามเดือนใครจะอยากอยู่แค่สามเดือนจริงป่าวครับ
N=Noting loss ไม่มีอะไรเสีย คือถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้แล้วเพื่อน ดังนั้นจงทำเสียเดี๋ยวนี้ เช่นการสูบบุหรีถ้าเราลองหยุดวันนี้แล้วเรามีอะไรเสียหายหรือไม่ คำตอบคือไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นจงหยุดสูบเสียแต่เดี๋ยวนี้
S=Stimulate ต้องมีสิ่งเร้ามากระตุ้น เช่นการจะทำให้เพื่อนร่วมงานมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกัน ก็ต้องกระตุ้นให้เค้าได้มีเพื่อน มีทีม และได้มีโอการ่วมในการแสดงความคิดเห็น มีโอกาสร่วมในความสำเร็จ และหากผลงานเป็นความสำเร้จก็อย่าลืมแชร์ความสำเร้จให้เค้าด้วย เพื่อที่เค้าจะได้ภาคภูมิใจไปกับความสำเร็จนั้น หากเก็บความสำเร้จไว้ที่เรา หรือหัวหน้าคนเดียวอีกหน่อยก็ไม่มีใครทำงานด้วยหรอกครับเจ้านาย หรือสิ่งเร้านั้นอาจจะเป็นรางวัลที่จับต้องได้หรือเกียรติยศก็ได้ครับ เพราะเราเองก็ยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการสิ่งตอบแทนอยู่ดีนั่นเอง เรียกว่ายังละกิเลสไม่ได้หมดหรอกโยม
P=Pratic ฝึกฝนครับ การสร้างแรงบันดาลใจฝึกฝนได้ครับ มนุษย์เราไม่ได้เป็นอะไรมาตั้งแต่เกิดหรอกครับ อยู่ที่การฝึกฝน หากมีลูกน้องก็ลองให้ลูกน้องฝึกบ่อยๆนะครับ หรือหากท่านเป็นเจ้านายก็ลองฝึกตัวเองอยู่เสมอๆนะครับ ไม่ใช่ให้ลูกน้องบอกว่าเป็นเจ้านายเพราะอยู่นาน เพราะการฝึกฝนจะทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตซึ่งแรงบันดาลใจนั้นจะมีจุดมุ่งหมายอยู่เสมอครับ ฝึกไปเรื่อยๆนะครับแล้ววันหนึ่งเราจะเป็นผู้ที่มีความฝันและทำความฝันให้เป็นจริงไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นเรื่องอะไร ทั้งกิจการ งาน ทีม ตลอดจนพฤติกรรมของตนเอง ที่จะพัฒนาไปในทางที่เป็นบวกทั้งต่อตัวท่านเอง ชุมชน กลุ่มสังคม และประเทศชาติในที่สุด
E=Example คือการมีตัวอย่างที่ดี หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีบุคคล หรือสถาบันอื่นๆเป็นตัวอย่าง เช่น ถ้าใครอ้วนมากๆ ลองดูรายการ BIGGEST LOOSER ที่ผมกล่าวตอนต้นเป็นตัวอย่าง คนสองร้อยกิโลกรัมลดลงเหลือหร้อยกิโลกรัมได้แล้วทำไมเราแค่ หนึ่งร้อยยี่สิบจะลดเหลือเก้าสิบเก้ากิโลไม่ได้ครับ ดังนั้นลองหาคนเป็นต้นแบบแบบที่วัยรุ่นเค้าเรียกว่าไอดอลนะ อยากเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ก็คงต้องมีนักพูดในดวงใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์ฝึกฝนเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริงให้ได้ เพราะโลกนี้คงไม่มีใครที่จะเกิดมาแล้วเก่งไปเสียทุกเรื่องดังนั้น “หาแรงบันดาลใจ” ให้เจอ แล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของท่านเสียเพื่อไปให้ถึง “ฝัน และ เป้าหมาย “ ของท่าน แล้ว “ใคร” คือ “ไอดอลของคุณ” มีหรือยังเอ่ย?” ……………
ในการตัดสินใจครั้งหนึ่งๆโดยเฉพาะอย่ายิ่งการตัดสินใจนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะในทิศทางใดๆก็ตาม จะต้องมีเหตุแห่งการตัดสินใจนั้นๆตามที่พระท่านว่า “ผลย่อมเกิดจากเหตุ” เช่นนั้นนั่นเอง และหากการตัดสินใจนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงแล้วละก็ต้องมีเหตุที่มีระดับความรุนแรงหรือมีนัยยะที่เราเรียกว่า “แรงบันดาลใจ” INSPIRATION เพราะแรงบันดาลใจจะก่อให้เกิดการกระทำซึ่งหากแรงบันดาลใจไม่เพียงพอแล้วการกระทำนั้นก็จะล้มเหลวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือความต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นนั่นเอง ถ้าใครได้มีโอกาสได้ชมรายการทางทรูวิชั่นข่องสิบหก Hallmark ในรายการ BIGGEST LOOSER ซึ่งเป็นการเอาคนอ้วนๆ(ขอบอกว่าอ้วนมากๆ) ขนาดร้อยสองร้อยปอนด์ขึ้นไปถึงสี่ร้อยปอนด์ก็ประมาณ หลักร้อยกิโลถึงสองร้อยกิโลกรัมเลยเอามาเข้าค่ายและฝึกออกกำลังและแข่งขันกันใครจะสามารถลดได้มากกว่ากันโดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ โดยมีรางวัลที่หนึ่งเป็นเงินถึง 250,000 เหรียญ หรือประมาณ 8.5 ล้านบาท ใครเลยจะเชื่อว่าคนเราจะลดน้ำหนักได้ถึงกว่า 50% โดยคนทีได้ที่หนึ่งสามารถลดได้มากกกว่า 200 ปอนด์ คือลดได้เกือบ 100 กก.จากคนที่เดินก็แทบจะไม่ไหวเข้าค่ายมาใหม่ๆก็มีความท้อแท้และเกือบจะถูกคัดออกก็หลายครั้ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจทำให้เค้าต่อสู้กับความล้า ความเมื่อย ความเหนื่อย และฝ่าฝันจนได้รับรางวัลที่หนึ่งซึ่งแน่นอนเงินรางวัลคงเป็นแรงจูงใจอันหนึ่งแต่ตามที่เค้าให้สัมภาษณ์ในรายการคือกำลังใจจากครอบครัว และแรงบันดาลใจที่จะมีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตปกติกับครอบครัวและอยู่กับครอบครัวไปได้นานๆเป็นสำคัญ หลังออกจากรายการแล้วเค้าก็ยังรักษาสถานะและหุ่นด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจนถึงทุกวันนี้ หากถามว่าเราจะสร้าแรงบันดาลใจได้อย่างไรไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน การสร้างสรรค์ผลงาน หรือแรงบันดาลใจในการดำรงตน แรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันเป้นความเคยชินของเราเอง สามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกอันสับสนวุ่นวายนี้ ก็เลยอยากเอาหลักคิดมาแลกเปลี่ยนกันจากต้วอักษร INSPIRE ดังนี้
I=Impact คือต้องรู้ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรถ้าทำหรือไม่ทำสิ่งนั้น เช่นถ้าต้องการลดน้ำหนักก็ต้องรู้ว่าถ้าลดแล้วสุขภาพดี หรือไม่ลดแล้วจะเกิดโรคต่างๆมากมาย คือต้องรู้และยอมรับว่ามันมีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ แต่หากคิดว่าน้ำหนักเกิดนิดหน่อยไม่เป็นไรก็จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือการสูบบุหรี่ก็เหมือนกัน หรือการจะสร้างแผนธุรกิจใหม่ๆก็เหมือนกัน บางองค์กรก็เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นมิฉนั้นองค์กรก็อยู่ไม่ได้ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจ ดังนั้นถ้าผลกระทบมากก็จะทำให้เกิดการกระทำมาก เช่น ถ้าไม่ลดน้ำหนักจะอยู่ได้อีกสามเดือนใครจะอยากอยู่แค่สามเดือนจริงป่าวครับ
N=Noting loss ไม่มีอะไรเสีย คือถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้แล้วเพื่อน ดังนั้นจงทำเสียเดี๋ยวนี้ เช่นการสูบบุหรีถ้าเราลองหยุดวันนี้แล้วเรามีอะไรเสียหายหรือไม่ คำตอบคือไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นจงหยุดสูบเสียแต่เดี๋ยวนี้
S=Stimulate ต้องมีสิ่งเร้ามากระตุ้น เช่นการจะทำให้เพื่อนร่วมงานมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกัน ก็ต้องกระตุ้นให้เค้าได้มีเพื่อน มีทีม และได้มีโอการ่วมในการแสดงความคิดเห็น มีโอกาสร่วมในความสำเร็จ และหากผลงานเป็นความสำเร้จก็อย่าลืมแชร์ความสำเร้จให้เค้าด้วย เพื่อที่เค้าจะได้ภาคภูมิใจไปกับความสำเร็จนั้น หากเก็บความสำเร้จไว้ที่เรา หรือหัวหน้าคนเดียวอีกหน่อยก็ไม่มีใครทำงานด้วยหรอกครับเจ้านาย หรือสิ่งเร้านั้นอาจจะเป็นรางวัลที่จับต้องได้หรือเกียรติยศก็ได้ครับ เพราะเราเองก็ยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการสิ่งตอบแทนอยู่ดีนั่นเอง เรียกว่ายังละกิเลสไม่ได้หมดหรอกโยม
P=Pratic ฝึกฝนครับ การสร้างแรงบันดาลใจฝึกฝนได้ครับ มนุษย์เราไม่ได้เป็นอะไรมาตั้งแต่เกิดหรอกครับ อยู่ที่การฝึกฝน หากมีลูกน้องก็ลองให้ลูกน้องฝึกบ่อยๆนะครับ หรือหากท่านเป็นเจ้านายก็ลองฝึกตัวเองอยู่เสมอๆนะครับ ไม่ใช่ให้ลูกน้องบอกว่าเป็นเจ้านายเพราะอยู่นาน เพราะการฝึกฝนจะทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตซึ่งแรงบันดาลใจนั้นจะมีจุดมุ่งหมายอยู่เสมอครับ ฝึกไปเรื่อยๆนะครับแล้ววันหนึ่งเราจะเป็นผู้ที่มีความฝันและทำความฝันให้เป็นจริงไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นเรื่องอะไร ทั้งกิจการ งาน ทีม ตลอดจนพฤติกรรมของตนเอง ที่จะพัฒนาไปในทางที่เป็นบวกทั้งต่อตัวท่านเอง ชุมชน กลุ่มสังคม และประเทศชาติในที่สุด
E=Example คือการมีตัวอย่างที่ดี หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีบุคคล หรือสถาบันอื่นๆเป็นตัวอย่าง เช่น ถ้าใครอ้วนมากๆ ลองดูรายการ BIGGEST LOOSER ที่ผมกล่าวตอนต้นเป็นตัวอย่าง คนสองร้อยกิโลกรัมลดลงเหลือหร้อยกิโลกรัมได้แล้วทำไมเราแค่ หนึ่งร้อยยี่สิบจะลดเหลือเก้าสิบเก้ากิโลไม่ได้ครับ ดังนั้นลองหาคนเป็นต้นแบบแบบที่วัยรุ่นเค้าเรียกว่าไอดอลนะ อยากเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ก็คงต้องมีนักพูดในดวงใจเก็บเกี่ยวประสบการณ์ฝึกฝนเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริงให้ได้ เพราะโลกนี้คงไม่มีใครที่จะเกิดมาแล้วเก่งไปเสียทุกเรื่องดังนั้น “หาแรงบันดาลใจ” ให้เจอ แล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของท่านเสียเพื่อไปให้ถึง “ฝัน และ เป้าหมาย “ ของท่าน แล้ว “ใคร” คือ “ไอดอลของคุณ” มีหรือยังเอ่ย?” ……………
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น