เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็ประมาณว่าซัก ไม่เกิน 30 ปี อาจจะไม่คุ้นกับสุภาษิตที่ว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก” ซึ่งจิ๊กโก๋รุ่นผม (หรือที่เรียกว่าเด็กแว้นในรุ่นนี้) เค้าก็ประดิดประดอยเสียใหม่ให้โดนใจวัยรุ่นว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ปากแต่หากพูดมากปากจะมีสี(แดง) “ คือประมาณว่าหากพูดมากไปจะโดนชกแล้วปากแตกประมาณนี้ครับท่าน เร็วๆนี้ทุกท่านคงได้เห็นข่าวที่น้องธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกธนศักดิ์ อายุแค่ 14 ปี ที่เกิดอุบัติเหตุตกไปในรางรถไฟฟ้าที่สิงค์โปรแล้วถูกรถไฟทับขาขาดทั้งสองข้าง เห็นความเข้มแข็งของน้องธันย์แล้วต้องยอมรับจริงๆว่า “ชีวิตเธอคิดบวก” แรกๆที่อยู่โรงพยาบาลที่ประเทศสิงค์โปร มีนักข่าวไปสัมภาษณ์น้องไม่มีเศร้าให้เห็นแถมยังบอกว่าไม่เป็นรัยชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่คุณพ่อคุณแม่ที่ว่าก็เข้มแข็งแล้วยังดูสีหน้าเศร้าๆอยู่เลย ในขณะที่น้องธันย์ทั้งคำพูด แววตา ท่าทาง ฯลฯ ช่างสดใสและจริงใจจริงสำหรับน้องเค้า น่าจะเป็นตัวอย่างให้กับใครหลายๆคนที่จมปลักกับความทุกข์จนไม่ได้ให้โอกาสกับตัวเอง จนมาถึงวันที่กลับมาเมืองไทยคุณสรยุทธเจ้าพ่อเล่าข่าวแห่งช่องสามได้เชิญน้องธันย์และคุณพ่อมาออกรายการอีกครั้ง รายการก็ออกรสตามสไตล์คุณสรยุทธเค้าแหละครับเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา มีประโยคเด็ดที่อยากนำมาฝากเพื่อเป็นข้อคิดกับลุงป้าน้าอาทั้งหลายในตอนท้ายที่คุณสรยุทธให้น้องธันย์พูดให้กำลังใจคนที่ท้อแท้ คือ “อยากให้กำลังใจกับคนที่ท้อแท้ เพราะว่าเค้าจะได้มีจิตใจสู้ต่อไป ชีวิตเราไม่ต้องมองส่วนที่ขาดหายไป เราควรจะมองสิ่งที่มีขึ้นในอนาคตจะดีกว่า เพราะว่าคนเราชีวิตต้องดำเนินไปข้างหน้าไม่ใช่จะดำเนินถอยหลัง และเราควรจะทำให้คนอื่นเอ็นดูรักและชื่นชม ดีกว่าจะให้คนเขามาสงสาร “ เรียกวว่าโคลสคำพูดน้องเค้ามาเลยคำต่อคำ ได้ใจจริงๆครับน้องธันย์เด็กอะไรก็ไม่รู้แกร่ง สดใส ชีวิตคิดบวก ทายได้เลยว่าน้องต้องประสบความสำเร็จและมีความสุขที่สุดในโลกเลย ต้องขอชมพ่อแม่ครอบครัวครูบาอาจารย์เพื่อนๆและคนรอบข้างน้องๆที่ทำให้เด็กอายุ 14 ปีคนหนึ่งที่มีความสุขแม้เสียขาทั้งสองข้างไป
เอ.........แล้วในการทำงานหรือการบริหารงานละครับมีวลีเด็ดใดบ้างที่นักบริหารควรจะมีไว้ประจำตัว ประจำปาก เพื่อให้ได้ใจลูกน้อง เพื่อนร่วมงานเพราะคนที่เก่งอย่างเดียวทางด้านการงานคงประสบความสำเร็จไปไม่ได้หากขาดเสียซึ่งเพื่อนร่วมงาน และทีมงานที่มีส่วนช่วยผลักดันให้งานนั้นประสบความสำเร็จไปได้ ลองรวบรวมดูแล้วน่าจะมี..........ดังนี้
1.”ผมขอโทษ” คำนี้คลาสสิคมากๆเพราะเป็นคำที่คนไทยไม่ค่อยยอมรับกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองและผู้บริหารยิ่งสูงก็ยิ่งพูดไม่เป็นเพราะคิดว่าพูดไปแล้วจะทำให้ตนเองผิด เลยใช้แค่เสียใจ(เท่านั้นไม่พอหรอกครับ) ผมไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ แต่ทุกท่านคงรู้หรือสัมผัสได้ถึงความหมายของทั้งสองคำนี้ว่ามันดูเหมือนกัน แต่มันได้ใจต่างกันครับ
2.”ผมวางใจในตัวคุณ” มันเหมือนเป็นการแสดงถึงความเชื่อ รัก ศรัทธา ในตัวลูกน้องว่าเค้าเป็นคนที่นาย หัวหน้า ไว้วางใจหากคุณไม่วางใจในลูกน้องแล้วลูกน้องจะวางใจในตัวคุณได้อย่างไร
3.”ผมภูมิใจในตัวคุณ” เวลาลูก หรือ ลูกน้องทำอะไรแม้จะเป็นความสำเร็จเล็กน้อย หากเราเอ่ยว่านั่นเป็นความภาคภูมิใจของคุณแล้ว สิ่งเล็กที่เรียกว่า “หัวใจ” เค้าจะพองโตเป็นแน่แท้
4.”ผมเชื่อว่าคุณทำได้” เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกน้อง เพราะหากเรามัวแต่ไม่มันใจในตัวเค้าแล้ว มันก็ยิ่งบั่นทอนความเชื่อในตัวเค้าว่าคงทำไม่สำเร็จ
5.”ผมขอขอบคุณคุณ” คำนี้ดูเหมือนง่ายและรู้สึกจะติดปากกับใครหลายๆคนเป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าคำนี้ในหัวหน้าหลายคนดูเหมือนว่ามันดูจะลำบากยากเย็นเสียเหลือเกินที่จะเอ่ยออกมา แม้ในเรื่องเล็กน้อยหากเราเอ่ยคำนี้มันจะยิ่งใหญ่มากๆๆๆๆๆๆ หากลูกน้องยิ่งเล็กๆๆๆเท่าใดมันก็จะยิ่งใหญ่มากๆๆๆเท่านั้น เพราะนั่นดูเหมือนว่าเขาได้ทำสิ่งที่หัวหน้าเห็นคุณค่า แม้คุณค่านั้นจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม เช่น ไปหยิบเอกสารให้ หรือแม่บ้านนำกาแฟมาเสิรฟ
6.”ผมจะไม่มีวันนี้ ถ้า.........” แม้ว่าความสำเร็จนั้นจะเป็นความรู้ความสามารถของเราเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อย่าลืมกล่าวถึงลูกน้องที่แม้จะมีส่วนในความสำเร็จนั้นไม่มากก็ตาม และยิ่งหากเขามีส่วนในความสำเร็จมากๆก็ต้องไม่ลืมเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้คำๆนี้ งานประกาศตุ๊กตาทองผู้ที่ได้รับมักจะออกมากล่าวสรรเสริญบุคคลที่ทำให้ตนเองมีวันนี้ได้เรียกว่ารู้จักบุญคุณคนไงละครับ อย่านำไปเปรียบเทียบกับนักแสดงนักร้องขวัญใจวัยรุ่นที่มีข่าวอยู่เสมอว่ามีคนทวงบุญคุณเลยครับ ที่เหลือท่านคงคิดเอาเองได้นะครับ
7.”ผมผิดเอง” บางครั้งเราเองในฐานะหัวหน้าก็ต้องรับผิดแทนลูกน้องเพราะว่าในบางสถานการณ์แล้ว ความผิดนั้นหากลูกน้องเป็นคนทำแต่ว่ามันอาจจะรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับผิดชอบได้ นายที่ดีลองรับผิดแทนลูกน้องซิครับแล้วจะรู้ว่าได้ใจลูกน้องจริงๆครับ เช่น พนักงานขับรถเอารถไปใช้ส่วนตัวแล้วเกิดอุบัติเหตุหากเราผมรับผิดว่าได้ใช้ให้ไปทำงานเป็นต้น
8.”ผมขาดคุณไม่ได้” ซึ่งไม่เหมือนกับขาดเธอเหมือนขาดใจนะครับ เพราะในกรณีนี้หมายถึงการแสดงออกว่า เราขาดเขาไปไม่ได้ก็เท่ากับว่าเขามีความสำคัญต่อเราอย่างมหาศาลทำให้ลูกน้องเห็นคุณค่าในตนเองมากยิ่งขึ้น และเชื่อหัวไอ้เรืองเถอะครับว่าเมื่อใดที่เราเห็นคุณค่าเขาแล้วเราจะได้รับกลับคืนเป็นหลายเท่าอย่างแน่นอน
9.”ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ” เป็นการให้โอกาสลูกน้องได้แสดงออกได้มีโอกาสคิดอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่อะไรก็ให้นายจัดการให้ ให้นายคิดให้ไปเสียหมด แล้วเมื่อไหร่ลูกน้องจะคิดเป็นละครับ แต่ในบางสถานการณ์นายก็ต้องฟันธงบ้างนะครับเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ก็แล้วกัน แต่คนส่วนใหญ่มักจะสลับเหตุการณ์ในการตัดสินใจกันไปเสียนี่
เลือกช๊อตเด็ดๆติดปากไว้ซักสองสามช๊อตนะครับหรือหากอยากเหมาทั้ง 9 ช๊อตก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใดทั้งสิ้น และอย่าลืมนะครับไม่มีใครดีพร้อมแต่หากเขาพร้อมจะทำดีก็ช่วยกันสนับสนุนส่งเสริม ให้ทุกคนได้ก้าวต่อไป อย่าง “ชีวิตคิดบวกได้ไม่มีเศร้า” ขอปิดท้ายด้วยวลีจากท่าน ว.ว่า “ยากเพราไม่ทำ ถ้าทำก็ไม่ยาก” ครับท่าน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เอ.........แล้วในการทำงานหรือการบริหารงานละครับมีวลีเด็ดใดบ้างที่นักบริหารควรจะมีไว้ประจำตัว ประจำปาก เพื่อให้ได้ใจลูกน้อง เพื่อนร่วมงานเพราะคนที่เก่งอย่างเดียวทางด้านการงานคงประสบความสำเร็จไปไม่ได้หากขาดเสียซึ่งเพื่อนร่วมงาน และทีมงานที่มีส่วนช่วยผลักดันให้งานนั้นประสบความสำเร็จไปได้ ลองรวบรวมดูแล้วน่าจะมี..........ดังนี้
1.”ผมขอโทษ” คำนี้คลาสสิคมากๆเพราะเป็นคำที่คนไทยไม่ค่อยยอมรับกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองและผู้บริหารยิ่งสูงก็ยิ่งพูดไม่เป็นเพราะคิดว่าพูดไปแล้วจะทำให้ตนเองผิด เลยใช้แค่เสียใจ(เท่านั้นไม่พอหรอกครับ) ผมไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ แต่ทุกท่านคงรู้หรือสัมผัสได้ถึงความหมายของทั้งสองคำนี้ว่ามันดูเหมือนกัน แต่มันได้ใจต่างกันครับ
2.”ผมวางใจในตัวคุณ” มันเหมือนเป็นการแสดงถึงความเชื่อ รัก ศรัทธา ในตัวลูกน้องว่าเค้าเป็นคนที่นาย หัวหน้า ไว้วางใจหากคุณไม่วางใจในลูกน้องแล้วลูกน้องจะวางใจในตัวคุณได้อย่างไร
3.”ผมภูมิใจในตัวคุณ” เวลาลูก หรือ ลูกน้องทำอะไรแม้จะเป็นความสำเร็จเล็กน้อย หากเราเอ่ยว่านั่นเป็นความภาคภูมิใจของคุณแล้ว สิ่งเล็กที่เรียกว่า “หัวใจ” เค้าจะพองโตเป็นแน่แท้
4.”ผมเชื่อว่าคุณทำได้” เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกน้อง เพราะหากเรามัวแต่ไม่มันใจในตัวเค้าแล้ว มันก็ยิ่งบั่นทอนความเชื่อในตัวเค้าว่าคงทำไม่สำเร็จ
5.”ผมขอขอบคุณคุณ” คำนี้ดูเหมือนง่ายและรู้สึกจะติดปากกับใครหลายๆคนเป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าคำนี้ในหัวหน้าหลายคนดูเหมือนว่ามันดูจะลำบากยากเย็นเสียเหลือเกินที่จะเอ่ยออกมา แม้ในเรื่องเล็กน้อยหากเราเอ่ยคำนี้มันจะยิ่งใหญ่มากๆๆๆๆๆๆ หากลูกน้องยิ่งเล็กๆๆๆเท่าใดมันก็จะยิ่งใหญ่มากๆๆๆเท่านั้น เพราะนั่นดูเหมือนว่าเขาได้ทำสิ่งที่หัวหน้าเห็นคุณค่า แม้คุณค่านั้นจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม เช่น ไปหยิบเอกสารให้ หรือแม่บ้านนำกาแฟมาเสิรฟ
6.”ผมจะไม่มีวันนี้ ถ้า.........” แม้ว่าความสำเร็จนั้นจะเป็นความรู้ความสามารถของเราเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็อย่าลืมกล่าวถึงลูกน้องที่แม้จะมีส่วนในความสำเร็จนั้นไม่มากก็ตาม และยิ่งหากเขามีส่วนในความสำเร็จมากๆก็ต้องไม่ลืมเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้คำๆนี้ งานประกาศตุ๊กตาทองผู้ที่ได้รับมักจะออกมากล่าวสรรเสริญบุคคลที่ทำให้ตนเองมีวันนี้ได้เรียกว่ารู้จักบุญคุณคนไงละครับ อย่านำไปเปรียบเทียบกับนักแสดงนักร้องขวัญใจวัยรุ่นที่มีข่าวอยู่เสมอว่ามีคนทวงบุญคุณเลยครับ ที่เหลือท่านคงคิดเอาเองได้นะครับ
7.”ผมผิดเอง” บางครั้งเราเองในฐานะหัวหน้าก็ต้องรับผิดแทนลูกน้องเพราะว่าในบางสถานการณ์แล้ว ความผิดนั้นหากลูกน้องเป็นคนทำแต่ว่ามันอาจจะรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับผิดชอบได้ นายที่ดีลองรับผิดแทนลูกน้องซิครับแล้วจะรู้ว่าได้ใจลูกน้องจริงๆครับ เช่น พนักงานขับรถเอารถไปใช้ส่วนตัวแล้วเกิดอุบัติเหตุหากเราผมรับผิดว่าได้ใช้ให้ไปทำงานเป็นต้น
8.”ผมขาดคุณไม่ได้” ซึ่งไม่เหมือนกับขาดเธอเหมือนขาดใจนะครับ เพราะในกรณีนี้หมายถึงการแสดงออกว่า เราขาดเขาไปไม่ได้ก็เท่ากับว่าเขามีความสำคัญต่อเราอย่างมหาศาลทำให้ลูกน้องเห็นคุณค่าในตนเองมากยิ่งขึ้น และเชื่อหัวไอ้เรืองเถอะครับว่าเมื่อใดที่เราเห็นคุณค่าเขาแล้วเราจะได้รับกลับคืนเป็นหลายเท่าอย่างแน่นอน
9.”ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ” เป็นการให้โอกาสลูกน้องได้แสดงออกได้มีโอกาสคิดอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่อะไรก็ให้นายจัดการให้ ให้นายคิดให้ไปเสียหมด แล้วเมื่อไหร่ลูกน้องจะคิดเป็นละครับ แต่ในบางสถานการณ์นายก็ต้องฟันธงบ้างนะครับเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ก็แล้วกัน แต่คนส่วนใหญ่มักจะสลับเหตุการณ์ในการตัดสินใจกันไปเสียนี่
เลือกช๊อตเด็ดๆติดปากไว้ซักสองสามช๊อตนะครับหรือหากอยากเหมาทั้ง 9 ช๊อตก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใดทั้งสิ้น และอย่าลืมนะครับไม่มีใครดีพร้อมแต่หากเขาพร้อมจะทำดีก็ช่วยกันสนับสนุนส่งเสริม ให้ทุกคนได้ก้าวต่อไป อย่าง “ชีวิตคิดบวกได้ไม่มีเศร้า” ขอปิดท้ายด้วยวลีจากท่าน ว.ว่า “ยากเพราไม่ทำ ถ้าทำก็ไม่ยาก” ครับท่าน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ดี่ง่ะเพื่อน ดีมั๊ก..มั๊กค่ะ..ชอบบบบบบบบบบบ
ตอบลบ